10 พฤษภาคม 2547 18:22 น.
ผมชื่อโจ้
มีอยู่ในพลังเข้มขลังนัก
เหมือนขมวดเก็บมาหมักไว้เต็มหมด
อิทธิฤทธิ์ความกระสันแค่รันทด
ขาดโอกาสจึงต้องอดชิมรสรัก
หมายถึงสนามจะลงซ้อม
ฝึกฝีมือให้พร้อม จะถอดสลัก
ฝึกปรือ ปฏิบัติ ไม่ขัดชะงัก
ยึกยัก เยื้องย้าย ไม่อายใคร
ปลุกเอาความเข้มข้นให้ขนลุก
ขลุกอยู่กับความสุขที่เสพไล้
ขนเอาความองอาจประกาศไชย
ฉลองสวรรค์อันอำไพในพลัง
ในหมวดความกระสันอันขาดเสพ
เป็นสังเขปความสุขที่เฝ้าสั่ง
ได้ระบายฝายกระชากออกจากคลัง
แล้วขมวดเค้นพลังมาหมักคืน
(ก็นั่นแหละความสุข
ปลุกให้ความอดได้สดชื่น)
9 พฤษภาคม 2547 12:27 น.
ผมชื่อโจ้
คืออารมณ์ผ่อนคลายที่อยากพัก
นั่งเอามือวักน้ำขึ้นลูบหน้า
แล้วแผ่พุงนอนบนเตียงที่เถียงนา
มองฝูงนกร่อนถลาระเริงลม
ไม่สนใจไยดีในชีวิต
เหมือนไม่มีความคิดจะต้องบ่ม
หมายถึงไม่มีอะไรให้ชื่นชม
รมณีย์สมานผสมให้กลมกลืน
ได้แค่นี้แต่ละวันผ่อนบรรเทา
เฝ้าทุ่งนาเช้ายันค่ำหลับกลับตื่น
ช่วงสั้น ๆของชีวิตวันและคืน
ตีบตันไม่สดชื่นในคืนวัน
เพราะอารมณ์ผ่อนคลายไม่หายเศร้า
อดคิดถึงตัวเจ้าเหงาหวั่น ๆ
ไม่มีเจ้าให้ขี่หลังจากครั้งนั้น
เพราะขาดเงินจะแบ่งสรรสหกรณ์
(แล้วหน้าฝนจะเอาใครมาไถนา
คงเป็นควายคูโบต้าไปพลางก่อน)
6 พฤษภาคม 2547 19:48 น.
ผมชื่อโจ้
ฉันไม่ได้รักเธอน้อยลง
แต่รู้ว่าเราคงไปด้วยกันไม่ได้
มีช่องว่างระหว่างเรามากมาย
และแผ่ขยายมากขึ้นทุกวัน
................................
คนสองคนย่อมมีความแตกต่าง
ในหลายอย่างทั้งความจริงและความฝัน
ฉันยอมรับและก็เข้าใจมัน
แต่เธอต้องการให้เราเหมือนกันทุกสิ่งไป
เธอไม่ยอมที่ฉันจะมีโลกส่วนตัว
เธอหวาดกลัวว่าฉันจะหนีหาย
คิดหรือว่าเราจะผูกติดกันไปจนตาย
มันไม่ง่ายเพราะใจฉันย่อมดิ้นรน
ฉันรู้ว่าเธอทำไปเพราะรักฉัน
ลืมว่ามันน่าอึดอัดขัดข้องและหมองหม่น
แล้วความสัมพันธ์ที่ฝ่ายหนึ่งต้องอดทน
ก็มาถึงวันอับจนแล้ววันนี้
ขออย่าได้คิดว่าเป็นการทำร้ายหัวใจกัน
และไม่ใช่ฉันต้องการจะหลีกหนี
เพียงฉันต้องเลือกเสรี...ที่ฉันพึงมี
ให้กับชีวิตเป็นใหญ่
...................................
ฉันไม่ได้รักเธอน้อยลง
และรู้ว่าเราคงไปด้วยกันไม่ได้
มีช่องว่างระหว่างเรามากมาย
และแผ่ขยายจนเราไม่อาจข้ามมาหากัน