29 ธันวาคม 2552 06:51 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
ฝูงนกยางต่างจดจ้องมองในน้ำ
ช่างสุขล้ำท้องนาข้าวยาวสดเขียว
เดินลัดเลาะคันนาข้าวมาคนเดียว
ทางคดเคี้ยวเดินลัดไปใกล้รัญจวน
ลมพัดพริ้วปลิวใบกล้าพาเอนไหว
ลมแกว่งไกวไหวสบัดพัดไม่หวน
เดินชมไปช่างสุขใจไม่ค่ำครวญ
เห็นแสงนวลแดดอ่อนแรงแข็งฝนพรำ
นกบินเรียงร้องเซ็งแซ่แปรเป็นศร
บินจากจรกลับรังถิ่นกินอิ่มหนำ
บินมุ่งไปถิ่นอาศัยเคยจดจำ
จวนพบค่ำตะวันแดงแสงหายไป
แสงแดงใหญ่เหนือยอดไม้ไกล้จะดับ
นกบินลับสุดลูกตาข้าวกล้าไหว
ค่ำลงแล้วฉันเดินเดี่ยวเหลียวหาใคร
เดินลัดไปที่ขะหนำค่ำลงนอน
28 ธันวาคม 2552 01:44 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
โอ้แม่นกโบกบินไปไกลสุดตา
สู่นภาขอบฟ้ากว้างกลางป่าเขา
บินร่อนไปจับกิ่งไม้ใต้ร่มเงา
ในป่าเขากลางดอนดงบินลัดเลี้ยว
ใจยังคิดถึงลูกน้อยที่คอยอยู่
ตาจ้องดูหาอาหารพานหวาดเสียว
เห็นคนเดินเหินลัดเละลำธารเปลี่ยว
ใต้พุ่มเขียวของต้นไม้เดินไปมา
กล่าวถึงรังของแม่นกลูกงกรอ
ปากร้องจ้อรออาหารแม่ไปหา
ปากร้องเรียกด้วยความหิวรอแม่มา
ต่างร้องจ้าเสียงระงมลมพัดผ่าน
แม่นกเกิดคราวเคราะห์เพราะมัวหา
ดูดวงตาเจ้าจดจ้องมองอาหาร
ไม่ทันระวังมีพรานไพรใกล้ลำธาร
เก็บอาหารเสียงปืนปังพลางร่วงมา
ปากแม่นกเก็บอาหารนั้นมากหลาย
แต่ร่างกายเจ้าดับสิ้นบินถลา
ร่วงลงพื้นน้ำตารินสิ้นชีวา
ใจนั้นหนาห่วงลูกน้อยคอยอยู่นาน
ลูกนกรอร้องระงมข่มความหิว
ยังคอยคิวแม่กลับมาพาอาหาร
ผ่านคืนวันเช้ายันค่ำมาช้านาน
คอยแม่นั้นจนขาดใจตายตามกัน
21 ธันวาคม 2552 06:57 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
อยากจะกล่าวถึงเรื่องราวของช้างไทย
กับสังคมที่เปลี่ยนไปในเมืองนี้
แต่ก่อนนั้นช้างอยู่ป่ามานานปี
มาบัดนี้เดินเข้าเมืองดูโดดเดี่ยว
พอตกค่ำช้างเดินย่ำตามทางเท้า
ดาวตาเจ้าดูรถลาน่าหวาดเสียว
งวงงาน้อยของเจ้าคอยมุ่งเก็บเกี่ยว
เดินลัดเลี้ยวไปตามทางในบางวัน
คนทำทานให้อาหารช้างน้อยใหญ่
เป็นสุขใจทำบุญสัตว์ใหญ่ช่างสุขสันต์
ให้อาหารได้กินบ้างกล้วยอ้อยมัน
ใส่ถุงหั่นร้องเดินมาขอทำทาน
บนถนนยามแสงแดดพุ่งแผดเผา
สี่เท้าเจ้าเดินย่ำไปใครสงสาร
เดินลุยไปในถนนใต้สะพาน
ใจยังหารน้ำตาตกเดินวกเลี้ยว
ใช้ชีวิตที่ทุกข์ทนในเมืองใหญ่
เจ้าของใช้เดินขอทานพานหวาดเสียว
รถลามากถนนร้อนตอนขบเคี้ยว
โดนรถเฉี่ยวบ้างขาหักถากเส้นเอ็น
น่าสงสารชีวิตช้างไทยในวันนี้
เรื่องมากมีเป็นสัตว์ใหญ่ใครมองเห็น
ต้องกินมากคนเลี้ยงยากต้องจำเป็น
เดินหลบเร้นขออาหารขอทานเลี้ยงคน
18 ธันวาคม 2552 00:11 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
จากดอยเหนือน้ำค้างพราวอันหนาวเหน็บ
อยากจะเก็บภาพความงามทุกค่ำสาย
เห็นสายหมอกลอยปุยฟูดูเรียงราย
หนาวสั่นกายเดินอยู่ในสายหมอกเบา
แสงสีสันยามตะวันพ้นขอบฟ้า
แสงแดงจ้าสาดสีทองทั่วป่าเขา
มีความสุขกับชีวิตใต้ร่มเงา
น้ำป่าเขาแดดร่มเงาเราเคียงกัน
ยังมีเพื่อนมิตรสหายได้ไถ่ถาม
ครั้งเดินตามแนวทางพ่อก่อความฝัน
บ้างเดินล้มก้มแล้วลุกปลุกชีวัน
ก่อสร้างฝันบนหนทางดั่งนิยาย
วันเวลาความปราชัยไม่กล่าวถึง
ใจคำนึงห่วงมิตรแท้แก้ไม่หาย
เคยผิดหวังเคยอกหักอยากจะตาย
อ่านนิยายได้ความคิดพิชิตมัน
ดูเมฆหมอกในยามเช้าเล่าความหลัง
เป็นพลังให้ชีวิตคิดเพ้อฝัน
ร่วมฟันฝ่าอุปสรรค์ไปด้วยกัน
ได้ร่วมฝันม่านหมอกขาวเราสุขเอย
13 ธันวาคม 2552 07:46 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
โอ้ชีวิตถึกควายทุยเดินลุยทุ่ง
ดวงตามุ่งแทะเล็มหญ้านาสดเขียว
ลิ้นตะหวัดเก็บยอดหญ้ามาคบเคี้ยว
หน้าเก็บเกี่ยวหน้าหว่านไถได้ทำงาน
หมดหน้าแล้งมาหน้าฝนคนหว่านดำ
ควายเดินย่ำช่วยลากไถได้ถากถาง
ไถจนสิ้นดินท้องนามาเป็นทาง
ช่วยถากถางเดินย่ำนามากับคน
พอถึงหน้าเก็บเกี่ยวคันเคียวข้าว
เจ้าทุยเฝ้าลากจูงเกวียนเวียนเก็บขน
ข้าวมากมายมาเก็บไว้ลานเวียนวน
แล้วเดินด้นย่ำเม็ดข้าวดูเรียงราย
ฤดูกาลได้ผันเปรี่ยนเวียนมาถึง
เจ้าควายจึงแก่ชราน่าใจหาย
ยินเจ้าของร้องบอกสั่งคงต้องขาย
พรุ่งนี้บ่ายขายโรงฆ่ามาทำกิน
ควายยินเข้ายืนหน้าเศร้าเคล้าน้ำตา
พรุ่งนี้หนาเขาต้องขายใช้หนี้สิน
ปากร้องบอกก้องไปน้ำตาริน
จบชีวินโอ้เจ้าทุยเคยลุยงาน
อันชีวิตของควายไทยได้กล่าวถึง
บุญคุณซึ้งได้อาศัยได้ถากถาง
เคยทุกข์ยากเคยลำบากเพื่อนร่วมทาง
ต้องลาล้างเมื่อแก่ชราโดนฆ่ากิน