10 มิถุนายน 2552 20:54 น.
ผมชื่อโจ้
๐ยื่นแขนมารับขวัญ
ผูกเส้นด้ายเขษมศานต์
ผูกต่อบริบาล
ผจงจารผูกมัดใจ
๐ผูกเข้ากับข้อมือ
ผูกพร้อมถือมือกำไข่
ผูกพันมโนมัย
ผูกโยงใยต่อไมตรี
๐ผูกภาพภราดร
ผูกเพื่อสอนสู่วิถี
สู่กรรมวิธี
ทางชีวิตผูกทิศทาง
๐ขวัญเอยเจ้าจอมขวัญ
ขวัญหัวใจอย่าได้ห่าง
แรมเร่ลับเลือนลาง
ขวัญอย่าร้างลอยลางเลือน
๐ขวัญถนอมเจ้าจอมขวัญ
ขมาขวัญอย่าลอยเคลื่อน
อยู่เหย้าขวัญเจ้าเรือน
ขวัญไม่เลื่อนเลือนลางลอย
๐เส้นด้ายคือสายสิญจน์
ผูกถวิลมิถดถอย
ผูกขวัญข้อมือน้อย
บายศรีสร้อยขวัญมุนี
๐จีบเรียงใบตองสวย
ขึ้นเป็นพานเขียวสดสี
บรวงสรวงขวัญฤดี
สู่ขวัญศรีสถิตใจ
๐ผูกด้ายเข้าข้อมือ
ผูกพร้อมถือมือกำไข่
ผูกพันมโนมัย
ผูกโยงใยต่อไมตรี
๐ผูกภาพภราดร
ผูกเพื่อสอนสู่วิถี
สู่กรรมวิธี
ทางชีวิตผูกทิศทาง
.......ฯ
2 มิถุนายน 2552 20:33 น.
ผมชื่อโจ้
-----------
๑.
๐นับที่เธอร้องไห้เท่าไหร่แล้ว
จะร้องร่ำหรือร้องแผ่วก็ร้องไห้
หรือร้องบ้างบางครั้งใครปลอบใจ
บ้างร้องโดยมิมีใครมาปลอบโยน
๐เท่าที่เธอร้องไห้เท่าไหร่กัน
เมื่อความรักต่างฝันอันผาดโผน
ถ้าน้ำตาจะล้างทุกข์อันลุกโชน
คงแต่ตาจะบวมโปนทั้งสองตา
๐เท่าที่เธอร้องไห้ไหลอาบแก้ม
เพียงรอยยิ้มเคยแย้มก็รอท่า
ไม่มีหรอกร้องไห้แล้วได้มา
ความสุขเต็มใบหน้าไม่เคยมี
๒.
๐เท่าที่เธอร้องไห้ก็ได้บ้าง
ได้ปล่อยเสียงมาต่างเครื่องดีดสี
ได้น้ำตาเต้นระบำรำดนตรี
อยู่ในวงพักตร์ที่ น่าเวทนา
๐เข้าใจเธอร้องไห้ในความเศร้า
ถึงจะร้อง แต่เช้านี้ถึงเช้าหน้า
เศร้าของเธอก็ยังเศร้าเอาน้ำตา
เศร้าในแรงปรารถนารักลาโรย
๓.
๐จะรอเธอถอนทาสจากความเศร้า
ทาสน้ำตาที่เร่า ร้องระโหย
ทาสความรักเสมือนแส้เฆี่ยนโบย
ร้องโอดโอยก็ยังทน ถูกสนตะพาย
๐จะรอเธอสะบัดหลุด ดิ้นสะบัด
หลุดจากเชือกร้อยรัด เศร้าหลุดหาย
หลุดจากหล่มน้ำตากลับมากลาย
เป็นรอยยิ้มผ่อนคลายความกังวล
๐จะรอเธอจนกว่าหยุดร้องไห้
จนหัวใจเข้มแข็งแแหละเข้มข้น
พร้อมไปสู่สมรภูมิ รักอำพน
เผชิญมนต์เข้มขลังอีกครั้งครา
.....จะรอเธอ.
------------
26 พฤษภาคม 2552 21:54 น.
ผมชื่อโจ้
๐จะมีอยู่ในใจอยู่ในนี้
อยู่ในความปราณีปรารถนา
อยู่ในความอาทรภราดา
อยู่ในวงสนทนาของหัวใจ
๐จะมีอยู่ยั่งยื่นเยาวมาลย์
น้ำตา ฤาจะต้านความรักได้
จะมีหรือ หรือมิมีอะไรใด
จะต้านอยู่ผลิใบของรักบาน
๐อาจจะมีโลกเศร้าอันเก่าหม่น
ก็เป็นเพียงผลิตผลของกิ่งก้าน
ที่รอวันผลิใบเต็มใจจาร
รอแตกใบเต็มลานบานเต็มใจ
๐ก็ดูสิรอยยิ้มอันพริ้มเพรา
ระหว่างยิ้มสองเรา เรายิ้มให้
ยิ้มที่โปรยความฉ่ำยิ้มอำไพ
ยิ้มละมุนละไมยิ้มให้กัน
๐อวลอิ่มไอในรักระหว่างเรา
รักที่คอยพะเน้าพะนอฝัน
รักที่เป็นพลังเป็นรางวัล
รักที่คอยปลุกปั่นประโลมใจ
๐จะรักเจ้ามากเท่ากว่าเจ้ารัก
เป็นคำมั่นประจักษ์กว่ารักไหน
วันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนใด
ความรักมิเปลี่ยนไปไม่เปลี่ยนแปลง
----
24 พฤษภาคม 2552 11:58 น.
ผมชื่อโจ้
๐จะเป็นชู้กับใครก็ไม่ว่า
เป็นกับแร้งอีกาอีห่าหอย
เป็นกับหมากับแมว กับมดตะนอย
ไม่ต้องมาม่อยต้อยม้วนต้วนกัน
๐จะไปเป็นอะไร ก็ไปเป็น
อย่าให้เหม็นกลิ่นบูดน้ำเชื้อกลั่น
มาถึงใจไหวโยกจะโขกฟัน
ให้ถลันหัวถลำเอาตำตอ
๐ไปสิไป ไปเป็นชู้ก็ลู่ไป
วิ่งแวกเวียนว่องไวเข้าไปล่อ
จะโลมลมลูบไล้ไซ้ซอกคอ
จะอ้อล้อสอพลก็ถ่อไป
๐หาสักที่เถิดเทิงสำเริงราญ
เริงรำบาญตูมแอ่นโอบแขนไต่
จะเถลิงลิงลมอุ้มแตงไทย
หรือจะให้โก่งโค้งโยงเรือคลอน
๐ก็เชิญเถิด อภิรมย์มณียา
วาสนาเสพน้ำพวกส่ำส่อน
มีที่ไป กิน ขี้ ปี้แล้วนอน
แหมะหมักหมมเปียกปอนส่ำส่อนกัน
๐ไม่ได้แช่งไม่ได้ว่าไม่บ้าบอ
ก็เพียงขอให้เธอถึงสวรรค์
ตราบที่เธอยังรักเพศสัมพันธ์
ตราบที่นกเขาฉัีนไม่ขันเลย
....(ขำได้นะคับผมว่า-แหะๆ)
14 พฤษภาคม 2552 18:12 น.
ผมชื่อโจ้
๐ไม่มีมา อยู่ในสารบบ
เพียงแต่น้ำทำนบพังแตกซ่าน
แตกมาต่อขยายถ่ายวิญญาณ
เป็นเนื้อหนังสังขารสารเลว
๐เป็นเนื้อเป็นหนังเป็นผังผืด
เป็นที่ไปโลกมืดดิ่งลงเหว
ดิ่งไปสู่นรกประลัยเปลว
เพลิงเหลว เผาร้อนทุรนทุราย
๐เผาใจ ไหม้หมกอเวจี
เป็นสัมภเวสีเป็นที่หมาย
ทุกขเวทนาปริยาย
เหตุเพราะ ผ่องถ่ายกำหนัดทุเลา
๐เพียงแต่กิน ตะกละตะกลามกาม
เสพหื่น เสพห่าม เสพกามเข้า
เสพสุข สำราญสำรากเอา
ชำเรากันและกันบรรเทากาม
๐ไม่มีมา อยู่ในสารบบ
จบท่า ก็เพียงจบความหื่นห่าม
จวบจบ ทำนบพังแตกตาม
ทิ้งเพียงนามก้อนเนื้อกาลกิณี