6 พฤษภาคม 2552 14:51 น.
ผมชื่อโจ้
๐แม่ดอกไม้งามหอมเมื่อดอมเจ้า
กลิ่นดอกรักหอมเร้าปากเจ้าหอม
เคลิ้มประทินกลิ่นผมได้ดมดอม
หวานเกสร จมูกน้อมหอมบุษบา
๐หวานละมุนละไมใบหน้านวล
หวานดอกไม้ทั้งมวลสวนชุ่มป่า
งามไสวหวานโปรยหอมโชยพา
ให้หลับนึกใบหน้าผกากรอง
๐เจ้าคือชาติบุปผาช่อมนุษย์
เบญจวรรณวิสุทธิ์งามผุดผ่อง
อัปสรช่อชบาผิวทาทอง
เคลิ้มคะนึงเทียวท่องนิราศนาง
๐แม่ดอกไม้งามพร้อม หอมสมัย
เจ้าหอมให้ หอมทุกอย่างอางขนาง
เจ้าหอมหวน หอมอิ่ม หอมนิ่มปราง
หอมมิหาย มิห่างหอมนางนาน
๐ข้าพเจ้าอยากหอม ดอมดอกไม้
ชนิดนี้ที่ใด ในสถาน
จะเกิดอยู่ที่ไหนในจักรวาล
(ได้โปรด) ประทานให้ข้าพเจ้าเทอญ
ได้โปรด!
23 เมษายน 2552 16:50 น.
ผมชื่อโจ้
เธอ:ผู้ผ่านสมรภูมิ ความรัก
ผ่านความเศร้ามาพักหัวใจกร่อน
ผ่านมาเหย้าน้ำตาแห่งอาทร
ผ่านมาฉายสะท้อนสะเทือนใจ
เธอ:ผู้อยู่ในสนามแห่งความรัก
เธอผู้หักผู้โหมผู้ร้องไห้
เธอผู้ผละจากบ่วงความห่วงใย
เธอผลักหนีแท้ไม่ มิได้เลย
มิได้หรอก เธอผู้มีหัวใจ
เธอมีไฟความรักอย่างเปิดเผย
รู้ที่มี ผ่านมา เท่าที่เคย
ความอกหัก ก็เยาะเย้ยจนเย็นชา
เธอผู้มีหัวใจในความรัก
ในสนามของนักแสวงหา
ดูสิเหงื่อ เต็มเนื้อพรางน้ำตา
ใจเธอหอบเหนื่อยล้า สมรภูมิ
เธอผู้มีความรักในหัวใจ
ยังจะเจอกองไฟ ในมรสุม
ยังจะอยู่มาเยือนมาล้อมรุม
เป็นปุ่ม เป็นปม อยู่ต่อไป
ขอให้เธอมีใจในความรัก
ให้หาที่ พำนักหารักใหม่
เสมือนสนาม สมรภูมิหัวใจ
รักยังอยู่โยงใย ไปนิรันดร์
7 เมษายน 2552 12:03 น.
ผมชื่อโจ้
๐โลกร้อน ใจร้อน มิห่อนพัก
แท้เราจัก ห่อนดำรง อสงไขย
อสาระ สาระ ใดใด
เวี่ยวน หัวใจ ให้แหลกลาญ
๐ฝันร้อน พะรุงพะรัง พังพาบ
ฝันจักทาบ ร้อนเร่า เผาผลาญ
ดาษแด ขื่นดวง ทรวงมาน
ประหัตประหาร ประชุมไฟ
๐ประชุมเพลิง ประเทศชาติ
สุมฝัน ดารดาษ ป่วยไข้
สงคราม ความชัง จังไร
กระเจิงฝัน ร่ำไห้ แตกกระจาย
๐แตกตก ระเหิด ตบะแตก
ต่างแปลก ใบหน้า มิตรสหาย
ต่างเพียง เหลือง-แดง เปล่าดาย
สุดท้ายประเทศไทย คือไตรรงค์
14 มีนาคม 2552 11:28 น.
ผมชื่อโจ้
๐ดวงตาของข้าพเจ้า
ทอดมอง ทอดเงาตะวันต่ำ
ทอดฟ้า สีคราม คร้ามดำ
คล้อยตกเข้าค่ำตลอดคืน
๐มองเห็นฟ้า สีครึ้มทึมเทา
จนเป็นฟ้าสีเศร้า สีฟ้าขื่น
ฟ้าก็ฟ้า ทั้งฟ้าจะพังครืน
ไปกับความต่อมตื้นของน้ำตา
๐เพราะความเศร้าของดวงใจ
ร่ำไห้ รำพัน ฝันหา
ดวงใจของใครในดาริกา
ลอยเปล่งฟ้า คืนนี้ อยู่ที่ใด
๐ดวงตาของข้าพเจ้า
เพ่งกลืนเคล้าความมืด ก็ร้องไห้
ยื่งมืด ยิ่งดึก นึกห่วงใย
อีกแววตาเป็นเช่นไรในราตรี
๐หรืออาจเพียง พร่ำเพ้อพรรณนา
ตัดพ้อจน พระจันทร์ทารัศมี
ความคิดถึงก็แค่วน ในมลฤดี
ก็แค่นั้น ไม่มี ไม่ได้ยิน
๐ไม่ได้อะไร หัวใจก็จ่อมจม
ระทม ระทดท้อ หมดสิ้น
หยัดกาย เหยียดขากระแทกดิน
ก้มกิน น้ำตาจนฟ้าวาย
22 กุมภาพันธ์ 2552 11:29 น.
ผมชื่อโจ้
๑.นี่แหละ!น้ำตา
คือน้ำใจอันไหลบ่าของความเหงา
นี่ก็คือ คนรักของรูปเงา
จับต้องได้ แต่ว่างเปล่าเดียวดาย
๒.นี่แหละ!ความทุกข์
ตัวทับถม ความสุขให้หนีหาย
หนีเตลิด เข้ากลีบเมฆมลาย
ปล่อยให้ท้ายความทุกข์เข้าโถมทำ
๓.นี่แหละ ก็นี่แหละ
ชี้นิ้ว ชี้แปะ ลงทางต่ำ
หมายถึง ชีวิตก็ชี้นำ
ย่ำ จม ซ้ำๆกับน้ำตา
๔.ก็ทำไม ในชีวิต
เลือกจะเปิด จะปิด จะแปร่งปร่า
จะเศร้า จะสุข จะเอือมระอา
จะยิ้ม หัวเราะร่า ก็ทำไม
๕.ก็ทำไม ไม่ทำ ควรกระทำ
เลือกจำ เลือกจด เอาใจใส่
เอาใจเขา มาใส่ใจ
ตั้งค่าไว้ แล้วคิด วางไม่วาง
๖. ปล่อยเปลืองพลัง จะทรมาน
โลกมีหลายด้าน ขาวดำด่าง
แต่เราเลือก จะรับรู้เพียงลางๆ
เสพสุขไม่รู้สร่าง ช่างปะไร
๗.เอ่อน่ะ! ก็ช่างหัว
ยืนยิ้มยั่ว ยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่
กอดอก พูดเพ้อ อย่างไยไพ
รอฟังเสียงร้องไห้ อีกหลายคน