12 ตุลาคม 2553 07:35 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
ดาวดวงหนึ่งโชนฉายประกายแสง
ขอบฟ้าแดงค่ำลงสายลมหนาว
มองยอดไม้เดือนฉายแสงส่องวาว
ดูแสงดาวเจิดจ้าบนฟ้างาม
เหมันต์ลาลมหนาวเข้าย่างกาย
แสงเดือนฉายฟ้าหม่นคนไถ่ถาม
ยามมืดมาฟ้าแจ้งแข่งโมงยาม
เฝ้าเดินตามเดือนฉายได้แค่มอง
ดูความงามรูปหลงคงนึกหวล
เห็นเนื้อนวลนึกฝันมั่นหมายปอง
ดูใบหน้างามแท้ผิวนวลผ่อง
อยากจับจองนวลน้องห้องหัวใจ
ค่ำคืนนี้แสงดาวเดือนส่องฉาย
ดาวกระจายเต็มฟ้านภาใส
ยามดึกสงัดลมพัดฟ้านวลใย
มองฟ้าไกลเดือนลับไปกับดาว
มองขอบฟ้านวลแดงแสงสาดส่อง
สาดสีทองโคนฟ้ายามหน้าหนาว
หมู่ม่านหมอกไอเย็นน้ำค้างพราว
เป็นทางยาวในหุบเขาลำเนาไพร
ช่อดอกใบไม้ดอกออกสีสด
น้ำฉ่ำรดยอดหญ้าน้ำค้างใส
ก่อนรุ่งสางม่านหมอกจางลับหายไป
เช้าวันใหม่แดดสวยใสในพนา
5 ตุลาคม 2553 19:03 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
โชคชะตาฟ้าลิขิตที่ขีดเขียน
ต่างหมุนเวียนเปลี่ยนไปให้มาค้น
มีชะตาเหมือนกันสัตว์กับคน
ต่างเวียนวนประสบพบเจอกัน
เด็กผู้หญิงวัยเดียงสาแม่ลาร้าง
ต้องเหินห่างจากไปใจเปลี่ยนผัน
ส่วนพ่อนั้นผันเปลี่ยนในเร็ววัน
ต่างทิ้งฉันอยู่กับป้าพ่อลาไกล
เช้าวันหนึ่งยินเสียงหมาวิ่งมาไล่
ลูกแมวไต่หลบขึ้นบนต้นไม้
เสียงหมาเห่าแมวน้อยไต่ลื่นไหล
ฉันวิ่งไปไล่หมาพาแมวลง
แมวน้อยคงตื่นกลัวซุกหัวมุด
น่ารักสุดดูแลและไหลหลง
ให้อาหารเลี้ยงดูอย่างบรรจง
ดังเหมือนวงค์เครือญาติไม่ขาดกัน
ดูแมวน้อยมีสุขสนุกสนาน
สุขสำราญอยู่มาเป็นเพื่อนฉัน
เฝ้าถนมรักใคร่และผูกพัน
จนถึงวันเจ้าจากไปไม่เคยลืม
15 กันยายน 2553 06:36 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
เรือลำน้อยล่องลอยอยู่ริมฝั่ง
ดูอ้างว้างโดดเดี่ยวน้ำเชี่ยวไหล
ธารน้ำใสไหลเย็นลัดเลี้ยวไป
เรือลอยไกลธารไหลไม่หวนคืน
มองดูริ้วทิวคลื่นไหลลื่นผ่าน
ไหวสะท้านเห็นน้ำแหวกแยกเป็นผืน
มองใบหน้าลุงชราผู้กล้ำกลืน
เหมือนหลับตื่นคืนฝันผ่านล่วงเลย
มองดูฝั่งทางไกลน้ำไหลผ่าน
มีสะพานไม้เก่าข้างกกเตย
ใบเขียวงามก่อไผ่ลำเบียดเกย
ก่อนเราเคยลงเล่นเย็นฉ่ำใจ
มีผักปอดลอยผ่านสะพานไม้
แตกช่อใบดอกงามสายน้ำไหล
ช่อสีม่วงผึ้งแมลงบินตอมไต่
ล่องลอยไปไร้จุดหมายธารไหลริน
บ้านหลังน้อยปลูกอยู่ที่ริมน้ำ
ยามเย็นย่ำก่อไฟหุงหากิน
ควันโขมงลอยไปไล่ยุงลิ้น
นกกาบินลาลับกลับรังนอน
ชายชราปล่อยเรือไหลไปตามน้ำ
ในมือกำเส้นด้ายไม่พักผ่อน
เลาะลงข่ายหาปลาตะวันรอน
ปลาว่ายย้อนทวนน้ำติดข่ายเอ็น
ได้ปลามากน้ำหลากน่าลมล่อง
เก็บปลากองในเรือพอมองเห็น
ได้แบ่งขายเก็บใว้กินยามจำเป็น
ในยามเย็นตะวันลับกลับบ้านเรือน
13 กันยายน 2553 06:36 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
ยืนหน้าเศร้าทอดอาลัยดูสายน้ำ
ไหลล้นตามคลองมาคันนาหาย
เอ่อท่วมล้นลงนาน่าเสียดาย
น้ำมากมายไหลนองทั่วท้องนา
ข้าวออกรวงชูช่อก่อเม็ดผล
เหลืองเขียวปนเป็นรวงน้ำไหลบ่า
มองออกไปน้ำรินไหลแม่คงคา
เรือลอยพาเกี่ยวรวงน้ำท่วมนอง
ข้าวรวงเขียวปล่อยไว้น้ำจมหาย
ข้าวมากมายลอยเรือฟ้าหม่นหมอง
ทำฉันไดหนี้สินมากก่ายกอง
ที่หมายปองได้ใช้หนี้ลี้มลาย
ทั้งค่าปุ๋ยค่ายาค่าข้าวปลูก
ต้องมาถูกน้ำท่วมข้าวจมหาย
รีบเกี่ยวรวงข้าวเขียวเรือจ้ำพาย
ปล่อยข้าวตายจมน้ำลมพัดพา
เป็นเคราห์กรรมธรรมชาติที่พัดผ่าน
รัฐบาลช่วยดูแลแก้ปัญหา
ให้เบาใจกับหนี้สินที่ตามมา
เราชาวนาไม่หวังรวยช่วยพอกิน
2 กันยายน 2553 14:48 น.
ป๋อง สหายปุถุชน
โอ้ชีวิตหมาจรนอนน้ำตาตก
ต้องระหกระเหินเดินจากบ้าน
เมื่อเจ้านายไม่รักไม่ต้องการ
เดินซมซานจากมาล้าเรี่ยวแรง
ยามหิวโซขึ้นมาหาคุ้ยเขี่ย
เศษขยะเรี่ยราดข้าวบูดแห้ง
ได้เก็บกินกันตายกระดูกแข็ง
ยามสิ้นแสงหาที่นอนเพื่อผ่อนคลาย
หมาบางตัวต้องเศร้าเมื่อเขาปล่อย
เดินละห้อยตามหาไร้จุดหมาย
เดินโซเซอดหิวอยู่เดียวดาย
โดนทำร้ายไร้ที่พักยากสู้ทน
มีคนมาจับตัวไปให้ที่พัก
เป็นสำนักช่วยหมาแมวให้รอดพ้น
โดนทำร้ายฟื้นฟูใจรักษาตน
เขายากจนเป็นคนดีมีน้ำใจ
หมาบางตัวตรอมใจไม่กินข้าว
นั่งนอนเฝ้าหน้าประตูไม่ไปไหน
รอเจ้าของว่าสักวันมารับไป
น้ำตาไหลรอจนตายยังไม่มา
อยากจะฝากเพื่อนมนุษย์ช่วยขบคิด
เตือนจิตคิดเลี้ยงสัตว์ต้องมีเวลา
คิดจะหาเลี้ยงจนตายจะดีกว่า
อย่าปล่อยหมาให้ว้าเหว่เร่ร่อนไป
หมาเป็นสัตว์รักนายใครก็รู้
เอาไปอยู่ตามวัดจนเลี้ยงไม่ไหว
ลำบากพระลำบากเณรดูทำได้
ฉี่อึใส่ทั่ววัดคอยกวาดตาม
ใครมีหมาตัวเมียควรทำหมัน
จับตอนมันจะดีกว่าให้ลูกสาม
เป็นภาระสังคมดูเสื่อมทราม
คนประณามเลี้ยงทิ้งกว้างตามทางจร