14 มีนาคม 2551 02:48 น.

พรหมลิขิต [=Destiny of Heven=] ....(4 นางฟ้า----{Start of angel}----)

ป๊ากเก้อร์

ขณะนั้นเองพี่หนูก็เดินเข้ามาพูดกับภู 

เหม่ออะไรจ๊ะภู แก้วเบียร์อยู่อีกตู้นะ แหมมายืมอยู่บ่อยๆยังจะแกล้งลืมอีก 

ภูสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพี่หนูพูดจบ 

อ้อ ภู เหม่อนิดหน่อยหนะพี่หนู แหะแหะ

 ภูพูดจบพร้อมกับเขยิบไปเปิดอีกตู้นึ่งตามที่พี่หนูบอก จังหวะนั้นเองขณะที่ภูก้มไปหยิบแก้วเบียร์ และ Trianee คนนั้นก็หันกลับมาพอดี 

อุ๊ย! ขอโทษค่ะ!

เธอหันกลับมา แต่ทว่าตัวของเธอดันเดินไปชนกับบานประตูตู้เย็นที่ภูเปิดไว้เข้า ทำให้บานประตูตู้เย็นนั้นดันปิดมาโดนตัวภูในขณะที่ภูกำลังหยิบแก้วเบียร์อยู่ ภูตัวแทบล้ม แต่ก็ยังเอามือดันพื้นไว้ พร้อมกับหันหน้ามามองเธอ 

เอ่อ ไม่เป็นไรครับ 

ภูพูดพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นมองเธอ วินาทีนั้นเองที่ภูได้สบตากับเธอภูรู้สึกอบอุ้นอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกกับว่าคุ้นเคยกับเธอคนนี้มานานมากๆ

ฟ้าเดี๋ยวพี่มานะ เดี๋ยวพี่ไปเบิกของก่อน ภูอยู่เป็นเพื่อนน้องได้เปล่า รีบกลับ Outlet เปล่า ถ้าไม่รีบพี่วานหน่อยนะจ๊ะ 

ภูยังคงนิ่งมองหน้าฟ้าซักพัก แต่ไม่ทันไรก็ได้สติกลับคืนมาจากภวังค์ 

เอ่อ..... ได้ได้พี่หนู

แล้วพี่หนูก็เดินออกไป  แต่ก็เดินกลับมาอีกครั้ง 

อ้อ ! พี่ลืมเอกสาร....เอ....ทำไมหน้าตาเรา 2คนนี่ เหมือนกันจริงๆนะ ฮะฮะฮะ เดี๋ยวพี่รีบไปเบิกของก่อนนะ ....พี่ว่าเรา 2คนเป็นเนื้อคู่กันแน่เลย หน้าเหมือนกัน ฮิฮิ

และพี่หนูก็เดินออกไปอีกครั้ง ภูกับเธอคนนั้นมองหน้ากันและทำหน้างงๆเล็กน้อย

เอ่อ.... พี่หนูหมายความว่างัยเนี่ยะ? เหอะๆ  

ภูหัวเราะแก้เขิน ส่วนฟ้าก็ทำหน้างงๆ มองหน้าภูพร้อมกับยิ้มให้ภูเล็กน้อย 
เอ่อ.... ชื่อฟ้าเหรอ 

อืม...ใช่ รู้ได้งัยว่าชื่อฟ้า 

ก็เมื่อกี้พี่หนูเรียกว่าฟ้านี่นา ภูพูดอย่างเขินๆเล็กน้อย

แล้ว...ชื่อภูเหรอ 

อืม ...อ้าว!? แล้วรู้ได้งัยอะว่าชื่อ ภู พี่หนูบอกเหรอ

 ก็เมื่อกี้พี่หนูก็เรียกว่าภูไม่ใช่เหรอ ชื่อ จริงภูกระดึง แน่แน่เลย ฮิฮิ

เอ่อ... ภูอึ้งเล็กน้อย ฮ่าฮ่าฮ่า 

ไม่ใช่ซะหน่อย ชื่อจริงภู ชื่อภูวเนศ แล้วฟ้าหละ ชื่อ ลาฟา เหรอ ชื่ออย่างกะแขกเลย ฮิฮิ

ไม่ใช่.. อ่านว่าระฟ้า ฟ้าชื่อจริงชื่อ ระฟ้า

อ้อ แล้ว..มาฝึกกี่วันแล้ว

อาทิตย์นึงได้แล้วหละ

เหรอ ภูไม่ยักเห็นเลย.... เอ.... แต่จะว่าไป วันนี้ก็เป็นครั้งแรกในรอบ 1อาทิตย์ที่เราเดินมาที่ Longtown นี่นา ฮะฮะฮะ ภูหัวเราะแก้เขิน

ภูทำที่นี่มานานยัง
อืม.... ก็ประมาณ 6เดือนได้ ไม่นานหรอก เพราะยังไม่ถึงปีนึงเลย .อ้อ แล้ว ฟ้าฝึกกี่เดือนเหรอ

3 เดือน

อ้อ แล้วบ้านฟ้าอยู่แถวนี้เหรอ?

ก็แถวนี้แหละ แล้วบ้านภูหละ

บ้านภูอยู่หนองแหลม อยู่เลยบางแตไปอีก

โห! ไกลนะเนี่ยะ  ฟ้าทำเสียงตกใจเล็กน้อย

แล้วภูเข้างานกี่โมงเหรอ?

ตอนนี้ภูเข้า 8โมงเช้า

แล้วเลิก 5โมงใช่เปล่า ฟ้าพูดแทรกขึ้น

ใช่ แต่ก็เลิกเลททุกวันแหละ เลิกเกือบ 6โมงทุกวัน... เออ แล้วฟ้าเข้ากี่โมงหละ

เข้าเวลาเดียวกับภูแหละ

อ้อ! งั้ก็เลิกพร้อมกันหนะสิ ภูพูดและทำท่าดีใจเล็กน้อย

อืม ฟ้าตอบเพียงสั้นๆ พร้อมกับยิ้มตอบรับ

แล้วกลับยังงัย แฟนมารับเหรอ? ฟ้ายิ้มเล็กน้อยและตอบกลับไปว่า 

เปล่าหรอกพ่อฟ้ามารับ

อ้อ ภูห็นึกว่าแฟนมารับ

ไม่ได้เจอกันมาจะปีนึงได้แล้ว

เหรอ อ้าว? แล้วไม่โทรคุยกันหละ ภูถามด้วยความสงสัยและอยากรู้

ก็แทบจะไม่ได้ โทรคุยกันเลย เดือนละครั้งเอง แล้วแฟนภูหละ แฟนภูทำงานอะไรอยู่เหรอ? ฟ้าถามด้วยความสงสัยเช่นกัน

ภูยังไม่มีแฟน แต่ก่อนเคยมี แลวไปไปมามา ก็กลายเป็นกิ๊กเค้า

ทำไมอะ ทำไมอยู่ดีดีกลายเป็นกิ๊กเค้าหละ ฟ้ายังคงถามด้วยความสงสัยและอยากรู้

ก็คบกันตอนไปต่างจังหวัด เข้าค่ายชมรมช่วงซัมเม่อร์ ช่วงระหว่างที่เริ่มคบกันก็พึ่งมารู้ว่าเค้ามีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็ตกลงเป็นแฟนกัน แต่ก็เป็นแฟนกันได้เฉพาะตอนนั้น พอกลับมาจากต่างจังหวัด เค้าก็กลับไปหาแฟนเค้า ภูก็เลยต้องกลายเป็นกิ๊กเค้าโดยปริยาย

แล้ว...แฟนฟ้าหละ ? ภูถาม

ตอนนี้ก็ไม่ได้เจอกันหรอก เค้าอยู่ต่างจังหวัด ไม่รู้ไปมีกิ๊กกี่คนและ ฟ้าก็รู้นะว่าเค้ามีกิ๊ก แต่ฟ้าก็เคยมีเหมือนกัน ฮิฮิ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วหละ ฮิฮิ

ผู้ชายดีดีก็หายากเน้อะ ฟ้าพูดไปยิ้มไป แต่ก็แฝงด้วยแววตาเศร้าสร้อยเล็กน้อย

ผู้หญิงดีดีก็หายากเหมือนกัน ภูก็พูดไปยิ้มไป แต่ก็แฝลด้วยแววตาเศร้าสร้อยเช่นกัน

ภู.... ฟ้าเรียกชื่อภู แต่ก็ชะงักที่จะพูดต่อ พร้อมหันมามองหน้าภู

ว่า....มีอะไรเหรอฟ้า

ภู.... ฟ้าเชื่อในพรมลิขิตนะ  แม้จะเป็นเนื้อคู่ แต่หากพรหมลิขิตได้เขียนไว้แล้วว่าเราจะกลับมาเจอกันอีกหรือไม่ ฟ้าก็เชื่อในพรหมลิขิต แม้จะห่างกันขนาดไหน ความผูกพันที่มีไม่เคยแยกจากแม้จะชาตินี้ชาติหน้าหรือชาติที่แล้ว เพราะพรหมลิขิตได้ขีดเขียนไว้แล้ว

ภูได้ยินประโยคที่ฟ้าได้พูด กับทำให้ตัวเองรู้สึกผูกพันธ์กับฟ้ามากๆ แล้วรู้สึกเหมือนกับว่า ณ ปัจจุบันที่ยืนอยู่นี้ ภูเหมือนได้เคยคุยและได้ยินประโยคนี้จากปากฟ้ามาแล้วครั้งหนึ่ง คิดว่า.... พรหมลิขิตได้ขีดไว้แล้ว เพียงแต่เราเดินตามความรู้สึกของกันและกัน ..แต่ ถ้าหากพรหมลิขิตที่ได้กำหนดไว้ ไม่ได้เดินตามทางความรู้สึกของกันและกันแล้ว คน2คนคงจากกันนานแสนนาน ฝืนความรู้สึกยังฝืนได้ แต่ฝืนพรหมลิขิตมันฝืนไม่ได้

ทั้ง 2มองหน้ากันพลันทำให้ทั้งคู่รู้สึกย้อนกลับไปในอดีต อดีตชาติที่ทั้งคู่ได้เคยคบกัน ชั่วแวบนึงทั้งคู่ก็รู้สึก รู้สึกได้ว่ากลับมาอยู่ในโลกปัจจุบัน

เมื่อกี้... เหมือนเคยผ่านเหตุการณ์นี้มาแล้ว ทำไมเราถึงรู้สึก รู้สึกดีมากๆเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าฟ้า ทั้งๆที่พึ่งจะรู้จักรกันเอง ภูคิดในใจ....

ภู.... เราเหมือนเคยเจอเค้า เหมือนเคยผ่านมาแล้วในเหตุการณ์เมื่อครู่ ฟ้าคิดในใจ

ทั้คู่ยังคงมองหน้ากันตาไม่กระพริบ

อ้าวๆๆ... มาแล้วจ้า ทำอะไรกันอยู่เอ่ย เสียงพี่หนูนั่นเอง ที่ปลุกให้ทั้งคู่ตื่นจากพวังแห่งอดีต 

ฮิฮิ มองหน้ากันอย่างกับว่า รู้จกรกันมานมนานแหนะ ไม่บอกไม่รู้คนอื่นเค้าก็นึกว่าเป็นเนื้อคู่กันมาก่อนนะเนี่ยะพี่หนูแซวฟ้ากับภู

เอ่อ...เอ่อ... ภูพูดไม่ออกด้วยความอาย ส่วนฟ้าก็บ่ายหน้าแอบอายเช่นกัน

รู้ไม่เนี่ยะว่าเธอทั้งคู่ หน้าเหมือนกันอย่างกับแกะเลย พี่สังเกตเธอ 2คนเมื่อกี้ที่เธอ 2คนมองหน้ากันแล้วหละฮิฮิ โทษทีๆ ไม่แซวและ แต่ไอหน้าเหมือนเนี่ยะ พี่ว่าเหมือนจริงๆนะ

เอ่อ....เดี๋ยวภูกลับไปทำงานต่อนะพี่หนู แหะๆ มานานและ ไปนะฟ้า ภูพูดกับพี่หนู แต่ก็หันมามองหน้าฟ้า

จ้า...น้องภู พูดกับพี่แต่มองหน้าฟ้านะ พี่หนูก็ยังไม่วายแซวทิ้งท้าย ส่วนฟ้าก็แอบสบบตาภูพร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อย เหมือนกับว่าอยากจะคุยกับภูต่อ

ทำไมเรารู้สึกเหมือนกับว่าต้องคบกับฟ้าให้ได้ แต่ ก็ยังรู้สึกว่า มันยังไม่ถึงเวลา รู้สึกแปลกๆ เฮ้อ... แต่คงคิดไปเองหละมั้ง ภูคิดในใจ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากฟ้าที่ครุ่นคิดเช่นกัน

ทำไมเราถึงรู้สึกอบอุ่นจังเวลาที่คุยกับภู แปลกๆ...เฮ้อ แต่ก็ช่างเหอะ เราอาจจะคิดไปเอง  ทั้งภูและฟ้าต่างก็ครุ่นคิดถึงความรู้สึกของกันและกัน ทั้งๆที่พึ่งเจอหน้ากันเป็นครั้งแรก 

เฮ้ย! โอ้โฮ.... ไอภู! มึงไปเอาแก้วเบียร์ถึงโรงงานเลยเหรอว้า โคตรนานเลย ภูสะดุ้งจากห้วงของความคิดทันที ที่ได้ยินเสียงนั่นเป็นเสียงของพี่ตรีพี่ตรี เป็นพี่ที่อยู่บาร์เดียวกันกับภู

โฮ.... ทาทีพี่ พี่หนูเค้าใช้ให้เฝ้าบาร์เป็นเพื่อน Trianeeมาใหม่อะ ก็เลยมาช้า 

ไปเฝ้าหรือไปจีบว้าเนี่ยะ ฮะฮะ พี่ตรีแซวภู แบบพูดแทงใจดำเล็กน้อย

โธ่ พี่ตรีผมก็แค่ทำความรู้จักรเอง ภูพูด แต่ในใจก็มีอมยิ้มเล็กน้อย และก็กลับไปทำงานต่อ

ทางด้านฟ้า....

ภูมันมาจีบฟ้าเหรอ? พี่หนูแกล้งถามฟ้าด้วยความสงสัย

อ๋อ เปล่าพี่หนู ภูก็....แค่ถามว่าฟ้าชื่ออะไร ฟ้าก็ถามว่าที่นี่เป็นงัยบ้าง ก็.... ไม่มีอะไรหรอก ภูก็ถามเฉยๆ ฟ้าแสร้งเป็นพูดเหมือนกับว่าปิดบังพี่หนูอยู่ แต่พี่หนูก็ไม่ถาม และสงสัยอะไรต่อ เพราะในใจพี่หนูคิดว่า 2คนนี้ต้องเริ่มแอบชอบกันแน่เลย แต่พี่หนูก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ทว่า ฟ้ากลับอมยิ้มไม่หยุด

ยิ้มอะไรจ๊ะฟ้า

อ้อ เปล่า ฟ้าก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ฟ้าพูดพร้อมกับทำหน้านิ่งๆเพื่อให้พี่หนูถามอีก และรีบกมหน้าก้มตาทำงานต่อ 

และแล้วเวลาก็ร่วงเลยมาจนได้เวลาเลิกงาน.

กลับแล้วนะพี่ตรี ภูพูดด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากงาน

เฮ้ยกลับแล้วเหรอว้า ไอภู! กูอยู่คนเดียวนะเนี่ยะ แขกเต็มสระเลย

โอยกลับแล้วพี่ ผมกลัวบ้านหาย ภูบอกปัดด้วยความเหนื่อยอ่อนและปล่อยมุกใส่พี่ตรีไปหนึ่งดอก

ก็ไอตูนก็อยู่ เจ๊หยี ก็อยู่ โอย อยู่เพียบ มือโปรทั้งน้าน 

ที่ภูพูดมานั้น ทั้งตูนและเจ๊หยีนี่พึ่งพาไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่เจ๊หยีใช่ว่าจะพึ่งพาไม่ได้ แต่เจ๊หยีนั้นจะขี้บ่น ไม่ได้ดั่งใจอะไรก็บ่นๆๆ ส่วนตูน ชอบหาเรื่องอู้ให้พี่ตรีเหนื่อยจทุกที แต่สรุปคือพี่ตรีก็แกล้งอำภูไปก็เท่านั้น เพราะทั้งตูนและเจ๊หยีก็ง่วงอยู่กับการทำงานจนหัวปั่น เพราะตอนนี้เป็นช่วงโปรโมชั่นของทางสระน้ำนั่นเอง

เออ... งั้นผมไปแล้วนะพี่ตรี ไปนะเจ๊หยี กลับแล้วนะเว้ยไอตูน

เออ.... ตูนตอบเพียงสั้นๆ

เฮ้ย ไอเต้ย มึงอย่างทิ้งกู พี่ตรีเรียกภูที่กำลังเดินไป ภูหันมาเหลียวหลังแล้วก็ยิ้มให้พี่ตรี

ไปแล้วพี่

 และภูก็เดินขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อที่ล็อคเก้อร์ ระหว่างที่กำลังเปลี่ยนชุดภูก็หวนคิดไปถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวันที่ได้เจอและพูดคุยกับฟ้า พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จภูก็เดินออกไปสแกนนิ้วเลิกงาน

ภู....

อ้าว!? ฟ้ากลับแล้วเหรอ.... เลิกพร้อมกันเหรอเนี่ยะ ภูพูดพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย แล้วทั้งคู่ก็สแกนนิ้วออกไปพร้อมกัน

กลับบ้านยังงัยอะฟ้า? 

ภูถามฟ้าด้วยความอยากรู้ เพราะในใจก็นึกอยากไปส่ง แต่ก็คิดว่าคงเป้นไปไม่ได้เพราะ พึ่งรู้จักกันเอง

เดี๋ยวพ่อมารับ

อ้อ .... ภูนึกเสียดายเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร

แล้วฟ้าต้องไปรอพ่อตรงไหนอะ ภูถามต่อ

แถวหน้าโรงแรมแหละ เดี๋ยวพ่อก็มาแล้ว ฟ้าตอบ

งั้นเดี๋ยวไปนั่งรอแถวหน้าโรงแรมมั้ย เดี๋ยวภูไปนั่งเป็นเพื่อน ฟ้าไม่ตอบอะไรแล้วก็เดินตามภูไปหาที่นั่งแถวหน้าโรงแรม

โรงแรม เมรี่โรสนั้น ด้านหน้าจะเป็นพลาซ่าเพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาพักโรงแรมและคนทั่วไปมาจับจ่ายซื้อของ shopping กันและยังมีนร้านอาหาร fastfood  อยู่หลายร้าน Mc Donal ,KFC ,S&P ฯลฯ และอีกหลายๆร้าน แล้วภูก็พาฟ้ามานั่งรอที่เก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อน

ว่าแต่ ภูมานั่งรอเป็นเพื่อนฟ้า ไม่รีบกลับบ้านเหรอ

ไม่รีบหรอก ถึงรีบยังงัยก็ไม่ค่อยอยากกลับอะ

ทำไมหละ ฟ้าถามด้วยความสงสัย

อืม.... ภูรู้สึกแปลกๆ คุยกบัฟ้าแล้วรู้สึกแปลกๆ

ทำไมอะ ฟ้าแกล้งถามภูด้วยความสงสัย ทั้งๆที่ตัวเองก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกันเวลาคุยกับภู

ภูรู้สึกว่า เวลาคุยกับฟ้าแล้ว รู้สึกเหมือนกับว่าเคยคุยและผ่านเหตุการณ์ณืบางอย่างมาแล้วอะ แต่ทั้งๆที่พึ่งได้รู้จักรกันเอง แต่ฟ้าคงไม่รู้สึกหรอกเน้อะ ฮะฮะ ภูคงคิดมากไปเอง อย่าถือเลย

 ในใจภูก็อยากให้ฟ้ารู้สึกเหมือนกันกับตัวเอง แต่ก็พยายามไม่คิดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะกลัวว่าตัวเองจะคิดไปเองจริงๆ

ฟ้าก็รู้สึกเหมือนกับภูนะ ภูหันมามองหน้าฟ้าทันที พร้อมกับที่ฟ้าหันมาตอบและมองภูเช่นกัน ภูจ้องเข้าไปที่แววตาฟ้า...

ฟ้าเป็นคนขี้เหงาเหรอ ? เหมือนคนที่ขาดอะไรไปบางอย่าง ฟ้าตกใจเล็กน้อยกับคำพูดของภูแต่ก็พยายามเก้บความรู้สึกไว้

ภูรู้ได้งัยว่าฟ้าเป็นคนขี้เหงา แต่ฟ้าไม่รู้เหมือนกันว่าขาดอะไรไปบางอย่าง แต่พอเจอผู้ชายคนนึงที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้ก็พอจะรู้บ้างและ. 

ตื้ด...ๆ..ๆ..ๆ เสียงโทรศัพท์ของฟ้าดังขึ้น

ค่ะ พ่อ..... ฟ้ารีบรับโทรศัพท์ที่พ่อโทรมาอย่างรวดเร็ว

อะไรนะคะ! รถชน แล้วพ่อเป็นอะไรรึเปล่า ฟ้าตกใจเมื่อรู้ว่ารถที่พ่อขับมาเกิดอุบัติเหตุชนกัน

พ่อไม่เห็นอะไรนะคะ แต่ดีที่ว่าพ่อของฟ้าไม่เป็นอะไรเลย

ไม่เป็นไรคะเดี๋ยวหนูกลับเองได้คะพ่อ พ่อไม่ต้องห่วงหนูหรอก... พ่อของฟ้ารักและหวงฟ้ามาก

คะพ่อ หนูกลับเองได้ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงน้า คะ...คะ...สวัสดีคะ... แล้วพ่อของฟ้าก็วางสายไป

พ่อเป็นอะไรเหรอฟ้า ภูถามด้วยความเป็นห่วง

พ่อฟ้าก็เป็นผู้ชายหนะสิ จะเป็นผู้หญิงได้ยังงัย ฮิฮิ 

อ้าว.... ภูทำหน้างง

เปล่าหรอก มีรถมันมาตัดหน้ารถพ่อ ก็เลยชนกัน แต่พ่อฟ้าไม่เป็นอะไรเลย แต่ฝากระโปรงรถนี่บุบไปเลยวิ่งมาไม่ได้เพราะมันบุบไปโดนล้อ ถ้าวิ่งมาไอส่วนที่มันไปโดนล้อ มันจะสีกับล้อจนแยงแตก เลยวิ่งมาไม่ได้ ฟ้าก็เลยบอกพ่อว่า เดี๋ยวฟ้ากลับบ้านเอง ตอนนี้พ่อรอให้ประกันมาดู แล้วก็ส่งรถเข้าอู่

อืม.... งั้นภูขับรถไปส่งฟ้าที่บ้านมั้ย? ฟ้าจ้องหน้าภูและนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฟ้าอมยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับไปว่า

ถ้าส่ง ก็ต้องส่งให้ถึงบ้านด้วย ภูยิ้มจนหน้าบาน 
อืม....งั้น ฟ้าหิวมั้ย เราไปหาอะไรกินกันก่อนเปล่า แล้วกินเสร็จภูก็ ไปส่งฟ้า

งั้นกินพิซซ่านะ ฟ้าอยากกิน 

ฟ้าพูดอย่างไม่ลังเลและพูดพร้อมหันกลับมายิ้ม แต่ในใจภูก็คิดไว้แล้ว่าจะแกล้งฟ้าจึงทำท่าว่าอยากจะกินอย่างอื่นแทน เมื่อฟ้าจ้องหน้าภูและรู้สึกว่าภูอยากจะกินอย่างอื่นแทน

กินกินกิน....กินพิซซ่า! 

ฟ้าพร้อมกับมองหน้าภูด้วยความหมั่นเขี้ยว และอยากจะกินพิซซ่าให้ได้และก็บังคับด้วยการจูงมือภูไปที่ร้านพิซซ่า จนภูต้องยอมแพ้

อ้าๆ... กินพิซซ่าก็พิซซ่างอแง อย่างกับเด็กเลยนะ

อืม... ดีมาก พิซซ่าต้องพิซซ่า ฮะฮะ 

แล้วทั้ง 2ก็นั่งกินพิซซ่าไปคุยไปเหมือนกับว่าเป็นแฟนกันและคบกันมานาน ยิ่งคุย ทั้งคู่ก็ยิ่งรู้สึกว่าอบอุ่นและรู้สึกดีด้วยกันทั้งคู่ 

อุ๊ย ! 2ทุ่มแล้วภู! ฟ้าตกใจเมื่อมองไปยังนาฬิกาข้อมือ พ่อว่าแน่เลย บอกพ่อว่าจะรีบกลับ

งั้นเดี๋ยวภูไปส่ง

จ้า...อุ๊ย! ฟ้าอุทานด้วยความที่ว่า พึ่งรู้สึกตัวเหมือนกับว่าได้เป็นแฟนกับภูซะแล้ว เพราะรู้สึกว่าตัวเองนั้นคุ้นเคย และอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้ภู

เป็นอะไรเหรอฟ้า? ตกใจอะไร?

เปล่า

ขี้โม้!

ไม่ได้โม้ซักหน่อย เดินไปลยไอคิงคอง! ฟ้าแซวถ้าเดินของด้วยความเป็นกันเองอย่างมาก เหมือนกับว่ารู้จักรกันมานานแล้วจริงๆ

หนอย เจ้าจิ้งจก

อะไร ฟ้าไม่ใช่จิ้งจกซักหน่อย ฟ้าอะ เป็นนางฟ้าตะหาก ฮิฮิ....แบร่ ฟ้าแลบลิ้นหรอกภู แล้วทั้ง 2เมื่อจ่ายตังค์เสร็จก็พากันเดินไปขึ้นรถ ระหว่างทางที่เดิน ทั้ง 2คนก็เล่นหยอกล้อกันตลอดทางจนขึ้นไปบนรถ 

เหมือนได้ไปเที่ยวกันมาทั้งวันเลยเน้อะ ภูพูด

อืม.... สนุกดี ภูคุยสนุกดี แกล้งภูก็สนุกด้วย แล้วภูก็ขี้แกล้งด้วย ฟ้าเลยต้องแกล้งเจ้าคิงคองบ้าง ฮิฮิ

หนอยเจ้าจิ้งจก ก็ขี้แกล้งเหมือนกัน

นี่นางฟ้านะ ไม่ใช่จิ้งจก 

แล้วภูก็ขับรถออกไป แต่ระหว่างทางทั้งคู่ก็คุยกันและแหย่กันไม่หยุดจนมาถึงหน้าบ้านฟ้า

ถึงแล้ว ตรงนี้แหละ นี่งัยบ้านฟ้า บ้านของนางฟ้า ฮะฮะ

เหอะๆ ภูขำแบบหมั่นไส้ อืม.... บ้านหน้าอยู่นะเนี่ยะ ฟ้าอยู่กับพ่อกับแม่เหรอ

อืม ช่าย....

แล้วนี่ฟ้าลูกคนเดียวเหรอ?

ก็ช่ายอีก

มิน่าคุณพ่อถึงหวง ฟ้ายิ้ม แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร 

ภู..... ขอบคุณมากๆ เลยนะที่มาส่ง

ไม่เป็นไร แต่ ....ภูว่าช่วงนี้อาจจะมาส่งฟ้าทุกวันก็ได้ ฟ้าทำหน้างงเล็กน้อย ภูมองหน้าฟ้าพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยเช่นกันแล้วตอบกลับไปว่า

ก็รถป๊ะป๋าฟ้าต้องเข้าอู่หนิ ฟ้ายิ้ม และตอบกลับไปว่า

ฮิฮิ จริงด้วย งั้นเจ้าคิงคองก็ต้องมาส่งนางฟ้าทุกๆวันเลย ภูยิ้มและตอบกลับไปว่า 

แล้ว แฟนฟ้า.... ฟ้าทำหน้าเฉยๆทันที

เค้าไม่รู้หรอก เพราะตอนนี้เราก็ห่างๆกันอยู่ เค้าก็ไม่ได้โทรมาหาฟ้าบ่อยนักหรอก 

ภูได้ยินที่ฟ้าพูดกลับทำให้รู้สึกเข้าใจถึงความรู้สึกฟ้ายิ่งขึ้น แต่ก็พยายามไม่คิดอะไรที่เข้าข้างตัวเอง และโดยที่ไม่ร็ตัว มือมือภูก็ค่อยๆเขยื้อนไปจับมือฟ้าอย่างอ่อนโยน เหมือนกับว่าอยากจะปลอบใจฟ้า

ถ้านางฟ้าตัวน้อยขี้เหงา เจ้าคิงคองก็จะเป็นเพื่อนคุย เผื่อว่า เจ้าจิ้งจกน้อยจะหายเหงา .....โฮะโฮะโฮะ  ฟ้ายิ้มแก้มปริ แต่ก็หมั่นไส้ที่ภูมาพูดกวนๆใส่

ไอบ้า หนิ นี่นางฟ้านะ ไม่ใช่จิ้งจก ฟ้าพูดพร้อมกับเอามือเข้าไปจี๋ภู 

โอ๊ย อย่าจี๋ ภูบ้าจี้ ยอมแล้วๆๆๆ เข้าบ้านได้แล้ว เดี๋ยวป๊ะป๋าเป็นห่วงนะ ฟ้ารีบลุกออกจากรถพร้อมหันกลับมาตอบภู

จ้า.... เจ้าคิงคอง ....ฮิฮิ..... พร้อมกับยิ้มอย่างกวนๆใส่ภู ขับรถกลับบ้านดีดีนะ และฟ้าก็เปิดประตูรถ แต่ก็หันกลับมาเปิดประตูใหม่และพูดกับภูว่า

พรุ่งนี้เจอกันนะ เจ้า..คิง..คอง ฮิฮิ ฟ้าพูดกับภูพร้อมกับทำหน้าทะเล้นแบบสุดๆ และภูก็ตอบกลับไป

จ้า ....แม่จิ้งจก.... แล้วภูก็ออกรถไป แตก็ยังแอบมองกระจกข้าง ก็เห็นฟ้ายืนมองด้วยเช่นกัน จนภูเลี้ยวรถออกไป 

ถึงตอนนี้ ในใจภูรู้สึกเบิกบานอย่างที่สุด และรู้สึกดี รู้สึกว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่ออยู่กับฟ้านั้น มันเหนือคำบรรยาย ส่วนฟ้านั้น ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากภูเลย ฟ้ารู้สึกว่าตัวเองไม่เคยรู้สึกดีอะไรแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ.......................................................................................................................................				
3 มีนาคม 2551 04:52 น.

พรหมลิขิต [=Destiny of Heven=] ....(3 กรรมเก่า)

ป๊ากเก้อร์

หลังจบจากงานรับปริญญา ภูก็ได้ไปสมัครงาน และได้ทำงานร่วมที่เดียวกันกับตูนที่โรงแรมเมรี่โรส โรงแรมเมรี่โรสเป็นโรงแรมระดับ 5ดาว ซึ่งที่ภูกับตูนได้ทำอยู่นั้นอยู่ในส่วนของ Poolbar หรือที่เรียกกันในภาษาของคนทำโรงแรมว่าสระน้ำ แต่จะมีทั้งบาร์ และที่สำหรับแขกมานั่งทานอาหาร พร้อมทั้งสามารถสั่งทานอาหารได้บนเตียงที่สระได้ตลอดเวลา งานของภูและตูนก็คือ ทำทุกอย่างตั้งแต่สากกระเบือยยันเรือรบ ทั้งเสิร์ฟอาหาร รับorder เป็นbarman runnerboy แม่จะเหนื่อยแต่ก็เป็นงานที่สนุกสนานสำหรับทั้งคู่ 
"ตูน! กูอยู่เมรี่โรสกี่เดือนได้แล้วว้า" ภูพูดอย่างเซ็งเล็กน้อย
"3 เดือนมั้ง....กูจะไปรู้มึงเหรอว้า ภู ไอเวงนี่!!!!"
"เออ เน้อะ แต่ก็อยู่มา 3เดือนแล้วเมื่อไหร่จะได้ Promote ซักทีว้า..." 
"เอาน่า กูก็เซ็ง แต่ไหนๆแล้ว คิดซะว่าหาประสบการณ์ไปก่อนนา"
"อืม ก็แค่เซ็งๆหวะ เฮ้อ...ช่างเหอะ คิดมากปวดหัวเว้ย....ทำงานต่อดีกว่า"
สำหรับเพื่อนๆ ในกลุ่มแต่ละคนทีเรียนจบกันแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำงานที่ตัวเองอยากทำ ซึ่งก็หลายเดือนแล้วที่ทุกคนในกลุ่มไม่ได้เจอกันเลย  เรื่องนี้ทั้งตูนและภูก็พยายามที่จะนัดเพื่อนๆในกลุ่มมารวมตัวเจอกัน แต่ก็พลาดทุกครั้งไป เพราะเวลาเลิกงานไม่ตรงกันบ้าง หยุดไม่ตรงกันบ้าง สุดท้ายก็ยังคงนัดรวมตัวกันไม่ได้ ....ตู๊ด ......เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น นั่นเป็นเสียงโทรศัพท์ของภูเอง ภูรีบเดินไปหลบมุมหาที่รับสายโทรศัพท์ พอได้มุมที่เหมาะก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ภูรู้ฉงนเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าเบอร์ที่โทรมานั้นเป็นเบอร์ของใคร แต่สุดท้ายภูก็กดรับสาย เมื่อภูรับเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงที่ฟังน้ำเสียงแล้วออกจะเถื่อนๆดุๆ พูดจาแบบฮ้วนๆไม่มีหางเสียง
"ขอสายภู!" เมื่อภูได้ฟังเสียงที่พูดออกมาจากสายรู้สึกงงๆ เพราะผู้ชายคนที่โทรมานี้เหมือนไม่พอใจอะไรซักอย่าง
"พูดอยู่ครับ" ภูตอบด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ
"มึงใช่มั้ยไอภู! มึงออกมาเจอกูเดี๋ยวนี้"น้ำเสียงนั้นพูดด้วยอารมณ์โมโหและเครียดแค้น 
"นั่นใครครับ!?" ภูสงสัย
"อ๋อง อ๋อง!!!!"
"อ๋องไหนครับ!?" ภูตอบกลับไปอย่างงง
"กูอ๋อง! ผัวไอยี่! มึงทำอะไรกับกูไว้มึงโดนแน่ มึงออกมาเจอกูเลย" น้ำเสียงของชายคนนี้ยิ่งพูดยิ่งให้รู้สึกว่าแค้นเคืองอย่างที่สุด พอภูได้ยินคำว่า ผัวไอยี่ ภูนึกขึ้นได้ทันที นั่นคืออ๋อง อ๋องคนที่เป็นแฟนกับยี่ ซึ่งผู้หญิงที่ชื่อยี่นั่นก็คือ อดีตที่เจ็บปวดของภู 
ภูตอบกลับไปว่า "ผมไม่ได้คุยกับยี่มา 2ปีแล้วนะครับ จะมายุ่งอะไรกับผมอีก ผมเลิกคบกับยี่มานานแล้วนะครับ"
ภูพยายามพูด และอธิบายเพื่อให้ผู้ชายที่ชื่ออ๋องใจเย็นลง แต่ก็ไม่ได้ผล จนในที่สุดภูก็ตัดสินใจกดวางสายโทรศัพท์และอีกอย่างภูก็อยู่ในระหว่างทำงานอยู่จึงไม่อยากจะคุยอะไรยืดยื้ออะไรให้มากความ แต่ทว่าผูชายที่ชื่ออ๋องนั้นก็ยังโทรมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะวางสายกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ยังโทรมาไม่หยุด จนในที่สุดภูรู้สึกรำคาญอย่างเต็มที่จึงกดวางปุ่มปิดเครื่องมือถือทันที 
"เฮ้ย! เป็นไรอีกว้าหน้าเครียดๆ"
"ไอนั่นมันโทรมาหวะ"
'ใครว้า!?"
"แฟนไอยี่" ภูตอบด้วยสีหน้าเซ็งๆ
"อะไรว้า มึงเลิกกับไอยี่ไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วมันโทรมาทำไมอีกว้า"
"นั่นดิ"ภูตอบแบบเซ็งเล็กน้อย แต่ก็ทำหน้านิ่งๆ
"แล้วมันพูดอะไรกับมึงบ้างว้า"ตูนถามด้วยความอยากรู้ แต่ในใจเริ่มรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญกับผู้ชายคนนี้
"กูก็บอกมันไปแล้วว่ากูไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับยี่แล้วไม่ได้เจอไม่ได้คุยไม่รู้เรื่องมา 2ปีแล้ว มันก็ไม่ฟังจะเจอกูให้ได้ท่าเดียว"
"ถ้ามีอะไรนะเดี๋ยวพวกกูช่วยมึงเอง"
"เออ กูไม่กลัวมันหรอก แต่รำคาญมันมากเลยหวะ"
"เอาน่า ถ้ามีอะไรเดี๋ยวพวกกูช่วยอีกแรง"
"อืม  ขอบใจหวะ"
ภูเริ่มคิดในใจ "นี่กรรมที่เราได้ทำไว้ จะกลับมาหาเราอีกครั้งแล้วเหรอ ถ้าวันนั้นเราไม่ตัดสินใจคบกับยี่ เราก็คงไม่ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนั้น"
    ก่อนนี้ ภูได้รู้จักรกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอชื่อยี่ แต่ก็เป็นการรู้จักรอย่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะทั้งคู่ไม่เคยคุยกันมาก่อน แต่ภูก็เคยเห็นยี่และรู้จักรมาอยู่บ้าง เพราะยี่ก็เป็นรุ่นน้องของภูในคณะเดียวกันนั่นเอง ตอนนั้นภูเป็นหนึ่งในหัวหน้าของชมรม คนรักป่า ซึ่งได้จัดเข้าค่ายที่ต่างจังหวัดทุกปี และยี่ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกชมรมที่ได้ร่วมเดินทางไปกับชมรมด้วยในปีนั้น ชมรมคนรักป่ามักจะออกค่ายช่วงซัมเม่อร์หรือที่เรียกกันว่าปิดเทอมใหญ่ จะใช้เวลาอยู่ด้วยกันในค่ายถึง 3เดือน ระหว่างนั้นภูกับยี่ก็ได้มารู้จักรด้วยความจำเป็น ตอนนั้นเกิดปัญหาภายในชมรม และได้แบ่งกลุ่มกันออกเป็น 2กลุ่ม คือกลุ่มของเจ๊เหลง เจ๊เหลงนั้นเป็นที่ปรึกษาของชมรมคนรักป่า เป็นคนให้คำแนะนำ เรื่องโครงการต่างๆและมีประสบการณ์ในการทำชมรมนี้มามาก จึงเป็นที่นับหน้าถือตาของพวกรุ่นน้อง ส่วนอีกกลุ่มนี่ก็ไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็เป็นกลุ่มของภูเอง เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะ ความคิดของคนในกลุ่มหลายหลายคนนั้นเกิดไม่ตรงกันต่างคนเริ่มต่างทำอะไรปล่อยปะละเลย และฝ่าฝืนกฎระเบียบของค่าย ซึ่งนำโดยเจ๊เหลงที่เป็นตัวหัวโจกในการแหกกฎต่างๆ เพราะตัวเจ๊เหลงเองคิดว่าไม่มีใครสามารถทำอะไรตัวเจ๊เหลงได้ แต่ทว่าทางพวกที่ไม่พอใจเจ๊เหลงนั้นก็ได้มาปรึกษากับภูในเรื่องต่างๆที่เจ๊เหลงได้ทำซึ่งหนึ่งในคนที่เข้ามาปรึกษาเรื่องราวและปัญหาต่างๆด้วยนั่นก็คือ ยี่ ยี่มักจะมาคุยกับภูและขอคำปรึกษาต่างๆเกี่ยวกับคนในกลุ่มและเรื่องงานของกลุ่ม  ยี่นั้นมีแฟนอยู่แล้ว ซึ่งภูก็ไม่รู้มาก่อนว่ายี่นั้นมีแฟนแล้วแฟนของยี่ชื่ออ๋อง อ๋องเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งมีหน้าที่การงานที่ดี แต่ก็พึ่งมาคบกับยี่ได้ไม่กี่เดือนยี่ก็ต้องมาออกค่าย คนรักป่า ที่ต่างจังหวัด แต่อ๋องก็มักจะโทรมาหายี่แทบทุกวัน 
วันหนึ่งยี่นัดเจอภูมาคุยที่ห้อง เพราะยี่ไม่อยากออกไปที่ห้องภูเพราะห้องภูมีคนเยอะ และยี่รู้สึกว่าไม่มีสมาธิในการคุยในเรื่องต่างๆจึงนักเจอภูมาคุยที่ห้อง และคืนนั้นเองที่ภูกับยี่รู้สึกดีต่อกัน และก็ทำให้ภูรู้ด้วยว่ายี่นั้นมีแฟนแล้ว ภูจึงไม่แสดงอาการอะไรออกมา แต่ก็เก็บความรู้สึกดีไว้ไม่แสดงออก แต่ทว่าคืนนั้นยี่กับชวนภูนอนที่ห้องด้วย และตั้งแต่นั้นมาภูก็เริ่มสนิทกับยี่มากขึ้น จนวันนึงเรื่องได้รู้ไปถึงหูเจ๊เหลง เจ๊เหลงจึงพยายามพูดให้ร้ายยี่และภูสารพัด ให้คนอื่นคิดว่ายี่เป็นผู้หญิงง่ายๆนอนกับใครก็ได้ จนเพื่อนยี่คนนึงคิดแผนขึ้นมาให้ทั้งคู่เป็นแฟนกัน และนีก็คือจุดเริ่มต้นแห่งความทรมานและทำให้ชีวิตของภูเริ่เปลี่ยนไป จากที่แกล้งๆเป็นแฟนกันกลับกลายเป็นแฟนกันจริง พร้อมความที่รู้สึกดีต่อกันทั้งคู่จึงตกลงคบกันจริงๆเข้า แต่ทว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมันแสนสั้นนัก เพราะถึงเวลาที่จะต้องกลับกรุงเทพแล้ว และก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว 
"ยี่ถึงบ้านแล้วจะโทรมาหาภูรึเปล่า"
"โทรสิ ไม่โทรได้ยังงัย"
นี่คือ สิ่งที่ผูกพนธ์กันมา แม้มันจะสั้นด้วยระยะเวลาแค่ 3เดือน แต่ภูก็รู้สึกผูกพันธ์กับยี่มาก เพราะตอนที่ทั้งคู่อยู่ที่ค่ายแทบไม่เคยแยกจากกันเลย เพราะงั้นพอกลับมาถึงกรุงเทพ ภูรู้สึกว่าตัวเองต้องการยี่มาก แม้จะรู้อยู่เต็มอกเลยว่าตอนนี้ภูกลับมากรุงเทพแล้ว แล้วตอนนี้ภูก็ต้องกลายสถานะจากการเป็นแฟนของยี่ กลายมาเป็นกิ๊กของยี่แทน แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ภูพอใจและยังรับได้ และก็หวังลึกๆว่ายี่จะเลือกตัวเองและรักตัวเองอย่างเต็มตัว แต่ภูไม่เคยรู้เลยว่าการที่ผู้หญิงที่ชื่อยี่นั้นได้เข้ามาในวิตของภูจะทำให้ภูต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ เมื่ออ๋องแฟนของยี่นั้นได้รู้ว่าภูกับยี่นั้นคบกัน เพราะเป็นการบังเอิญที่น้องของอ๋องได้แอบไปเห็นภูกับยี่เดินจูงมือด้วยกันในห้างแห่งหนึ่ง หลังจากวันนั้นภูก็เริ่มโดนจิตวิทยาของอ๋องเล่นใส่ ตัวภูเองไม่ค่อยรู้สึกกลัวอ๋องเท่าไหร่ แต่เป็นยี่ที่โดนอ๋องเล่นงาน ด้วยคำพูดที่ขู่ยี่ต่างๆนานา จนยี่รู้สึกหวาดกลัวทำให้ภูก็เป็นห่วง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จนภูตัดสินใจขอเลิกกับยี่ แต่ก็เป็นยี่ที่ยังรั้งภูไว้ไม่ยอมเลิก นั่นก็ทำให้ภูทรมานเหมือนตายทั้งเป็น เพราะจากที่เคยไปไหนมาไหนด้วยกัน เจอกันทุกวันกลับกลายเป็นว่า เจอกันบ้างไม่เจอกันบ้าง และอ๋องก็จะมารับยี่ที่มหาลัยบ่อยขึ้นๆจนภูแทบไม่ได้เจอยี่เลย ต้องคุยโทรศัพท์กับยี่หลังจากที่ยี่กลับมาถึงบ้านแล้วภูรู้สึกอึดอัดและทรมานเพราะตัวภูเองก็อยากจะเลิก แต่ยี่กลับไม่ยอเลิกมันเป็นสิ่งที่ภูทรมานเหมือนตายทั้งเป็น ทำให้ภูกลายเป็นคนที่คิดมากคิดมากจนภูกลายเป็นโรคเครียดและเป็นโรคความดันต่ำหายใจไม่ออกแล้วก็จะชัก มันทรมานมากเพราะผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้ภูได้เป็นแบบนี้หรืออาจเป็นเพราะกรรมเก่าที่ภูได้ทำไว้ แต่เหตุการณ์ที่ทำภูต้องฝังใจและทรมานที่สุดในชีวิตก็ได้เกิดขึ้น วันนั้นยี่ไปหาอ๋องตามปกติ แต่ปกติแล้วยี่จะโทรมาหาภูเมื่อถึงบ้าน 
ตู๊ดๆๆๆ.... เสียงโทรศัพท์ของภูดังขึ้น
ฮัลโหล ยี่เหรอ 
อืม ภูเราเลิกกันนะ สิ้นเสียงยี่ ภูก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะเหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวนั้นเงียบไปหมด แต่ก็ไม่มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของภู ภูรู้ว่าต้องมีวันนี้จึงพอจะทำใจได้
อืม เราจะไม่ได้คุยด้วยกันแล้วใช่เปล่า
อืม ช่ายยี่ตอบกลับไปอย่างสั้นๆ
แล้วไม่ต้องโทรหากันอีกเลย ไม่เจอกันอีกต่อไปแล้ว....
อืม ช่าย เราเลิกกันแล้วนะ แล้วยี่ก็วางสายไปทันที
อืม....ภูก็ตอบไปเพียงสั้นๆ พอดีกับที่ยี่วางสาย
แต่ไม่นานผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เสียงโทรศัพท์ภูก็ดังอีก และก็เป็นเบอร์ยี่ที่โทรมาอีกครั้ง ในใจภูเริ่มรู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดนึง คิดว่ายี่อาจจะอยากกลับมาพูดว่าเราคบกันอีกครั้ง แต่ทว่าเมื่อภูรับสาย ก็ได้ยินเสียงยี่ร้อง เหมือนคู่รักกำลังมีอะไรกันอยู่ ภูพยายามฟังซักพัก ในใจพยายามคิดว่านี่เป็นการแกล้งทำ แต่ว่าฟังไปได้ซักพักจึงรู้ทันทีว่าอ๋องกับยี่กำลังทำอะไรกันอยู่อย่างแน่นอน เมื่อรู้เท่านี้ น้ำตาภูก็เอ่อล้นออกมาทันหัวใจภูเต้นแรงขึ้นๆ มือไม้สั่น ยิ่งฟังภูก็รู้สึกว่าตัวเองโดนพัดพราก เสียของที่ตัวเองรักมากที่สุด และไม่นึกว่าคนที่ตัวเองรักมากที่สุดนี้จะทำอะไรอย่างนี้ได้ทั้งๆที่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนนี้พึ่งบอกเลิกกันไปเอง ภูรู้สึกเสียใจและเสียใจอย่างมากและมากมากที่สุดตั้งแต่เกิดมา เสียใจจนแทบขาดใจภูรู้สึกทรมานทรมานแบบว่าเสียใจยังงัยก็ไม่ได้ ทุกข์ยังงัยก็ไม่ได้ รู้แต่ว่าตอนนี้ตัวเองทรมานมากเรียกได้ว่ารู้ซึ้งเลยว่าคนที่เจ็บจนหัวใจสลายเป็นยังงัย แต่ตอนนั้นดีที่ว่าภูยังมีเพื่อนๆ และเพื่อนที่เป็นผู้หญิงอยู่เคียงข้าง เพื่อนผู้หญิงคนนึงเห็นภูเป็นอย่างนั้นแล้วก็สงสารภูมาก จึงจับมือภูพยายามปลอบและพยายามคุยกับภูจนภูสติสตังเริ่มกลับมาบ้าง แต่ก็ยังเบลอๆและเหม่อลอย จนตกเย็นเมือภูกลับบ้าน กลายเป็นว่ายี่กลับโทรมาหาภูอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ภูทั้งงงทั้งดีใจและทรมานและสับสนพยายามที่จะถามยี่ว่ามันคืออะไรในเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน แต่ยี่ก็อ้างนู่นอ้างนี่ แต่ภูรู้อยู่เต็มอกว่า ตอนนั้นยี่กับอ๋องมีอะไรกันจริงๆ และอ๋องก็พยายามทำให้ภูได้ยินเพื่อที่จะให้ยี่เลิกกับภู แต่ทว่ายี่ก็ยังไม่เลิกคบกับภูจริงๆ บอกแต่เพียงว่าตอนนั้นอ๋องบังคับให้ทำและบังคับให้พูดว่าเลิกกับภู แต่ยิ่งนานวันๆวันเข้าเหตุการณ์ภูกับยี่ก็เลวร้ายลงๆเรื่อยๆ จากที่เจอกันเฉพาะในมหาลัย ก็แทบจะไม่ได้เจอกันเลย เพราะอ๋องมาขู่และมาหายี่ทุกวัน จากที่เคยคุยกันนานกลับได้คุยกันแค่ไม่ถึง 5นาทีก็ต้องวาง และจนไม่ได้เจอกันแม้กระทั่งในมหาลัย ได้คุยกันแค่ทางโทรศัพท์เท่านั้น จนในที่สุด ยี่ก็บอกเลิกกับภู เพราะยี่ก็แย่และทนไม่ไหวที่ต้องโดนอ๋องบังคับขมขู่และทำร้ายร่างกาย อ๋องทำทุกวิถีทางเพื่อจะให้ยี่เลิกกับภูและไม่ให้ภูมายุ่งกับยี่ 
"ภูยี่ทนอ๋องไม่ไหวแล้ว เราเลิกกันนะ ภูรู้เปล่าอ๋องทำอะไรกับยี่บ้าง จิกผมซ้อมยี่ ยี่เจ็บยี่ทรมานนะภู ภูต่อไปนี้ไม่ต้องโทรหายี่แล้วนะ"
"อืม ยี่ก็ไม่ต้องโทรมาอีกแล้วนะ หลังจากวินาทีนี้ไปเราเลิกกันแล้ว" นั่นก็ทำให้ภูรู้สึกดีและโล่ง แต่ก็รู้สึกทรมานและเศร้าคละเคล้ากันไปแต่หลังจากวันนั้น ยี่ก็ยังโทรมาหาภูปะปลาย คือโทรมาบ้างอาทิตย์ละครั้ง ทำเป็นหาเรื่องชวนภูคุยเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับตัวภู แต่ภูก็ไม่ค่อยอยากจะคุยอะไรกับยี่แล้ว เพราะความรู้สึกดีดีมันก็ได้หมดไป จะมีก็แต่ความทรมาน และนี่ก็เป็นเรื่องราวที่ทรมานของภูและเป็นต้นเหตุที่ทำให้ภูต้องมากลายเป็นคนที่คิดมากและเป็นโรคประจำตัวที่เป็นความดันต่ำ เมื่อเวลาโมโห หรือเครียดมากๆก็จะเป็น การที่จะทำให้ภูหายได้คือการกอด และปลอบโยน 
"เฮ้ย! ภู มีTrainee มาใหม่หวะ" ตูนเรียกภู ให้ตื่นจากภวังของอดีตที่ทรมาน
"เด็กฝึกงานมาใหม่เหรอว้า แล้วมึงไม่จีบซะหละ"
"โธ่ พลาดได้งัย กูก็จะจีบอยู่นี่งัย"
"แล้วรู้แล้วเหรอเค้าชื่ออะไร" ภูถามด้วยหมั่นไส้
"น้องเกรซๆ เว้ย..."ตูนตอบแบบยิ้มๆ
"แหมชื่อซะฝรั่งเชียว"
"แต่กูก็ปะล่อมๆถาม เค้าก็มีแฟนแล้วหวะ แต่แฟนเค้าอยู่ต่างประเทศ"
"อ้าว มึงก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเค้าสิ ก็คบกันแค่เพื่อนก็พอ อย่าไปจริงจังหละ" ภูพูดและหลอกสอนตูน
"เออน่า กูรู้น่า กูไม่ได้หวังหรอก แต่ก็จะลองคุยๆดู 5555"
"เออ กูก็แค่เตือนๆมึง ไม่อยากให้เหมือนกูตอนที่กูคบกับไอยี่" ภูพยายามพูดเตือนสติเพื่อน
"เออน่า กูรู้ว่ากูทำอะไรอยู่นา" ไม่นานก็ผ่านไปเดือนนึง ก็มี Trianee มาใหม่อีกคนนึง 
"เฮ้ย ภูมีเด็ก Trianee มาหใม่อีกคนนึงหวะ ที่ห้องอาหารเดียวกับ เกรซเลย ก็น่ารักดี แต่กูว่ากูชอบเกรซมากกว่า55555"
"อืม ก็ช่วงนี้มึงก็สนิทกับเกรซมากเลยหนิ งงงานหมู่นี้ตกไปนะมึง ลางานบ่อยอีกต่างหาก"ภูพูดอย่างประชดๆ
"เออ น่าๆ"
และก็เป็นจังหวะบังเอิญที่ภูจะต้องเดินไปยืมของที่ Long town พอดี
"อ้าว! น้องภู มาเอาอะไรจ้า" เสียงของหญิงสาว คนนึ่งดังขึ้น นั่นคือเสียงพี่หนู พนักงานของห้องอาหาร Long town 
"อ้อ ภ฿ ว่าจะมายืม แก้วเบียร์ซักหน่อยหนะครับ" 
ระหว่างที่ภูกำลงจะเปิดตู้ ก้มไปหยิบแก้วเบียร์ที่ Chill ไว้ในตู้เย็น ภูได้เหลือบไปเห็น Trianee คนที่พึ่งมาใหม่เข้า โดยที่ไม่ได้ตั้งใจจะมอง.....				
17 กุมภาพันธ์ 2551 01:20 น.

พรหมลิขิต [=Destiny of Heven=] ....(2 ผู้หญิงที่แสนดี)

ป๊ากเก้อร์

ภูรู้สึกว่าเม้าท์ที่จับไปนั้นมันช่างนิ่มนัก ภูฉงนใจเพราะ หารู้ไม่ว่าเม้าท์ที่ภูจับนั้นกลับกลายเป็นมือของผู้หญิง เธอคนนั้นชักมือกลับด้วยตกใจ ทำให้ภูหัวแทบทิ่มด้วยที่ว่าดันทิ้งน้ำหนักตัวลงไปในขณะที่เผลอไปจับมือเธอ พอภูเงือยหน้าขึ้นมาดู "แป๊ะ!" กลายเป็นเสียงประจำกลุ่มที่ก้องกังวาลในโส๖ประสาทของภู และตามมาด้วยเสียงของน่อง
"แฟนกูแฟนกู" 
เพราะมือที่ภูจับไปนั้นไม่ใช่มือใครอื่นกลับกลายเป็นน้องส้มแฟนของน่องนั่นเอง "โอย...โทษๆ ดีใจเกินไปหน่อย กะว่าจะคลิ๊กเม้าท์ ไม่ทันได้มองอะโทษทีนะส้ม นึกว่าเม้าท์" ส้มแอบอมยิ้มเล็กน้อย "โททีน่อง ไม่ได้ตั้งใจจริงๆอะ" ส่วนเชและเพื่อนก็หัวเราะกันดังลั่น 
"โหยเสียงนี่ดังสนั่นหวั่นไหวจริงๆหวะ" ฮ่าฮ่าฮ่า" 
ระหว่างที่ทุกคนกำลังขำกันอย่างสนุกสนานกันอยู่นั้นภูก็ได้เหลือบไปเห็นเธอคนนั้นอีกแล้ว เธอคนนั้นที่ภูได้บังเอิญเจอเมื่อเกือบเดือนก่อน ภูรู้สึกหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง เต้นแรงตุบตุบๆ ภูมองเธอคนนั้นแล้วมองเธอคนนั้นอีกพร้อมกับคิดในใจและพยายามนึกว่า เหมือนเคยเห้นเธอที่ไหนมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2แล้วที่ภูเห็นเธอคนนี้ 
"ใช่แน่ๆ คนที่เราเคยฝันอยู่ตลอด แล้ว ทำไมเราถึงได้รู้สึกใจเต้นตุบตับๆอย่างนี้ ..แต่ช่างเหอะ เราคงไม่ได้รู้จักรกันหรอก"
ระหว่างที่ภูกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น พลันก็สะดุ้งตื่นจากวังวลเพราะเสียงของเพื่อนในกลุ่ม 
"เฮ้ย! นั่นไอนุนี่หว่า ภูเพื่อนมึงอะ" เสียงของตูนดังขึ้น
"เออ รู้แล้ว แล้วมึงจะเฮ้ยทำไมว้า"
"อ้าว ก็คนในรถมันไม่ใช่แนทอะดิ"
....!?~ ภูทำหน้าสงสัย "อ้าว!? ถ้าไม่ใช่แล้วใครหละ " ภูพูด แต่ไม่ทันไรเสียงโทรศัพท์ของภูก็ดังขึ้น 
"งัยแนท.."
"ภู.. เห็นนุรึเปล่า"
"อ้อ อืม...ไม่เห็นนะ ไม่เห็นตั้งแต่มาถึงวิลัยแล้ว"
"ตอนนี้ภูอยู่ไหน"
"เออ..ภูอยู่ร้านเน็ทดูผลสอบอยู่"
"แนทไปหานะ"
"เอ่อ...อืม ก็มาดิ"
"ภูอยู่ร้านไหน"
"ตรงข้ามวิลัย เลยร้านถ่ายรูปฟูจิมาหน่อย ชื่อร้านแสงทอ"
"งั้นเดี๋ยวแนทไปหาเลยนะ"
"อืมๆ"....ตู๊ดๆ และแนทก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว
"เฮ้ยมึงเป็นกิ๊กกับแนทเหรอว้า"....
"แป๊ะ"...ภูตบไปที่หัวหนึ่ง
"กิ๊กบ้าอะไร เวลาไอแนทมันมีปัญหาอะไรก็มาระบายกับกูตลอด....กูหละเบื่อ......"
"เอย....แต่แนทมันสะบึมน้าเว้ย...."
"กูก็ว่างั้น !!!! เฮ้ย!!!! มึงหนิไอหนึ่ง กามจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า สมฉายาพี่กามจริงๆเชียว"
"โธ่เอ้ย กูก็แค่ออกความเห็นน่า"
และแล้วผองเพื่อนก็สลายตัว ต่างคนต่างกลับบ้าน ก็เหลือแต่ภูที่ยืนรอแนทอยู่หน้าร้านเน็ต ไม่นานแนทก็เดินมา
"ภูรอนานเปล่า"
"อืม ..นานอยู่ แต่ ..มีอะไรเหรอแนท"
"แนท...." แนทเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา 
"อะไรเหรอ?" ภูถามด้วยความสงสัย แต่ในใจภูก็พอจะเดาออกว่าแนทอยากจะพูดอะไร แต่ทว่า ภูกลับคิดผิดและคาดไม่ถึง 
"กลับบ้านด้วยกันนะ" นั่นทำให้ภูรู้สึกงงและอึ้งเล็กน้อย 
"อืม.. ก็ได้ ภูรู้นะ แนทมีหลายเรื้องอยากระบาย"
"อืม...." แนทยอมรับ และก็ยิ้มแบบเศร้าหมอง แล้วทั้ง 2ก็ขึ้นรถไปด้วยกันซึ่งรถที่ทั้งคู่ได้นั่งนั้นเป็นรถของแนท และแนทก็เป็นคนขับเอง  ระหว่างทางที่อยู่บนรถแนทขับรถไป แต่กลับเริ่มมีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตา และน้ำตามันก็เริ่มไหลออกมาเรื่อยๆเรื่อยๆ 
"แนท!? ร้องไห้ทำไม ..."
"ภู แนทรู้ทุกอย่างแล้ว นุบอกแนทหมดแล้ว นุบอกว่านุเลิกกับฝิ่นแล้วจริงๆ แต่ตอนนี้นุอยู่กับเพื่อนชื่อฝ้าย" แนทพูดทั้งน้ำตา
"ฝ้ายไหนเหรอ !???" ภูถามด้วยความสงสัย
"แนทไม่รู้ แต่ทำไมมีอะไรไปไหนไม่บอกแนทเลยซักครั้ง มีรับลมคมในตลอด เพื่อนกันอะไร แนทเห็นอยู่ใน นุจูบกับผู้หญิงที่ชื่อฝ้ายนี่ชัดๆเลย" แนทร้องไห้โฮ เป็นยกใหญ่ 
"ตอนนี้แนทรู้สึกสับสน ไปหมดแล้วคิดไรไม่ออกเลย" แนทเริ่มฟูมฟายและพูดเหมือนคนขาดสติ จนภูต้องให้แนทจอดรถข้างทาง
"แนทจอดรถข้างทางก่อนนะ ใจเย็นๆ"
ไม่นานแนทเริ่มตั้งสติได้ แล้วก็รวบรวมสมาธิเพื่อที่จะขับรถไปส่งภูต่อ ระหว่างทางที่ขับแนทยังคงร้องไห้อยู่ตลอด แต่ก็น้อยลงกว่าเมื่อซักครู่ 
"ถึงแล้วหละ ขอบใจนะแนท"
"ตอนนี้แนทเหงามากเลยภู" ภูนิ่งเงียบไปซักพัก แต่ไม่ทันที่ภูจะตั้งตัวแนทได้เข้ามาสวมกอดภูไว้แน่น แต่..."แนท ถ้าแนทกอดภูเพื่อให้ลืมนุ แนทอย่าทำอย่างนี้เลยดีกว่านะ ภูไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ หรือต้องมาลองรับอารมณ์ใครแบบนี้ " ภูพูดด้วยอาการไม่ค่อยพอใจนัก ทันทีที่พูดจบ แนทก็เลิกกอดภูทันที แต่ก็งคงร้องไห้อยู่และร้องไห้หนักกว่าเดิม 
"แนท เมื่อกี้ ขอโทษนะ" ภูเริ่มตั้งสติได้
"ขอโทษนะภู แนท....ถ้านุดีเท่าครึ่งนึงของภู แนทคงไม่เสียใจอย่างนี้"
ภูไม่พูดอะไร แต่ก็จับมือแนทไว้ แนทซบลงที่บ่าภู คราวนี้ภูไม่ว่าอะไรก็โอบกอดแนทไว้พร้อมกับจูบเบาๆที่หน้าผากแนท แค่นี้ก็ทำให้แนทเลิกร้องไห้ แม้จะไม่เลิกร้องไห้ทันที แต่น้ำตาก็ไหลน้อยลงๆ จนแนทหยุดร้อง แล้วภูก็ปล่อยมือที่โอบกอดแนท 
"แนทกลับบ้านเถอะ เย็นมากแล้ว คราวหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ "ภูพูดกับแนทด้วยความเห็นใจ
"อืม คราวหลังแนทไม่ทำอย่างนี้แล้ว ขอโทษนะภู" ที่แนทขอโทษเพราะรู้ตัวเองดีว่ากำลังทำให้ภูสับสน และตัวแนทเองก็สับสน และเหงาปนกัน แต่ที่ภูได้สวมกอดนั้นแนทกลับรู้สึกอบอุ่นมาก แต่ก็เป็นการเห็นแก่ตัวที่ว่าในใจนั้นทำเพื่อให้หายเหงาแล้วภูก็ลงจากรถ
"ขอบใจนะแนทที่มาส่ง"ภูพูดพร้อมกับยิ้ม ส่วนแนทก็ยิ้มกลับ
"แนทตะหากที่ต้องขอโทษ และขอบใจภู"
"ขับรถกลับบ้านดีดีนะ"
"อืม"แนทตอบเพียงสั้นๆ และก็ออกรถไป ส่วนภูก็หันหน้าเดินเข้าบ้าน แต่ภูไม่รู้หรอกว่าแนทแอบมองภูทางกระจกมองหลังอยู่ เมื่อภูเข้าบ้านมาก็รู้สึกเหนื่อยเพลียจึงรีบทำธุระส่วนตัวต่างๆ และรีบเข้านอนระหว่างที่ภูนอน ก็คิดอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยเปื่อย แม้วันนี้จะมีเรื่องของแนทเข้ามาให้รู้สึกสับสน แต่ความสับสนของภูก็เกิดขึ้นเพียงไม่นานแล้วก็หายไป เพราะในหัวของภู และก้นบึ้งของความคิด ดันมีภาพเธอคนนั้นเธอคนที่ภูเห็นที่ร้านเกมส์ตั้ง 2ครั้ง ภาพของเธอลอยเข้ามาในหัวสมอง ไม่นานภูก็หลับไป
    หลังจากเหตุการณ์ที่แนทเข้ามาทำให้ภูรู้สึกสับสนได้ผ่านไป 2เดือนเศษ ก็ถึงวันรับปริญญา 
"เฮ้ยดีใจด้วยเว้ยทุกคน"เสียงของตูนดังขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาทักทายเพื่อนๆ "เฮ้ย! จบด้วยเหรอว้าภู" ทั้งที่รู้ว่าภูก็เรียนจอบตูนพูดด้วยวาจากวนโอ๊ย  "แป๊ะ" เสียงประจำกลุ่มดังขึ้นภูตบหัวทุยๆของตูนด้วยความหมั่นไส้ พวกเพื่อนๆก็หัวเราะกันยกใหญ่ 
"เออ! ตูนมึงไปสมัครงานโรงแรมเป็นงัยบ้างว้า ได้รึเปล่า" ภูถามด้วยความอยากรู้
"ได้ดิ ไม่ได้ได้งัย"ตูนตอบ
"แล้วได้เป็นพนักงานประจำเปล่า"ภูถามด้วยความอยากรู้อีกครั้ง
"ยังก่อนหวะ เค้าให้เป็นพนักงานชั่วคราว ก่อนอะ พี่เค้าบอกว่าถ้าทำไปซักพักจะดันให้เป็นพนักงานประจำ"
"อ้อเหรอ เออดีดี"
"แล้วมึงไม่สนใจเหรอว้าภู มาทำด้วยกันเปล่า"
 ตูนถามภู เพราะก็อยากให้ภูมาร่วมทำงานที่เดียวกันด้วย
"โหกูไม่ได้ทำงานโรงแรมมา 2-3ปีแล้วนะ"
"เออน่ามาทำด้วยกันดีกว่านา" ตูนเซ้าซี้ภูจนในที่สุด
"เออก็ได้ว้า"ภูจำใจรับ
"งั้นมะรืนนี้เจอกัน ไปเจอที่ฝ่ายบุคลเลยนะ โรงแรมเมรี่โรส"
"มะรืนเลยเหรอ...เออ เอาก็เอา"
"เออ ก็แค่นั้นแหละ นัดก็ต้องเป็นนัดแหละว้า"
ทันใดนั้น เชเพือ่นในกลุ่มก็อุทานขึ้น "เฮ้ย! ไอนุนี่หว่า มันเดินควงใครมาว้า มึงรู้ป่าว้าภู" เชถามด้วยความสงสัย "แต่ภูก็ทำหน้าสงสัยเช่นเดียวกัน"อืม.... นี่แฟนใหม่ไอนุมันเหรอว้า!?" 
"แฟนใหม่มันเหรอว้า ขาวโคตรเลย"หนึ่งมองด้วยความเจ้าเล่ห์ แฝงด้วยความใคร่ในแววตา แป๊ะ!  เสียงประจำกลุ่มดังขึ้นอีกครา 
"โอ๊ย ไอหมึกตบกะบาลกูไมเนี่ยะ" หนึ่งถามด้วยมึนงงปนความสงสัย 
"ก็ดูมึงมองดิ แม่กงะจะกินเค้าอย่างนั้นอะ" หมึกตอบด้วยความสะใจที่ตบหัวหนึ่งได้ พร้อมกับทำสีหน้ายิ้มๆแบบกวนๆ 
    และแล้วประกาศรายงานตัวเรียกบัณฑิตก็ดังขึ้น บัณฑิตทุกคนต่างก็มาเข้าแถวตามรายดับรายชื่อตัวอักษรตัวหน้าของชื่อตัวเอง พอเข้ามาในหอประชุม ภูก็มองหาไปรอบๆเพื่อหาพวกพ้องเพื่อนฝูงของตัวเองพร้อมกับคิดในใจว่า "เอ...ไอพวกเพื่อนเวง มันไปนั่งตรงไหนกันบ้างว้าเนี่ยะ เออ..แต่วันนี้ก็ไม่เห็นไอแนทเลย ถ้ามันไม่อยู่กับไอนุแล้วมันจะไปอยู่กับใครน้า....เฮ้อ แต่ช่างเหอะ เรื่องของมันและ ไม่อยากจะยุ่งอะไรด้วยและ น่าเบื่อที่ต้องมาลองรับอารมณ์มัน ...." 
และภูก็ยังคงมองไปรอบๆ จนมาสะดุดตากับผู้หญิงคนหนึ่ง ภูจ้องมองดูผู้หญิงคนนั้นซักพัก ....
"เฮ้ย!!!!????  ไมผู้หญิงคนนั้นที่เราเคยเจอในร้านเกมส์ ตอนนั้นมานั่งอยู่ข้างเราตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยะ เอ๋ !? แล้ววันที่ซั้อมๆ เราไม่ได้นั่งติดกันนี่นา" ภูคิดในใจ พร้อมกับแสดงหน้าตางุนงง พร้อมกับจ้องหน้าเธอคนนั้นด้วยหัวใจที่เต้นรัว 
"มีอะไรรึเปล่าคะ" ภูสะดุ้งเฮือกและตื่นจากอาการเหม่อลอยทันที เมื่อเธอคนนั้นหันกลับมามองภูที่กำลังจ้องหน้าเธอด้วยสายตาเหม่อลอย
"เอ่อ....เอ่อ.... เปล่าครับ คือเรา......เรา มองเพื่อนๆอยู่หนะ " ภูตอบพร้อมกับตั้งสติไปพร้อมกัน "เออ....ว่าแต่ เธอนั่งตรงนี้เหรอ เพนราะวันซ้อมเรายังไม่เห็นเธอเลย 
อ๋อเปล่าหรอก เรานั่งจากเธอไปตั้ง 3คนแหนะ แล้วอยู่ดีๆ 3คนนั้นไม่มาซะงั้น ฮิฮิ บังเอิญจังเลยเน้อะ ภูงงกับคำพูดของเธอพร้อมกับคิดในใจ "บังเอิญ !? บังเอิญอะไรอะ เราตังหากที่บังเอิญ" แล้วภูก็ตอบกลับไปว่า 
"บังเอญอะไรเหรอ"
"อ๋อ ฮิฮิฮิ เราหมายถึงว่าบังเอิญที่ 3คนหน้าเรานี้ไม่มารับปริญญาเฉยเลย"
"เอ่อ ! อืม....ช่าย บังเอิญจังเลยเน้อะ เหอะๆ" ภูตอบไปด้วยความเสียดาย เสียดายที่ว่าเธอไม่พูดคำว่าบังเอิญเจอตัวภูเอง
"เอ่อ....เธอชื่ออะไรเหรอ" ภูถามอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะด้วยความตื่นเต้นนั่นเอง แต่ทว่าเธอกลับ 
"เราชื่อซี กลับผิดคาด เพราะภูที่ภูคิดไว้ว่า เธอคงจะไม่ตอบภูง่ายๆ แต่นี่เธอกลับตอบภูโดยไม่ลังเล "เอ้อ"ทำให้ภูดูอึ้งนิดๆ เมื่อตั้งสติได้จึงตอบกลับไปด้วยการแนะนำชื่อของตัวเอง "เราชื่อ ภู"
"อ้อ จ้า"
"ซี เรียนคณะไหนเหรอ"
"การตลาด"
"อืมๆ...แล้วได้งานทำยัง"
"ได้แล้วหละ"
"ที่ไหนเหรอ" ภูถามด้วยความสนใจและอยากรู้
"งานบริษัทหนะ แต่พ่อซีฝากให้ก็เลยได้เร็ว"
"แล้วภูหละได้งานยัง"
"ก็พรุ่งนี้จะไปสมัครโรงแรม"
"โรงแรมไรเหรอ"ซีก็ถามภูด้วยความอยากรู้บ้าง
"โรงแรมโรสแมรี่ รีสอร์ทแอนด์สปา"
"5ดาวใช่เปล่า"
"ช่าย"
ทั้ง 2คุยกันไปกันมาเหมือนกับว่ารู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เสลาผ่านไป จนพิธีการรับปริญญาเสร็จสมบูรณ์ บัณฯฑิตทุกคนก็พากันออกจากหอประชุม
"ซี มีเบอร์โทรศัพท์เปล่า ภูจะขอไปได้มั้ยอะ เผื่อภูมีอะไรก็อยากโทรไปคุยกับซีเล่นๆ "
"เออ......ขอโทษนะภูมือถือเราพึ่งหายไปไม่กี่วันนี้เอง อืม....งั้นเอาอีเมลไปก่อนได้มั้ยอะ" ภูทำหน้าเศร้าเล็กน้อยปนความเสียดาย 
"อืมได้ งั้นถ้าซื้อมือถือใหม่แล้วเอาเบอร์เมลมาบอกภูด้วยนะ "
แม้ไม่ได้เบอร์มือถือของซี แค่นี้ภูก็ดีใจแล้วที่อย่างน้อยก็ขออีเมลซีมาได้ ซีเดินไปขอยืมกระดาษจากอาจารย์ มาเขียนใส่กระดาษทิชชู่ที่ซีพกไว้ เมื่อเขียนเสร็จก็ส่งให้ภู "เดี๋ยวซีขอตัวก่อนนะ ซีต้องไปหาพ่อกับแม่ พ่อกับแม่รออยู่"
"อืม...."ภูตอบเพียงสั้นๆพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย 
"ซีไปนะ แล้วเจอกัน"ซีกับภูก็บ๊ายบายกัน แล้วซีก็เดินหายวับไป
ภูยิ้มย่างชื่นบาน และในใจภูก็ไม่ได้คิดถึงอะไรอื่นเลยนอกจากซ เพราะภูเองก็ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้มารู้จักรกับซี ภูเดินออกไปตามทางออกพร้อมกับเบียดเสียดกับบัณฑิตคนอื่นๆเพื่อที่จะออกไปข้างนอก 
ไม่นานพอออกมาได้ภูก็เดินตามหาเพื่อนๆ แป๊ะ!!! ในที่สุดก็เจอจนได้ ภูคิดในใจ เพราะการตบกบาลนี่เองที่เป็นเสียประจำกลุ่ม ทำให้ภูรู้ว่าไอคนที่ตบหัวเนี่ยะต้องเป็นเพื่อนในกลุ่มคนใดคนหนึ่งแน่ ภูหันกลับไปดู 
"อ้าว ไอน่องมึงไปนั่งตรงไหนว้า"
"กูนั่งอยู่แถวหน้า หาพวกมึงไม่เจอซักตัว"
แป๊ะ!!!!! และก็เป็นอีกครั้งที่เสียงประจำกลุ่มดังขึ้น
"มึงหาใครว้า"เชนั่นเองที่เป็นมือตบในคราวนี้ และคนที่โดนกลับกลายเป็นน่องแทน 
"อ้าว!? ไอห่ากูหาตั้งนาน มากันครบยังว้า ....เฮ้ย งั้นมาถ่ายรูปกันถ้ามากันครบแล้วอะ ยังไม่ได้ถ่ายตอนถือปริญญาบัตรเลย เฮ้ยๆ....ถ่ายรูปๆ"
น่องเรียกทุกคนมาถ่ายรูปร่วมกัน ต่างคนต่างมีความสุขยิ้มแย้มน่าชื่นตาบานกันทั่วหน้า เพราะกว่าจะเรียนจบได้ก็ลำบากแทบแย่ ระหว่างที่กำลังถ่ายรูปอยู่นั้นภูได้เหลือบไปเห็นแนทกำลังเดินจูงมือถ่ายรูปอยู่กับนุ และตูนก็แอบเหลือบไปเห็นด้วยเช่นกัน 
"เฮ้ยไอภู ไอ2คนนั้นมันเลิกกันจริงเหรอว้า" ตูนถามด้วยความงงปนความสงสัย
"ไม่รู้หวะ แต่กูคงไม่ยุ่งด้วยแล้ว กูเบื่อ!!!!" ภูตอบด้วยสีหน้าตามอารมณ์ที่พูด เพราะในใจภูตอนนี้ไม่อยากจะสนใจใครหรือเรื่องของใครนอกจากซี "ไม่นึกเลยว่าซีจะคุยดีกับเราอย่างนี้ และก็ไม่คิดว่าจะได้มารู้จักรกัน และคุยกันอย่างถูกคอจริงๆ" ภูวเราะในใจและยิ้มด้วยสีหน้าที่มีแต่ความสุข....				
7 กุมภาพันธ์ 2551 12:26 น.

พรหมลิขิต [=Destiny of Heven=] ....( 1 ปฐมบทของความบังเอิญ )

ป๊ากเก้อร์

ความทรงจำที่เลือนลางไปและไม่เคยที่มันจะกลับมา วนเวียนอยู่ในหัวเราอีก และสิ่งที่ทำให้ต้องพรากจากกันในชาตินี้ก็เพราะกรรมที่ได้ก่อขึ้นหรือ หรือเนสิ่งทดสอบระหว่างฉันกับเธอ เมื่อภูตื่นขึ้นก็คิดว่าฝันเมื่อกี้เหมือนกับความจริงมาก ภูฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง น่าตาน่ารัก ตากลมบ่องแบ๊ว แต่ถูฉุกคิดได้ว่า 
"เราฝันถึงผู้หญิงคนนี้อีกแล้วเหรอ" ไม่รู้กี่ครั้งที่ฝัน แต่ทุกครั้งที่ฝันยิ่งรู้สึกผูกพันธ์กับผู้หญิงคนนี้มาก ภูเรียนอยู่มหาลัยชั้นปี 4 มีเพื่อนๆมากมายทั้งชายและหญิง แต่ก็ไม่รู้สึกว่าเพื่อนจะอยู่กับเค้าได้ตลอดชีวิต ประโยคนี้ภูคิดอยู่เสมอ และคิดทุกครั้งที่ฝันถึงผู้หญิงคนนี้ 
    เสียงๆ หนึ่งดังขึ้น "เฮ้ย ! ภู คิดไรอยู่ว้า แม่ง โลกส่วนตัวจังนะ"  
"อ้อ กูคิดอะไรเพลินๆอยู่หวะ"  
"พรุ่งนี้สอบแล้ว คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนะภู "
นุกับแนท เพื่อนของภูในกลุ่มห้องเดียวกัน ทั้ง 3สนิทกัน แต่... นุกับแนทนั้นเป็นแฟนกัน และก็อาจจะเป็นเหตุผลนึงที่ว่า แม้จะสนิทกันก็จริงแต่ภูก็ไม่เคยที่จะสุงสิงกับ 2คนนี้เท่าไหร่ เพราะด้วยทั้งคู่เป็นแฟนกัน ดังนั้นภูมักจะไปสุงสิงอยู่กับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเพื่อนของภูกลุ่มนี้มักจะชอบเตะบอล ซึ่งตรงกับตัวภูที่ชอบเตะบอลเป็นชีวิตจิตใจ 
"ภู! กับบ้านด้วยกันป่าว"
นั่นคือเสียงของแนทที่ชวนภูกับบ้านด้วย 
"ไม่หละแนทกลับกับนุเถอะ ภูว่าจะไปเตะบอล"
แต่ทว่าแนทกลับมองภูด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์คล้ายๆว่าอยากให้ภูกลับด้วย แต่แล้วทั้ง 2ก็เดินจากไป จากนั้นภูจึงเดินไปหาเพื่อนกลุ่มซี้ 
ตูน =เพื่อนปากห้อย 
น่อง =เพื่อนตัวดำนิสัยพ่อพระ แต่ลึกแล้วขี้หรีนิดหน่อย 
พั้ม =เพื่อนตัวขาวผอมสูงหน้าตาดีสุดในกลุ่มแต่พูดไม่ค่อยชัดเพราะดันลิ้นไก่สั้น 
ปู =ชายหน้าเหลี่ยมที่ชอบทำซึ้งต่อหน้าเพื่อนๆเวลาน้อยใจ 
เช =บุรุษผู้มีเสน่ห์ดึงดูดเพศเดียวกัน แต่ก็พอมีเสน่ห์อยู่บ้างกับเพศตรงข้าม
หมึก =เพื่อนตัวดำอีกคน แต่ไปไหนไปกัน มีเรื่องหมึกลุยก่อนคนแรก แม้หน้าจะไม่หล่อ แต่ก็นิสัยดี 
หนึ่ง =บุรุษผู้มีอุดมการณ์และเพียบพร้อมด้วยหลักการสารพัดอย่าง 
และสุดท้าย ....
รุ้ง =สาวสวยที่สุดในกลุ่ม เพราะดันเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มสนั่นเอง
บุคลเหล่านี้คือเพื่อนสุดซี้ของภู ที่ภูมักจะมาสุงสิงเสมอ "แป๊ะ !" เสียงดัง แป๊ะ นี้ไม่ใช่เสียงอะไร เป็นเสียงฝ่ามือของภูที่ได้สัมผัสกับศรีษะอันแบนราบของ หมึก และฝ่ามืออีกมากมายก็ตามมาเป็นละลอก ฮ่าฮ่าฮ่า ....เสียงหัวเราะของเหล่าเพื่อนผองดังขึ้น 
'แม่งเสียงดังแป๊ะอย่างกะระฆัง..เวงเอ๊ย ก้องกังวาลในหัวกูเลย"
"หัวไอหมึกแม่งโคตรทุยเลยหวะ" ปูพูดไปขำไป 
"โอ๋..ขวัญเอ๊ยขวัญมา" เชรูปหัวหมึกด้วยความเอ็นดู และคำถามที่กวนโอ๊ยก็ดังขึ้น "เฮ้ย! เจ็บเปล่าว้า...." ฮ่าฮ่าฮ่า ตูนถามด้วยความสะใจ 
"มึงลองมั้ยหละ" หมึกพูดด้วยความแค้นพร้อมอยากจะเอาคืนทุกคน
"เฮ้ยแล้วนี่ใกล้จะสอบแล้วนะเว้ย อ่านหนังสือกันยังว้าเทอมสุดท้ายแล้วน้าเว้ย" น่องถาม 
"เออ พูดถึงเทอมสุดท้าย ถ้าสอบเสร็จไปเที่ยวบ้านกูที่ชะอำป่าวว้า" ตูนเอ่ยถามเพื่อน 
"เออว่าแต่เดี๋ยวนี้ไม่เห็นรุ้งเลยหวะ มันไม่มาเรียน 2วันแล้วหนิ ..เฮ้ยพั้มแฟนพั้มไมไม่มาเรียนอะ" เชถาม
"เลิกกันแล้ว" พั้มตอบด้วยท่าทีเฉยๆ เหมือนคนตายด้าน แต่ผิดกับทุกคนที่ได้ยิน เพราะตอนนี้ทุกคนก็อึ้งกิมกี่ไปตามกันและภูก็พูดขึ้นว่า "เลิกกันเมื่อไหร่ว้าเนี่ยะ วันนั้นยังเห็นไปไหนด้วยกันอยู่เลย" 
"ก็เลิกกันวันนั้นแหละ" พั้มพูด
"อ้าวไมว้าพั้ม" ภูถามด้วยความสงสัย 
"ก็รุ้งมีคนใหม่ จากกันทางเน็ท แล้วก็คุยกันมาหลายเดือนแล้ว เราพึ่งรู้เมื่อวันนั้นอะแหละ แล้วรุ้งก็ไม่สนใจเราอีกเลย"
"รุ้งแม่งแย่มากเลยหวะ" เชตำหนิอย่างไม่พอใจ 
"แล้วพั้มก็เศร้าอะดิ" ภูพูด 
"อืม..นิดหน่อย..แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว"
"งั้นกูว่านะ เตะบอลดีกว่าแก้เซ็ง" ภูพูดชวน
"เออเห็นด้วยหวะ" ตูนพูดสนับสนุน แล้วเพื่อนๆก็พากันเดินขึนไปที่โรงยิม แต่ทว่า
"โห! คิวยาวหวะเพื่อน" ตูนพูด
"ไร้วาอุตส่าห์จะมาเล่น"ภูพูดด้วยความเสียดาย "งั้นไปเล่นเกมส์ดีกว่า " ภูออกความเห็น 
"เอองั้นก็ดี" ตูนเห็นด้วย
"เล่นเกมส์ก็ได้ว้า"เชพูดด้วยความเสียดาย พอทุกคนมาถึงร้านเกมส์ต่างคนก็ต่างจับจองที่ของตัวเอง แต่แล้วภูก็ได้ไปสดุดตากับผู้หญิงคนหนึ่งเข้าอย่างจัง "แป๊ะ" เสียงดังสนั่นร้าน เป็นเสียงคุ้นเคยของคนในกลุ่ม นั่นคือเสียงประจำกลุ่ม เสียงตบหัวนั่นเอง "โอ๊ย!" ภูกุมมือด้วยความเจ็บ 
"ห่าเอ๊ย..ตบมาได้"
"เหม่อไรว้า จะเล่นเปล่าเนี่ยะ"ตูนถาม 
"โอ้โหเสียงดังแป๊ะเลย" ฮ่าฮ่าฮ่า เสียงขำของเชและเพื่อนๆก็ดังขึ้น 
"มองเหม่อไรว้า" ตูนถามอีกรอบ 
"เปล่า ก็แค่มองดูว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าคุ้นๆ คุ้นมากเหมือนเคยเห็น"ภูตอบ 
"เออ..เรื่องของมึง" ตูนตอบพร้อมกับไม่ใส่ใจอะไร แล้วเพื่อนพ้องทั้งหลายก็เล่นเกมส์กันอย่างเมามันมีด่ากันบ้างโหวกเหวกโวยวายกันบ้างตามภาษาผู้ชาย แต่ดูเหมือนว้าภูจะไม่ค่อยมีสมาธิเล่นซักเท่าไหร่ เพราะตัวเค้าเองนั้นเล่นเกมส์ไปก็มองผู้หญิงคนนั้นไป ภูรู้สึกกับว่าผู้หญิงคนนั้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออก นึกไม่ออกเลย2ชั่วโมงผ่านไป....
"ตาสุดท้ายแล้วนะเว้ย"ตูนบอกกับเพื่อนๆ แต่ทว่า..... "โธ่เอ๊ย แพ้อีกแล้ว" ตูนพูดด้วยความแค้นเคืองนิดหน่อย "ไอเชแม่งรุมนี่หว่า"ตูนพูด 
"อ้าวรุมไรว้า..ฮ่าฮ่าฮ่า...กูเก่งตะหาก" เชขำด้วยความสะใจ แล้วทั้งหมดก็เตรียมลุกไปจ่ายตังค์พร้อมพากันกลับบ้าน "อุ๊บ!? โทษครับ" ภูไม่ทันระวังเดินไปโดนผู้หญิงคนนั้น โดนผู้หญิงคนที่ภูเหม่อมองอยู่ แต่หัวใจภูกลับเต้นรัว ตึกๆๆ จนควบคุมตัวเองแทบไม่ได้ และภูก็พูดต่อว่า "เอ่อ ผมไม่ทันระวัง ขอโทษด้วยนะครับ" ภูใจเต้นแรงมากขณะพูด ผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้มให้ด้วยความเป็นมิตรและตอบกลับไปว่า "ไม่เป็นไรค่ะ" ภูถึงกับอึ้งเมื่อเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแบบถนัดถนี่ ในใจคิดได้ถึงในฝัน ฝันที่เคยเห็นผู้หญิงคนหนึ่งจับมือไปด้วยกัน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่นั่นคือฝัน แล้วทำไมผู้หญิงในฝันถึงมาอยู่ตรงหน้าได้ ภูคิดในใจ เพราะใบหน้าของเธอช่างเหมือนนางในฝันของภูเหลือเกิน "แป๊ะ!" 
"เอ้ย มึงจะไปยังว้า"  เสียงประจำกลุ่มก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมเสียงดังแป๊ะที่ก้องกังวาลในหัวภู เชนั่นเองที่เป็นเรียกสติภูด้วยเสียงประจำกลุ่ม และเธอคนนั้นก็ขำเพราะอาการเอ๋อของภู ส่วนภูก็ยังมึนงงและเดินออกไปพร้มกับเพื่อนๆ แต่ในใจก็คิด ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเหมือนผู้หญิงในฝันเราจริงๆ และพวกเหล่าเพื่อนซี้ทั้งหลายพอออกจากร้านเกมส์แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านกัน ระหว่างจะเดินกลับบ้านเสียงโทรศัพท์ของภูก็ดังขึ้นนั่นคือ เสียงของรุ้ง เพื่อนผู้หญิงในกลุ่มเพียงหนึ่งเดียวได้โทรมา "ภูอยู่ไหน?" รุ้งพูด
"อ้อรุ้งเหรอ ว่างัยหายไปไหนมา 2วันไม่มาเรียนเลย"
"ขี้เกรียจอะ แล้วก็รุ้งเจอคนใหม่ เค้าก็โอเคอะ เค้าชวนไปอยู่ด้วย "
"เฮ้ย !?แล้วนี่คบกันยังไม่ถึงอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ แล้ว..."
 "รุ้งเบื่ออะภู รุ้งเหงาด้วย ไม่อยากอยู่คนเดียว"
 "อ้าว!?....." ภูได้แต่นิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออก
"แล้วภูอยู่ไหนแล้ว"
"กำลังจะกลับบ้าน"
"เออ เดี๋ยวพรุ่งนี้รุ้งไปมหาลัยและ มีสอบด้วยหนิ" 
"อืม"
"ภูอย่าพึ่งบอกเพื่อนๆนะว่ารุ้งย้ายหอไปอยู่กับคนใหม่"
"อืมๆ"ภูได้แต่ตอบอืม อืม อืม แล้วก็อืมเพราะอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก แล้วรุ้งก็วางสายไป ภูได้แต่คิดว่าทำไมรุ้งถึงเป็นคนแบบนี้จากเด็กใสซื่อไร้ดเยงสา แต่ตอนนี้เริ่มเหมือนเด็กใจแตกเข้าทุกที เมื่อภูกลับถึงบ้านก็อาบน้ำอาบท่ากินข้าว และทำกิจวัตรประจำวันนั่นคือ เล่นคอม ภูเล่นทั้งเน็ท ทั้งเอ็มเอสเอ็น คุยกับเพื่อนๆทั้งเพื่อนสมัยเรียนประถม มัธยม จนเวลาล่วงเลยไปถึง 4ทุ่มโทรศัพท์มือถือของภูก็ดังขึ้น "ฮัลโหล"
"นอนยังภู" นั่นคือเสียงของแนท แต่เสียงของแนทช่างหงอยเหงาเศร้าสร้อยเหมือนมีเรื่องอยากจะปรับทุกข์กับภู "ว่างัยแนท เสียงหงอยเชียวทะเลาะอีกแล้วเหรอ"
"อืม นุยังคบฝิ่นอยู่เหรอภู" 
"เอ....อันนี้ภูไม่รู้นะ ทำไมเหรอแนท "
"ก็วันนี้นุคุยกับใครก็ไม่รู้ แต่แนทรู้ว่าคนที่นุคุยด้วยเป็นผู้หญิง..ดูท่าทางนุจะเกรงๆเค้าอยู่เหมือนกัน ภู!แนทคิดมากไปรึเปล่าหรือว่าแนทก็เป็นแค่ตัวเลือกของนุ"
ภูได้แต่นิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออก
"เออ..แนท ภูก็ไม่รู้นะ แต่คงไม่มีอะไรหรอก...มั้ง...."ภูตอบไปโดยไม่แน่ใจและพูดเหมือนกับว่าปิดบังแนท 
"ภู บอกแนทมาเถอะ นุยังคบกับคนที่ชื่อฝิ่นอย฿ใช่มั้ย? "แนทพูดไปพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลออกมา  ภูไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะสิ่งที่แนทพูดมาถูกหมด คือ นุยังคบกับฝิ่นอยู่ สุดท้ายภูก็ตัดสินใจ เล่าเรื่องราวของนุกบฝิ่นให้แนทฟัง 
"แนท คือ ก็จริงอย่างที่แนทพูดหนะแหละ แต่ภูก็ไม่แน่ใจว่าคุยกันบ่อยขนาดไหนเจอกันบ้างมั้ย แต่ก็คงคบกันอยู่นั่นแหละ " ภูพูดด้วยความำบากใจ ส่วนแนท 
"แนททำใจไม่อะภู" แนทเริ่มร้องไห้ฟูมฟายหนักขึ้น ภูได้แต่ปลอบให้แนทเบาใจและชวนแนทคุยถึงเรื่องสอบในวันพรุ่งนี้ 
"แนทพรุ่งนี้ก็สอบแล้วนะ อ่านหนังสือยัง"
"อ่านแล้ว" แนทตอบไปร้องไห้ไป 
"อืมดีดี ภูจะได้ลอก ฮ่าฮ่าฮ่า" ภูพูดจบก็หะวเราะ พอภูพูดประโยคนี้จบแนทก็เริ่มมีรอยยิ้มบ้างและตอบไปว่า 
"บ้า! แนทก็ทำไม่ค่อยได้หรอกยังจะมาลอกอีก"
"ไม่เป็นไรขอให้ได้ลอกพอ เดี๋ยวให้ลอกภาษจีนบ้าง"  
"โอเคโอเคได้ได้" แล้วภูก็พูดตัดบทไปว่า 
"สบายใจขึ้นแล้วใช่มั้ยแนท"
"อืม ก็เพราะภูนั่นแหละ" แล้วแนทก็แอบขำนิดๆ
"งั้นภูขอตัวไปหละนะ
"จ้า....ฝันดีจ้าภู"
"โอเค เช่นกันแนท"
ก่อนนอน ภูก็ยังคิดเรื่องของแนทกับนุ ซึ่งความจริงแล้ว แนทจะเรียกว่าเป็นนุนั้นก็ไม่ใช่ เพราะก่อนที่ทั้ง 2จะคบกันนุนั้นมีแฟนอยู่แล้ว นุเป็นคนราชบุรีและมีแฟนมาก่อนแล้วนั่นก็คือฝิ่นคนที่แนทพูดถึง เท่าที่รู้นุนั้นเป็นแฟนกับฝิ่นมานานมากแล้วประมาณ 4-5ปได้ก่อนนุจะเข้าเรียนมหาลัย และเหตุผลของความห่างไกลกันระหว่างนุกับฝิ่น นุจึงนอกใจฝิ่นไปคบกับแนทด้วยเพื่อเป็นคนแก้เหงา แต่ทว่าแนทเป็นคนที่จริงจังและนุก็เป็นแฟนคนแรกของแนทแนทจึงได้เสียใจมากขนาดนี้ ภูคิดไปคิมาไม่รู้นานเท่าไหร่ แล้วก็หลับไปจน...
เช้าวันรุ่งขึ้น..การสอบก็มาถึง การสอบครั้งนี้เป็นการสอบครั้งสุดท้ายของภาคเรียนและเป็นการสอบครั้งสุดท้ายของชีวิตเด็กมหาลัยของภูและเพื่อนๆ ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นจนในที่สุด..ก็มาถึงวันประกาศผลว่าใครจะเรียนจบมหาลัยกันบ้าง ทุกคนพากันไปเจอที่ร้าเน็ทเพื่อมาดูผลสอบกันทางอินเตอร์เน็ท เพื่อนของภูจบกันหมดทำคนแนนได้เป็นที่หน้าพอใจจน..มาถึงภู 
"เฮ้ย!! มึงลุ้นอย่างกะเปิดไพ่เลยนะ" ปูพูด
"มันลุ้นนี่หว่า ..เฮ็ย..ออกแล้วหวะ!!......วะ!!!!" ภูอุทานด้วยความสะใจและดีใจแบบสุดๆ"2.00พอดีเป๊ะ เส้นยาแดงผ่าแปดจริงๆ" ภูสอบผ่านและเรียนจบการศึกษาด้วยคะแนนเกรดเฉลี่ยรวม 2.00พอดีเป๊ะ "ถ้าไม่ได้ภาษาจีนนี่ ตายแน่เลย" ภูคิดในใจ 
"อุ๊ย!" เสียงอุทานของใครบางคนดังขึ้น 
ด้วยความดีใจสุดๆของภู ไม่ทันระวังภูกำลังจะจับเม้าท์คอมพิวเต้อร์ แต่กลับไม่ได้มองว่ามือตัวเองดันไปจับเม้าท์ผิดอัน เพราะแทนที่จะจับเม้าท์แต่กลับไปจับมือของใครบางคนเข้า.......				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟป๊ากเก้อร์
Lovings  ป๊ากเก้อร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟป๊ากเก้อร์
Lovings  ป๊ากเก้อร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟป๊ากเก้อร์
Lovings  ป๊ากเก้อร์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงป๊ากเก้อร์