20 ตุลาคม 2551 22:33 น.
ผมชื่อโจ้
๑.โดยทั้งเหน็บทั้งหนาวเข้ากระดูก
ลมก็แต่พรมถูก หนาวสะท้าน
เสมือนแส้โบยตีบริบาล
ให้หนาวนี้หนาวนานสะเทือนใจ
๒.ยิ่งสะท้านสะเทื้อนตัวสั่นเทิ้ม
ลมก็เจิมพัดเจื่อนใจสั่นไหว
ลมเขย่าสั่นคลอนซอกซอนไช
ตอกตรึงซ่าน อยู่ในความเงียบตรม
๓.อยู่ในความเงียบงำอันรำพัน
อันอ้อยสร้อยกับฝัน ผสานผสม
ฝันถึงรักสล้าง ฝันพร่างพรม
กลายเป็นฝันลมลม แล้งแล้งลาญ
๔.ยุ่ยละเอียด ปลิวย่อยลอยกับลม
เทศกาลรักขม มาส่งสาส์น
ลมยิ่งหนาวยิ่งเหงายิ่งทะยาน
ใจก็ยิ่งสั่นซ่านทะลวงทรวง
๕.ทอดแต่ สายตาตรมข่มตบะ
หลับตา เหมือนยิ่งปะ ติดแต่บ่วง
บ่วงแห่งใจในฤดูฤดีดวง
อันกลวง ไปทุกห้วงฤดีกาล
๖.ได้แต่ยิ้มกระเซ้าเย้าสายลม
คอยแต่สูดดอมดมเจ้าลมหวาน
เผื่อสักห้วงแห่งลม จะพรมประทาน
พัดใจใครลอยผ่านหลงฤดู
-------**//**------
4 ตุลาคม 2551 11:21 น.
ผมชื่อโจ้
[1]อุทกภัยในน้ำตา
ไหลบ่า ยิ่งกว่าน้ำสายไหน
ไหลท้น รวมเป็นน้ำตาไทย
ไหลสู่ ความขาดไร้อัตคัด
[2]ขัดเคือง ข้นขุ่น ขอดหมอง
แผ่นดินทั้งผองวิบัติ
วิปโยคโศกเศร้าสารพัด
สารพันสันทัดแต่ความทุกข์
ทั้งมวล มหาโทมนัส
แก้ขัด ก็แต่น้ำตาปลุก
ตามเร้า เร่งกระแทกทุรยุค
หลับตา จะหาสุขนั้นไม่พบ
[3]คอยแต่ จะมองตาม
สายน้ำ ก็เห็น หมาเป็นศพ
เห็นซาก ขอนไม้ที่ไหลซบ
กระแทกน้ำ ทำนบเพียงลำพัง
มหกรรมแม่น้ำระบำบัด
เริงร่ายมันกลัด น้ำตาหลั่ง
น้ำตาของแม่น้ำ มรณัง
พังพาบไปสุดหยั่งแม่ธรณี
[4]เสมือนเทศกาลของน้ำตา
ผู้คนมากหน้า ก็มากหนี้
มากรวมอยู่ในมหานที
อุทกภัยสายนี้มีความทุกข์
[5]ยอมือ บ้างไหว้ประนมกร
กราบไท้ ขอพรชำเราสุข
ชำระ ปัดเศร้าอันเร้ารุก
เร่งเร้าอยู่ในทุกลมหายใจ
[6]คืออุทกภัยในน้ำตา
ไหลบ่า ยิ่งกว่าน้ำสายไหน
ไหลท้น รวมเป็นน้ำตาไทย
ไหลสู่ ความขาดไร้อัตคัด