28 กุมภาพันธ์ 2551 06:51 น.
ป้าแช่ม
. ท่องทะเลล่องมาเวลานี้
ท้องนทีคลี่คลายคลื่นหายคลั่ง
ฟ้าคำรณก่นก้องคะนองดัง
ก็หยุดสั่งเสียงลั่นหายหวั่นกลัว
มองท้องฟ้านภากาศสะอาดใส
สว่างไกลใสสดหมดสลัว
เมฆครึ้มฟ้ามามลายสลายตัว
ฝนหยุดรัวไร้เม็ดเกล็ดละออง
ความร้าวรวดปวดหนาวเมื่อคราวฝน
สุดจะทนกระวนกระวายก็หายพร้อง
แรงลมลดเลิกซัดพัดประคอง
ลำเรือล่องเรื่อยเรื่อยเอื่อยเอื่อยมา
ลมพลิ้วแผ่วผิวกายสบายชื่น
ออกมายืนชมวิวทิวเวหา
ลิบลิบลิ่วลอยปุยขุยเมฆา
จับท้องฟ้าดารดาษดั่งวาดลาย
มองเขม้นเป็นนกวิหกเหิน
บ้างดั่งเนินเผินผาพาละม้าย
บ้างดั่งสร้อยสังวาลประสานกาย
บ้างเป็นสายเส้นโค้งโยงถึงกัน
บ้างเป็นช่อเช่นปวงพวงดอกไม้
มีก้านใบบังแซมแต้มรังสรรค์
ห่างออกไปให้เห็นเป็นชาละวัน
ให้ขบขันคิดไปประดามี
เห็นเป็นลิงไล่ทึ้งดึงหางเก้ง
พอครื้นเครงเพ่งนภาพาสุขี
แต่ลึกลึกนึกไปในฤดี
ถึงยามนี้ที่หมายไกลสุดตา
เพียงผู้เดียวเปลี่ยวเปล่าเหงาอ้างว้าง
แสนเคว้งคว้างกลางทะเลให้เหว่ว้า
ลำพังตนวนทะเลอยู่เอกา
มองฟากฟ้าพาคะนึงถึงหนึ่งใคร
ละห้อยหากลางหนชลนที
หนาวฤดีพี่เอ๋ยเลยไปไหน
ล่องนาวาหารักสลักใจ
อยู่หนใดไกลห่างอย่างทะเล
แม้นว่ามีพี่มาพาชื่นอก
นี่เหมือนนกตกน้ำระส่ำระเส
ให้หวั่นหวั่นสั่นไหวใจซวนเซ
แสนว้าเหว่อ้างว้างท่ามกลางชล
มองเห็นปลามาใกล้ว่ายเกรียวกรู
เป็นคู่คู่เคียงกันไปไม่สับสน
นึกตัวเราเหงาเหงาเศร้าเหลือทน
เที่ยวดั้นด้นค้นหาคู่ไม่รู้เลย
หากเพียงพี่มีมั่งนั่งเคียงชิด
เหลือจะคิดคาดได้นะใจเอ๋ย
เห็นมัจฉาพาคู่อยู่ชิดเชย
อิจฉาเฉยเลยเราเฝ้ามองดู
ปลาโลมาเคียงโลมาพากันโจน
กระโดดโผนโผล่เห็นเป็นคู่คู่
มาเป็นฝูงเรียงรายคล้ายปลาทู
ดูก็รู้คู่ใครไปด้วยกัน
ปลากระเบนเคียงกระเบนตระเวนว่าย
ตามเป็นสายเวียนวกพลิกผกผัน
เลี้ยวแฉลบแวบวับไวฉับพลัน
ตามเหหันพร้อมเพรียงเคียงคู่ไป
เหลือเพียงเราเปล่าเปลี่ยวคนเดียวหนอ
ได้แต่รอรอคู่อยู่แห่งไหน
ล่องทะเลอ้างว้างหนทางไกล
แล้วเมื่อไหร่ได้พบประสบเอย
ดวงตะวันผันคล้อยจะลอยลับ
ให้แวบวับวิญญาณ์นิจจาเอ๋ย
แสนเงียบเหงาเปล่าใจกระไรเลย
เหมือนเช่นเคยเคว้งคว้างกลางทะเล
22 กุมภาพันธ์ 2551 16:09 น.
ป้าแช่ม
. ลมกรรโชกโกรกซัดพัดทวี
ท้องนทีตีคลื่นตื่นผวา
เมฆาคลุ้มคลุมมิดปิดนภา
โอ้นาวาวกวนบนทะเล
คลื่นระลอกกลอกเกรี้ยวดังเฉียวฉุน
ปะทะหนุนดุนดันเรือหันเห
พิรุณหลั่งพลั่งมาดังฟ้าเท
เรือตังเกเรรวนจวนจะจม
อัสนีบาตฟาดเปรี้ยงประกายแลบ
แสงปราดแปลบแวบหวั่นขวัญถล่ม
สะท้านอกงกงันผงันผงม
เจียนจะล้มลงทรุดหยุดหทัย
โอ้ว่าเรือเหลือกำลังจะพังแยก
เพียงจะแตกแหลกลงมิสงสัย
ทั้งคลอนโคลงโยงเยดังเปลไกว
ดูรำไรใกล้ทลายกระจายพัง
มันมืดมัวทุกทั่วสาระทิศ
เพ่งพินิจจิตสลดว่าหมดหวัง
พระพายพัดซัดมาดาประดัง
ทะเลคลั่งคลุ้มฝนอนธกาล
จำอดกลั้นหวั่นไหวตั้งใจจรด
เพื่อท่องบทศักดิ์สิทธิ์อธิษฐาน
ขอปวงเทพเทวาฟ้าบันดาล
ให้พ้นผ่านพบสว่างหนทางไป
เพียงฉับพลันหันเห็นเป็นแสงทอง
ดูเรืองรองผ่องผุดพิสุทธิ์ใส
จำรัสฉายสายสว่างส่องทางไกล
เป็นแนวให้เห็นหมายว่าปลายทาง
เพียงแนวเดียวเด่นชัดประภัสสร
เป็นทางจรแจ่มแจ้งแสงสว่าง
มนัสชื่นคืนคลายจากวายวาง
ที่อ้างว้างหวั่นไหวก็คลายเลือน
ยังอบอุ่นหนุนเนืองประเทืองขวัญ
ความตื้นตันนั้นจะให้อะไรเหมือน
เศร้าสลดหดหายด้วยกลายเกลือน
เพราะแสงเยือนยื่นหวังพลังใจ
ความสับสนอลม่านที่พานพบ
ก็เลือนลบกลบเร้นเห็นทางใหม่
ช่างสุกสกาวพราวผ่องส่องอำไพ
สว่างไสวให้เห็นเส้นทางจร
พายุคลั่งฟ้าคะนองเสียงก้องกึก
ดังอึกทึกถล่มทลายก็คลายถอน
ลำนาวาพาสบายหายโคลงคลอน
เกลียวคลื่นผ่อนพักสงัดในบัดดล
นภากาศสาดพิรุณอยู่หนุนเนือง
ก็หยุดเนื่องน้อยลดหมดเม็ดฝน
ความเหน็บหนาวร้าวรวดปวดสกนธ์
ก็ผ่อนปรนปลดเปลื้องระเคืองคาย
เมฆาครึ้มคลุมทั่วมัวทุกทิศ
หายมืดมิดมองเห็นยากเข็ญสลาย
ที่วกวนสับสนกระวนกระวาย
ก็ให้หายเห็นหวังฝั่งนที
พระพายหอบโหมฮือกระพือพัด
กลับสงัดสงบวายดังหายหนี
เรือชะลอรอราในวารี
พร้อมจะที่ท่องฝ่าชลาลัย
ด้วยแสงทองทอดทอลออแวว
ช่างเพริดแพร้วพราววามอร่ามไข
ด้วยแสงเนียนนำสว่างกระจ่างใจ
ความหวั่นไหวใดอื่นก็เลือนจาง
แสงจำรัสรัศมีใดมีเหมือน
ดังกับเยือนอยู่ใกล้ไม่มีห่าง
เพียงดังเด็ดดวงหทัยออกไปวาง
สุดจะอ้างอย่างไหนให้เพียงพอ
ว่ารักมั่นฝันถวิลสุดจินจิต
กำเริบฤทธิ์อยู่ด้วยรักสุดหักหนอ
ได้ยินแว่วมานั้นตื้นตันคอ
น้ำตาคลอออเอ่อจนเผลอตัว
15 กุมภาพันธ์ 2551 12:48 น.
ป้าแช่ม
. ฟังเพลงแว่วหวานล้ำลำนำร้อย
เหลือเพียงคล้อยเคลิ้มซึ้งรำพึงหา
ไม่เหลืออื่นอันใดให้นำพา
ทั้งชีวาวางไว้เพียงใครเดียว
อาวรณ์เอ๋ยเผยย้ำซึ่งคำหวง
ก็เกินหน่วงล่วงรุกทุกส่วนเสี้ยว
หวังเพียงให้ใจร้อยดั่งรอยเกลียว
ด้วยหลงเหนี่ยวหวงนั้นจึงพรรณนา
หวานคารมคมคายได้หมายมอง
ล้วนคำกรองตรองให้อาลัยหา
ยิ่งย้อมย้ำคำชื่นหยิบยื่นมา
เสน่หาฤๅหมายได้เพียงพอ
สลักแล้วลงจิตสนิทตรึง
หทัยหนึ่งซึ้งรักตระหนักหนอ
ปิติปลื้มดื่มด่ำน้ำตาคลอ
วจีหนอหนึ่งน้อยพลอยหมดไป
โอ้คำเอ๋ยเผยสิ้นได้ยินแล้ว
ลำนำแก้วกรองกานต์สะท้านไหว
เนียนละมุนอุ่นอ้อมถนอมใจ
ละอองไอเอิบอาบซึมซาบทรวง
โอ้ลมเอ๋ยเผยได้ไหว้วอนหนอ
เอื้อนคำต่อตรงไปถึงในสรวง
บอกเถิดฟ้าจันทราดาราดวง
รักสุดห้วงแห่งถวิลจินตนา
ฤๅปางบรรพ์บันดาลให้พานพบ
ถึงเกินลบรอยใจอาลัยหา
หรือแรงบุญหนุนนำร่วมทำมา
จึงตรึงตราว่ารักจำหลักลง
ทุกเรียงร้อยถ้อยพจน์ประพันธ์รัก
นั้นสุดหักห้ามอยู่ให้รู้หลง
จึงอ่อนน้อมโน้มนอบตอบจำนง
รำพันส่งสื่อนัยแห่งใจความ
ว่าแสนรักภักดีตรงนี้แล้ว
ด้วยแน่แน่วหน่วงรั้งเกินยั้งห้าม
อาวรณ์ห่วงบ่วงจิตย่อมติดตาม
ด้วยรักล่ามร้อยอยู่มิรู้คลาย
จำรัสแสงแห่งรักประจักษ์แจ้ง
เผยแสดงเสน่หาไม่วายหาย
จึงซบลงคงเคียงด้วยเอียงอาย
ภิรมย์หมายมั่นอยู่มิรู้เลือน
11 กุมภาพันธ์ 2551 09:49 น.
ป้าแช่ม
. ดั่งสุคนธ์มณฑาผกากลิ่น
หอมระรินโรยชื่นระรื่นขวัญ
ประดุจเพชรเก็จแก้วเลิศแพรวพรรณ
วับแวววรรณนั้นจับประทับทรวง
อนันต์ค่าครานึกยังลึกล้ำ
พินิจซ้ำย้ำตรึกยิ่งนึกหวง
งามสง่ากว่าคิดนิมิตปวง
จำรัสช่วงชัชวาลลานหทัย
ดังน้ำทิพย์หยิบยกพรมปรกจิต
กำเริบฤทธิ์ลุกลามสุดห้ามไหว
ละอองหยาดประกาศฤทธิ์คลุมมิดใจ
ก็ล่องไกลลิบลิบเพียงพริบตา
โอ้ลมร่ำรำเพยเผยแพรวพราว
ยลทุกคราวเคลิ้มคล้อยลอยเวหา
ฤๅล่องเลยล้ำขอบกรอบจินตนา
พ่างเพียงว่ามาประสบให้ซบพักตร์
ให้อบอุ่นกรุ่นอ้อมถนอมมอบ
ก็ปลื้มปลอบนอบแน่นสุดแสนหนัก
จนนุชนวลป่วนปั่นรัญจวนรัก
ที่ฟูมฟักฟูเพิ่มกระเหิมแรง
ลออจันทร์นั้นตระการละลานจิต
มาส่งฤทธิ์รุมเร้าเคล้าคลอแสง
ยิ่งทอดทอต่อเติมยิ่งเพิ่มแพง
ฤทธิ์สำแดงแฝงนัยกว่าไหนเลย
7 กุมภาพันธ์ 2551 09:10 น.
ป้าแช่ม
. วิจิตรนั้นพรรณนาคณาไหน
ประมวลไม่หมดสิ้นถวิลถึง
ผ่านระลอกเหลือคณามาตราตรึง
สถิตซึ้งหนึ่งหทัยมิคลายจาง
วิเวกแว่วหวานล้ำลำนำร่ำ
ขจรช่ำชื่นอยู่มิรู้สร่าง
หอมละมุนกรุ่นรักมิเลือนราง
ระเรื่อยสร้างมาถนอมกล่อมภิรมณ์
ทินกรอ่อนคล้อยยังพลอยหาย
แต่หนึ่งสายสวาดิหวังยังห่อบ่ม
ด้วยอุ่นไอโอบอ้อมถนอมชม
ก็รื่นรมย์สมขวัญสุดพรรณนา
ประดุจกรอ่อนอุ่นละมุนเนื้อ
ประคองเอื้ออิงสนิทเสน่หา
แม้นห่างไกลกลับใกล้ดุจนัยน์ตา
เสมือนว่ามาประชิดสนิททรวง
ฝากวลีร้อยรักสลักตอบ
ประหนึ่งมอบหนึ่งหทัยให้แหนหวง
ถวิลนั้นหวั่นไหวสุดใจจวง
ก็ลุล่วงล้นห้ามจะปรามลง
ผกาผลิปริบานตระการสี
ปลื้มฤดีนี้นิมิตวิจิตรส่ง
ยิ่งตรึงซ้ำย้ำฤทธิให้ยืนยง
ก็มั่นคงหลงสนิทสุดคิดคลาย