31 มกราคม 2553 23:05 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
สุภาษิตคำพังเพย.......ได้เคยฟัง
พูดยกอ้างสั่งสอนวอนลูกหลาน
ตัวผมนี้เคยฟังครั้ง.......นมนาน
ให้ลูกหลานมีความรักสามัคคี
ทำความดีบอกว่าให้หามจั่ว
ถ้าทำชั่วบอกไปให้รีบหนี
ครั้งได้ฟังมานึกถึง...เราคนดี
จะสุขขีให้หามจั่วจงสู้ทน
ขี้เกียจสันหลังยาวอย่าเอาอย่าง
จงปล่อยวางอุเบกขาพาสับสน
สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำดูวกวน
อย่าจองหองพองขนคนไม่ดี
ถ้าพลาดพลั้งเสียท่าว่า....ไก่อ่อน
อยากขอวอนนกสองหัวเอาตัวหนี
ทำเป็นลิงหลอกเจ้า........จะเจอดี
น้ำไม่มีตอผุด..............พูดไปที
เปรียบเหมือนหนอนบ่อนไส้ทำลายชาติ
คนฉลาดแต่คดโกงจงหลีกหนี
หวังกอบโกยเงินตราประชาชี
จนต้องลี้อยู่ต่างแดนแคล้นเหลือที่
ที่ผมเอ่ยอ้างมาเปล่าว่าใคร
จงอย่าได้ร้อนตัวมัวหลบหนี
แพ้เป็นพระชนะเป็นมารรู้ชั่วดี
มีศักดิ์ศรีต้องรับกรรมที่ทำเอา
อันสุราเมรัย........อย่าไปดื่ม
จงอย่าลืมคำสอนแต่ก่อนเขา
สุดท้ายก็คงต้องจบเท่านี้เรา
จงเก็บเอาใว้สอนก่อนจากไป
27 มกราคม 2553 22:29 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
จากรากไม้กลั่นกลายเป็นหยดน้ำ
ไหลลงตามผืนป่าเป็นธารใส
ก่อกำเนิดสายธาร...แห่งน้ำใจ
ไหลรวมไปตามสายริมชายฝั่ง
มีฝูงปลาน้อยใหญ่ว่ายทวนน้ำ
เวียนว่ายตามน้ำไหลไม่คืนหลัง
ผ่านเวลาผ่านชีวิต......อนิจจัง
ไม่คืนหลังลอยล่องไปไหลรวมกัน
มีเกิดแก่เจ็บตาย..ดั่งสายน้ำ
ทุกโมงยามชีวิตมีเปลี่ยนผัน
จะทุกข์สุขทนสู้ทุกคืนวัน
อย่ามัวฝันให้ร่วงเลยจงสู้ทน
จงรีบสร้างตามทางที่ฝันไว้
คิดกาลใดก็ขอให้สัมฤทธิ์ผล
แด่มิตรสหายและพี่น้องทุกคน
ป๋อง สหายปุถุชนเป็นแรงใจ
27 มกราคม 2553 22:26 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
เหมือนโคมทองส่องสว่างกลางฟากฟ้า
ดวงดาราส่องแสงนวลชวนใฝ่ฝัน
ดาวระยิบระยับ....งามดวงจันทร์
ส่องแสงอันเรืองรองดับทุกข์เข็น
ปุยเมฆดำลอยมา.......พาลมฝน
ฟ้าเบื้องบนดาวหายมองไม่เห็น
ลมพัดแรงพาฝน.....ตกกระเซ็น
สายฝนเย็นเฝ้าครุ่นคิดในภวังค์
หยาดเม็ดฝนหล่นพรำน้ำตาไหล
น้องจากไกลเป็นอื่นไม่คืนหลัง
พี่ทนสู้ทนอยู่..........เพียงลำพัง
ใจยังฝังรักร้าว........เขาเปลี่ยนแปรง
ลมฝนหยุดฉุดคิด...........จิตสว่าง
มองฟ้ากว้างดวงดาราพาฉายแสง
ส่องสว่างกลางท้องฟ้าท้าลมแรง
ดาวน้อยแสงยังงดงามยามค่ำคืน
22 มกราคม 2553 19:39 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
ฟังกาเหว่าเฝ้าเป่าร้องตอนรุ่งสาง
มันเดินทางร้องเรียกคู่กู่ร้องหา
อยู่แห่งไหนพี่เที่ยวตามหาน้องยา
ไปในป่าไปในเขาลำเนาไพร
มาตามบ้านเจอคนพานตามไล่ยิง
ตากลอกกลิ้งปากเป่าร้องก้องไปไกล
เที่ยวตามหาไม่พบหน้าเจ้าอยู่ไหน
จับต้นไทรร้องตอนเช้าก่อนเจ้าหากิน
ปากร้องเป่าเรียกกาเหว่าเจ้าอยู่ไหน
อยู่แห่งใดให้ร้องรับกลับรังถิ่น
บินมาไกลจากพฤกไพรไม่ถวิน
หวังได้กินบินเคียงน้องครองอยู่ป่า
บินมาถึงใกล้หมู่บ้านลั่นเสียงตอบ
ร้องอีกรอบให้แน่ใจใช่ไหมหนา
ตามเสียงไปเข้าไปใกล้เสียงที่มา
เห็นน้องยาในกรงทองร้องเรียกไป
พี่เวียนวนเห็นคนมาแต่เช้าตรู่
ตาจ้องดูปากเรียกร้องก้องไปไกล
หวังพาน้องไปเกี่ยวดองร่วมชิดใกล้
ต่างมอบใจร้องเรียกไปรอบชายคา
เจ้าของนกรำคาญหรือสงสารหนอ
ไม่รีรอเปิดกรงทองปล่อยน้องมา
ต่างดีใจบินโฉบไล่ให้สุขอุรา
นี่แหละหนาจบเรื่องราวกาเหว่าไพร
17 มกราคม 2553 06:31 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
อยู่อย่างข้าวคอยฝนต้องทนแล้งให้ได้ครับ
เป็นวิถีชีวิตของคนอีสานพอหว่านข้าวเสร็จ
ก็ออกหางานทำในเมืองใหญ่เป็นก่อสร้างบ้างขายแรงงานทุกอย่าง
ให้ได้เงินมาเลี้ยงครอบครัวช่วงไม่มีอะไรทำตั้งตาคอยฝนตกลงมา
ให้ข้าวกล้าที่หว่านไว้ได้งอกงาม
อยู่อย่างข้าวคอยฝนทนแห้งแล้ง
ต้นข้าวเหลืองแห้งกรอบแดงยามแล้งฝน
ยามแล้งมาน้ำไม่มีข้าวกล้าทน
ยืนคอยฝนเจ้าช่างทนไม่แห้งตาย
จำต้องจากบ้านเกิดและเมืองนอน
พเนจรรอนแรมไปไร้จุดหมาย
หวังทำงานในเมืองฟ้าค้าแรงกาย
คงพอได้ค่าแรงกายให้สู้ทน
ยังมีหวังรอฝนมาฟ้าฝนหลั่ง
เป็นพลังข้าวต้นกล้าท้าแดดฝน
ยืนท้าทายแดดยามบ่ายอย่างมืดมน
ข้าวคอยฝนยังสู้ทนลมข้าวเบา
ต้องสู้ทนใช้ชีวิตในเมืองกรุง
เช้ายันรุ่งทนแบกหามตามสั่งเขา
ช่างสุขใจยามเย็นได้แก้กษัยเอา
มีกับข้าวเหล้าดองยาประสาจน
ยามงานหมดต้องรันทดกลับคืนถิ่น
ไปยังผืนดินที่แห้งแล้งข้าวแกร่งฝน
เมื่อฝนหลั่งรอความหวังชื่นกมล
เราทุกคนต่างเริงร่าออกหากิน