15 มีนาคม 2553 19:05 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
เฝ้าวนเวียนเขียนกลอนตอนรุ่งสาย
ทั้งยามดึกยามบ่ายกลางสายฝน
นั่งนับดาวดูเดือนคอยเตือนตน
ตอนเม็ดฝนหล่นพรำฉ่ำลงกาย
เคยพบรักผิดหวังครั้งยังหนุ่ม
เมฆปกคุมท้องฟ้าน่าใจหาย
ข้าวเศร้าเมื่อคนรักมากลับกลาย
มาหนีหายไปไม่ลาในยามบ่าย
ฝนกระหน่ำเมฆดำเข้าปกคุม
เห็นชายหนุ่มเดินดุ่มแล้วลับหาย
เดินลุยฝนเย็นฉ่ำเปียกโซมกาย
ไปกับสายฝนพรำน้ำไหลหลั่ง
กบเขียดร้องก้องนายามหน้าฝน
ผู้ทุกข์ทนเดินจากไปไม่เหลียวหลัง
ในความมืดคุ่นคิดในภวังค์
ครั้งเรายังมีรักยากลืมมัน
ยามใกล้สางย่ำไปเสียงไก่ขัน
ผ่านคืนวันผ่านชีวิตลิขิตฝัน
หลงทางผิดเดินไปเพราะใครกัน
ไม่ย่อท้อในความฝันผ่านคืนวัน
ดวงตะวันเพิ่งพ้นโคนขอบฟ้า
มีเวลาก้าวย่างไปให้ถึงฝัน
ผ่านอุปสรรค์พาดรักก็ช่างมัน
อย่ามัวฝันต้องก้าวเดินดำเนินไป
14 มีนาคม 2553 00:21 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
การรถไฟไทยหวนให้ใจคิดถึง
แต่ก่อนเก่าจึงเรียกรถรางครั้งสมัย
เสด็จพ่อ ร.5 ผู้ก่อตั้งรถไฟไทย
ให้คนใช้เรียกรถรางครั้งก่อนมา
มาวันนี้เรียกรถไฟใช้ประหยัด
ให้ประชาราษฏร์มีสามสายได้พึ่งพา
เหนืออีสานใต้เราได้ใช้ชานชาลา
วิ่งผ่านาเช้ายันค่ำดั่งวันวาน
ต้องซื้อตั๋วก่อนขึ้นรถโปรดจำไว้
จะลงใต้ไปขึ้นหนือหรืออีสาน
แจ้งบอกไปให้คนขายตั๋วนายทาง
โปรดระวังเมื่อรถมาอย่าเข้าไปหา
ขึ้นรถแล้วเลือกที่นั่งตามใจชอบ
ควรดูกรอบของพระสงฆ์ตรงนั้นหนา
ที่คนท้องคนพิการท่านอย่ามา
ที่นั้นหนาติดป้ายไว้ใคร่ควรดู
บนรถไฟมีของขายมากมายหนา
ข้าวต้มปลาซาลาเปาข้าวผัดหมู
ไก่ย่างข้าวเหนียวหมูทอดสอดสาคู
ด้านในตู้ที่ชั้นสามตามสั่งมากมาย
ทั้งเครื่องดื่มมีบริการให้ท่านพร้อม
ราคาย่อมบวกนิดหน่อยถ้อยอาศัย
ต้องซื้อตั๋วมาเดินขายต้องเข้าใจ
ขอพอได้มีกำไรไปใช้บ้าง
มียาดมยาลมหม่องปวดท้องขาย
ทั้งหมึกไก่ขายถั่วต้มน้ำส้มหวาน
เย็นชื่นใจมาเดินขายตลอดทาง
ไม่อ้างว้างเดินเร่ขายปากพร่ำบ่น
ก่อนถึงบ้านโปรดตรวจทานสัมภาระ
ของท่านนะมีอะไรให้เตรียมขน
เมื่อรถหยุดให้ก้าวลงทีละคน
เมื่อก้าวพ้นรถไฟไทยใคร่ขอบคุณ
8 มีนาคม 2553 14:17 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
หยิบกีตาร์มาบรรเลงเพลงเศร้า
ตอนหน้าหนาวกล่อมเบาคิดถึงบ้าน
ร้องเพลงรักปนเศร้าแต่ก่อนกาล
ร้องเพลงหวานสานรักผู้ห่างไกล
นั่งร้องไปไม่รู้เบื่อเพื่อชีวิต
ปู พงษ์สิทธ์ติดตามมาถามไถ่
หมู พงษ์เทพ คนด่านเกวียนเวียนกันไป
วงคันไถร่ำร้องไปปุถุชน
หน้าฝนพรำลงมาน่าใจหาย
เห็นคนเดินไล่ควายกลางสายฝน
ร้องเพลงฟ้าฝนฉ่ำย้ำเตือนตน
ให้สู้ทนสายฝนฉ่ำน้ำใสเย็น
ร้องเพลงลุงขี้เมาเล่าความหลัง
ชีวิตต้องสู้ไปใครรู้เห็น
ฉากชีวิตบนทางสู้ครั้งลำเค็ญ
จำต้องเป็นขอทานใต้สะพานลอย
ชีวิตยังสู้ทนคนกับควาย
มิแหนงหน่ายใจสู้มิเคยถอย
ร่ำร้องเพลงคาราวานคนบนดอย
มองดาวน้อยพร่างพราวบนท้องฟ้า
เพลงลมเพลมพัดจัดให้น้อง
ทั้งเพื่อนพ้องอยากฟังมาลีฮวนน่า
ร้องหัวใจพรือโฉจิ๊กโก๋มา
อยากจะฟังกัญชาแอ๊ดคาราบาว
ร้องยังไม่ทันจบปรบมือลั่น
ขอเพลงมันเลยร้องไปเพลงดาวสาว
ร่ำร้องกันแต่หัวค่ำคืนนี้ยาว
จิบเหล้าขาวเพื่อคลายหนาวยันเช้าเลย
7 มีนาคม 2553 07:24 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
ไล่ควายไถพลิกฟื้นผืนนาข้าว
ควายย่ำเท้าเดินลากไถถากถาง
ดินนาดำย่ำไถเป็นแนวทาง
ไม่อ้างว้างเจ้าเอี้ยงโคลงเสียงขับขาน
เอี้ยงโคลงบินโฉบลงบนหลังควาย
เช้ายันบ่ายได้แมลงเป็นอาหาร
ผ่านเวลาผ่านชีวิตมาช้านาน
ต่างสงสารและรักใคร่ร่วมเกิดก่อ
เช้าวันหนึ่งมาถึงเอี้ยงจึงเศร้า
เขาลากเจ้าขึ้นรถไปไหนกันหนอ
ส่งเสียงเรียกบินตามไปไม่รีรอ
ควายร้องมอน้ำตาไหลไปจากกัน
ถึงโรงฆ่าเอี้ยงตามมาเกะบนหลัง
ร้องเสียงดังควายร้องตอบปลอบใจฉัน
ควายลาแล้วเอี้ยงร้องรับจบชีวัน
ชีวิตฉันเมื่อแก่ชราน่าสงสาร
ทุกชีวิตย่อมมีเกิดแล้วมีดับ
เนื้อควายนับมีประโยชน์เป็นอาหาร
ผ่านชีวิตไถนาดำมาช้านาน
เมื่อหมดงานแก่ชราเขาฆ่ากิน
7 มีนาคม 2553 07:13 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
บนทางเดินร่วมฝันวันฟ้าใส
แดดอุ่นไอเมื่อยามสายคลายลมหนาว
น้ำค้างบนยอดหญ้ารับแสงพราว
บนทางเท้าก้าวเดินต่างประครอง
ต่างคนต่างความคิดลิขิตรัก
ต่างผ่อนหนักผ่อนเบาเราทั้งสอง
จูงมือเดินร่วมทางห่างพี่น้อง
ดั่งดวงใจหมายปองเราสองคน
ระหว่างทางเราเดินผเชิญปัญหา
ทั้งทุกข์สุขนานาท้าแดดฝน
เราต่างเดินก้าวไปได้ทุกข์ทน
ทั้งร้อนฝนปนหนาวเศร้าชีวัน
มีความสุขสมหวังในบางครั้ง
ชีวิตยังต้องก้าวเดินผเชิญฝัน
ผ่านผู้คนดีเลวปะปนกัน
บนทางฝันได้เรียนรู้ดูกันไป