25 มีนาคม 2553 23:13 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
เมื่อเร็วๆนี้ผมได้อ่านเมลฉบับหนึ่งได้แง่คิดดีครับเลยนำ
มาฝากพี่น้องมิตรสหายได้อ่านกัน และมีบทกลอน
ที่ผมแต่งมาเสริมให้เข้ากับเนื้อเรื่อง รักพ่อ ลองชมดูครับ
ขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังขัดล้างรถอย่างขะมักเขม้น
ลูกชายวัย 4 ขวบ ก้มลงเก็บก้อนหินขึ้นมา
แล้วบรรจงขูดขีดไปบนด้านข้างของตัวรถ
พักใหญ่ต่อมา...
เมื่อพ่อได้ยินเสียงครูดของหิน
ก็เกิดความฉุนเฉียว โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เขากระชากมือลูกมา
ตีลงบนมือน้อย ๆ นับครั้งไม่ถ้วน
โดยไม่ทันนึกว่าตนได้ถืออะไรอยู่ในมือ
ณ โรงพยาบาล..
นิ้วลูกชายถูกตัดออก เพราะกระดูกแตก
จนหมอไม่สามารถเชื่อมต่อได้
ขณะที่พ่อเข้ามาดูลูกในห้อง
ลูกมองพ่อด้วยสายตาปวดร้าว
แล้วถามพ่อว่า
" เมื่อไร นิ้วหนูจึงจะยาวเหมือนเดิม ? "
คำถามนั้น...
เหมือนคมมีดกรีดลึกลงไปในหัวใจผู้เป็นพ่อ
เขารู้สึกละอายใจ รู้สึกผิด
และเสียใจในการกระทำตนอย่างไม่อาจให้อภัย
เขาจึงกลับไปที่รถ
เตะมันสุดแรงเกิดโดยไม่ยั้งจนเหนื่อยหอบ
แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างรถอย่างเศร้าใจ
สายตาพลันเหลือบไปเห็นรอยขูดขีด เขาเบิกตากว้าง !
จ้องมองคำว่า "รักพ่อ"
น้ำใส ๆ เริ่มเอ่อ แล้วไหลอาบแก้ม
เขาเอามือปิดหน้า
ร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับใจจะขาด
รุ่งขึ้น...
ชายคนนั้นได้ฆ่าตัวตาย
อารมณ์โกรธ มีโทษมหันต์
ปัญหาของโลกในทุกวันนี้
คือ
คนบางคน..
รักรถ หวงรถ หรือสิ่งของอื่น
ยิ่งกว่ารักและห่วงใยลูก
หรือ เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
จำไว้เสมอว่า
สิ่งของมีไว้ให้ใช้
และ
คนมีไว้ให้รัก
เด็กน้อยเล่นตามวัยไร้เดียงสา
เก็บหินมาขูดขีดเขียนตัวหนังสือ
คำรักพ่อหัดขีดเขียนเรียนฝึกปรือ
ตัวหนังสือขีดข้างรถเพื่อจดจำ
พ่อยินเสียงครูดที่รถโกรธเป็นไฟ
จับมือได้ตีไม่ยั้งช่างใจหนา
ลูกยังเล็กยังเป็นเด็กเล็กเกินกว่า
ตีลงมาที่มือน้อยพลอยร้องจ้า
หมอไม่อาจเชื่อมต่อต้องขอตัด
นิ้วมือขาดสุดปวดร้าวเศร้าหนักหนา
ลูกถามไปแล้วเมือไหร่ยาวขึ้นมา
พ่อน้ำตาตกรู้สึกผิดคิดติเตียน
กลับไปรถเตะสุดแรงแล้วนั่งเศร้า
สายตาเราเหลือบไปเห็นเส้นขีดเขียน
คำรักพ่อลูกเขียนรอก่อบทเรียน
หัดขีดเขียนไม่รู้ความตามจินตนา
พ่อทำไปนึกเสียใจไม่ทันคิด
เป็นความผิดที่โมโหโอ้เราหนา
ร่ำร้องไห้ไม่อภัยเรื่องผ่านมา
จึงตัดใจปิดชีวาฆ่าตัวตาย
อารมย์โกรธโทษมหันต์ให้ท่านคิด
โอ้ชีวิตกับสิ่งของต้องอย่าหมาย
รักหวงรถเรื่องสลดจึงมอดมลาย
เมื่อพ่อฆ่าตัวตายไปใครเลี้ยงดู
24 มีนาคม 2553 21:03 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
พระคุณแม่นั้นยิ่งใหญ่หาใดเท่า
ถนมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงเราเท้าเท่าหอย
มาบัดนี้เติบใหญ่อย่าได้คอย
ให้ท่านหงอยเลี้ยงดูผู้มีคุณ
ในวัยเยาว์เฝ้าถนมกล่อมฟูมฟัก
ไม่ได้พักซักผ้าอ้อมกล่อมคุณหนู
ปวดท้องร้องฉีอึราดคอยเฝ้าดู
สั่งสอนหนูเป็นเด็กดีเมื่อพบเจอ
คอยพร่ำสอนเมื่อทำผิดไม่คิดโกรธ
แม่ไม่โทษให้อภัยลูกได้เสมอ
เป็นเด็กดีเมื่อเติบใหญ่ไม่ละเมอ
อย่าพลั้งเผอคิดการใหญ่ไปโกงเขา
ลูกเจ็บปวยแม่คอยเฝ้าข้าวอาหาร
ทั้งการงานแม่ไม่เห็นสำคัญเท่า
ลูกเติบใหญ่แม่เป็นไข้ไม่ทุเลา
ลูกไม่เฝ้าบอกติดงานฉันอยู่ไกล
ยามลูกมีทุกข์โศกบนโลกเศร้า
แม่คอยเฝ้าเยียวยารักษาให้
จะตกงานหรือชอกช้ำระกำใจ
แม่คอยได้ปลอบโยนพ้นทุกข์มา
พระคุณแม่นั้นเกินกว่าหาไดเอย
ท่านไม่เคยหวังสิ่งไดจากลูกหนา
เฝ้าถนมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกมา
ปรารถนาให้ลูกนั้นเป็นคนดี
23 มีนาคม 2553 19:37 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
ฤดูกาลเปลี่ยนผันตะวันใหญ่
แดดตอนสายเผาใบไม้ให้แห้งเฉา
ท้องนาไร่ดินแห้งแล้งซบเซา
ไร่เชิงเขาต้นไม้แห้งไร้ร่มเงา
พื้นดินแข็งก้อนแยกแตกระแหง
ลมพัดแรงเปลวแดดพุ่งแผดเผา
ซังข้าวแห้งกรอบแดงระแหงยาว
พื้นดินร้าวต้นไม้เหี่ยวแห้งไป
เข้าหน้าฝนไม่มีฝนหล่นจากฟ้า
เหล่าฝูงปลารอความหวังเพื่อวางไข่
ดำผุดว่ายน้ำค่อยแห้งเหือดหายไป
ฝูงนกไล่จิกกินดิ้นแห้งตาย
ช่างแห้งแล้งคนแกร่งแย่งน้ำกันกิน
ฝูงควายสิ้นน้ำจะกินหญ้าแห้งหาย
ฝูงสัตว์ป่าต่างพากันล้มตาย
แห้งเหือดหายสายน้ำทั้งลำธาร
15 มีนาคม 2553 19:05 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
เฝ้าวนเวียนเขียนกลอนตอนรุ่งสาย
ทั้งยามดึกยามบ่ายกลางสายฝน
นั่งนับดาวดูเดือนคอยเตือนตน
ตอนเม็ดฝนหล่นพรำฉ่ำลงกาย
เคยพบรักผิดหวังครั้งยังหนุ่ม
เมฆปกคุมท้องฟ้าน่าใจหาย
ข้าวเศร้าเมื่อคนรักมากลับกลาย
มาหนีหายไปไม่ลาในยามบ่าย
ฝนกระหน่ำเมฆดำเข้าปกคุม
เห็นชายหนุ่มเดินดุ่มแล้วลับหาย
เดินลุยฝนเย็นฉ่ำเปียกโซมกาย
ไปกับสายฝนพรำน้ำไหลหลั่ง
กบเขียดร้องก้องนายามหน้าฝน
ผู้ทุกข์ทนเดินจากไปไม่เหลียวหลัง
ในความมืดคุ่นคิดในภวังค์
ครั้งเรายังมีรักยากลืมมัน
ยามใกล้สางย่ำไปเสียงไก่ขัน
ผ่านคืนวันผ่านชีวิตลิขิตฝัน
หลงทางผิดเดินไปเพราะใครกัน
ไม่ย่อท้อในความฝันผ่านคืนวัน
ดวงตะวันเพิ่งพ้นโคนขอบฟ้า
มีเวลาก้าวย่างไปให้ถึงฝัน
ผ่านอุปสรรค์พาดรักก็ช่างมัน
อย่ามัวฝันต้องก้าวเดินดำเนินไป
14 มีนาคม 2553 00:21 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
การรถไฟไทยหวนให้ใจคิดถึง
แต่ก่อนเก่าจึงเรียกรถรางครั้งสมัย
เสด็จพ่อ ร.5 ผู้ก่อตั้งรถไฟไทย
ให้คนใช้เรียกรถรางครั้งก่อนมา
มาวันนี้เรียกรถไฟใช้ประหยัด
ให้ประชาราษฏร์มีสามสายได้พึ่งพา
เหนืออีสานใต้เราได้ใช้ชานชาลา
วิ่งผ่านาเช้ายันค่ำดั่งวันวาน
ต้องซื้อตั๋วก่อนขึ้นรถโปรดจำไว้
จะลงใต้ไปขึ้นหนือหรืออีสาน
แจ้งบอกไปให้คนขายตั๋วนายทาง
โปรดระวังเมื่อรถมาอย่าเข้าไปหา
ขึ้นรถแล้วเลือกที่นั่งตามใจชอบ
ควรดูกรอบของพระสงฆ์ตรงนั้นหนา
ที่คนท้องคนพิการท่านอย่ามา
ที่นั้นหนาติดป้ายไว้ใคร่ควรดู
บนรถไฟมีของขายมากมายหนา
ข้าวต้มปลาซาลาเปาข้าวผัดหมู
ไก่ย่างข้าวเหนียวหมูทอดสอดสาคู
ด้านในตู้ที่ชั้นสามตามสั่งมากมาย
ทั้งเครื่องดื่มมีบริการให้ท่านพร้อม
ราคาย่อมบวกนิดหน่อยถ้อยอาศัย
ต้องซื้อตั๋วมาเดินขายต้องเข้าใจ
ขอพอได้มีกำไรไปใช้บ้าง
มียาดมยาลมหม่องปวดท้องขาย
ทั้งหมึกไก่ขายถั่วต้มน้ำส้มหวาน
เย็นชื่นใจมาเดินขายตลอดทาง
ไม่อ้างว้างเดินเร่ขายปากพร่ำบ่น
ก่อนถึงบ้านโปรดตรวจทานสัมภาระ
ของท่านนะมีอะไรให้เตรียมขน
เมื่อรถหยุดให้ก้าวลงทีละคน
เมื่อก้าวพ้นรถไฟไทยใคร่ขอบคุณ