9 มกราคม 2546 15:46 น.
ปุถุซน
ฉันเป็นเพียงกวีคนหนึ่งเท่านั้น
ฉันรักเธอทุกคน
ฉันพเนจรร่อนเร่ไปทั่วโลกที่ฉันรัก
ในโลกของฉันมีแต่สงครามและความอดอยาก
มีความอยุติธรรมและการกดขี่ทั่วแผ่นหล้า
เด็กเด็กในโลกของฉันไร้การศึกษาและกำพร้าพ่อแม่
ขณะที่ลูกผู้ลากมากดีมีโรงเรียนได้ศึกษากันในโลกของเธอ
คนหนุ่มสาวในโลกของฉันก็ขาดจิตสำนึก
ขาดการอุทิศตนเสียสละเพื่อปวงชนผู้ยากไร้
พวกเขาศึกษาเล่าเรียนก็เพียงเพื่อเป็นทาสรับใช้นายทุน
มหาวิทยาลัยในโลกของฉันสอนให้คิดตามตามกันไป
มีตำรับตำราขีดเส้นแบ่งชัดแจ้งระหว่างปัญญากับความโง่เขลา
ครูอาจารย์ในโลกของฉันสอนให้คิดในกรอบห้ามนอกลู่
มีเส้นแบ่งระหว่างการหลบลู่และการไม่ให้เกียรติ
ปัญญาชนของฉันจึงไร้ความคิดเป็นของตัวเอง
กวีในโลกของฉันหลงใหลในตัวอักษรมากว่าสารถะ
เคลิบเคลิ้มไปกับท่วงทำนองจนลืมแก่นสารของมัน
ในโลกของฉันจึงเต็มไปด้วยท่วงทำนองอันหวานล้ำ
โลกของฉันกับโลกของเธออาจะต่างกัน
แต่สายสัมพันธ์ฉันกับเธอยังไม่ห่างกัน
ฉันเป็นเพียงกวีคนหนึ่งเท่านั้น
ฉันรักเธอทุกคน
ฉันพเนจรร่อนเร่ไปทั่วโลกที่ฉันรัก
9 มกราคม 2546 15:10 น.
ปุถุซน
มีประตูอยู่หนึ่งบาน
ที่ถูกปิดตายมานานแล้ว
จนหลายคนคิดว่ามัน
ไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้
ประตูบานนี้ถูกปิดตาย
ก็เพราะเกิดจากความหวาดวิตก
กลัวว่าถ้าเปิดประตูบานนี้แล้ว
จะพบกับความจริงบางอย่าง
หลายคนจึงยอมที่จะไม่เปิดมัน
ดีกว่าที่จะเปิดแล้วพบความจริง
ความจริงซึ่งบางครั้งก็โหดร้ายเหลือทน
แต่บางคราความจริงก็กรุณาปรานีล้นเหลือ
ฉันอาจเป็นคนแรกก็ได้
ที่พยายามจะเปิดประตูบานนี้
พยายามไขกลอนที่ลั่นปิดไว้
ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่า
เบื้องหลังประตูนั้น
จะมีอะไรให้ฉันได้ชื่นชม
หรือต้องทุกข์โศกระทมสลด
ฉันเพียงแค่หวัง
อยากรู้ความจริงบางอย่าง
ที่สักวันหนึ่งฉันต้องเผชิญกับมัน
ฉันขอรวบรวมสติ สมาธิ
ทั้งหมดที่ฉันมีในโมงยามนี้
เพื่อการเปิดประตูบานนี้
ฉันพร้อมแล้วล่ะ
แล้วฉันก็เปิดมัน......