18 มีนาคม 2547 11:20 น.
ปุถุซน
ตอนเป็นเด็กฉันบอกพ่อว่า
พ่อฮะ โตขึ้นผมอยากเป็นนักเขียน
แกจะเขียนอะไร? พ่อถาม
ผมจะเขียนบทกวีฮะ
งั้นแกเลิกฝันเถิดไอ้หนู
ทำไมฮะพ่อ
บทกวีราคาถูก
ก็ดีนี่ฮะ ราคาถูกถูก
จะได้มีคนซื้อไปอ่านกันเยอะเยอะ
แล้วผมจะลดและแถมให้อีก
หลายขวบปีผ่านไป
ฉันเริ่มค่อยค่อยเข้าใจ
สิ่งที่พ่อพูดเตือนไว้
บทกวีราคาถูก
บทกวีขายไม่ออก
ทั้งที่สำนักพิมพ์
ผุดราวกับดอกเห็ด
แต่ก็ไม่กล้าพิมพ์บทกวี
เขาบอกว่า มันเป็นเรื่องเชิงธุรกิจ
เราต้องดูตลาดและลูกค้า
ถ้าคุณไม่มีรางวัลมาการันตี
ไม่มีใครซื้องานของคุณอ่านหรอก
กวีหลายคนจึงได้แต่เขียนและเขียน
เพียงเพื่อเยียวยาจิตและวิญญาณ
ถึงบทกวีจะราคาถูกลงถูกลงทุกวัน
แต่กวีก็ยังคงขีดเขียนบทกวี
เขียนบทกวีราคาถูกถูก
16 กุมภาพันธ์ 2547 11:06 น.
ปุถุซน
โอ้..ที่รัก
ต่อให้ฉันรำพึงรำพัน
กี่ร้อยหมื่นถ้อยพันคำ
กี่ล้านบทแสนกวีขับขาน
เอื้อนเอ่ยสรรพสำเนียง
คำว่า รัก ออกมา
ก็ไม่เท่ากับความรู้สึกภายใน
ที่ฉันมีต่อเธอตลอดกาลเวลา
ทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต
คำว่า รักมิอาจสำแดง
มิอาจอธิบายสิ่งที่ฉันเข้าถึง
ดื่มด่ำลึกล้ำต่อเธอได้
โอ้..ที่รัก
ยามใดที่ฉันจินตภาพ
ถึงเธอ...ผู้เป็นที่รักของฉัน
โค้งรูปเรียวงามใบหน้าเธอ
วิจิตรประหนึ่งสรรพสิ่งในโลกทั้งใบรวมกัน
ดวงตาข้างขวาราวกับดวงเดือนทอแสง
ในคืนที่ธิดาแห่งรัตติกาลแผ่กางปีก
แห่งความมืดครอบคลุมเหนือเมืองของเรา
ข้างซ้ายนั้นเล่าดุจดวงตะวันเบิกอรุณรุ่ง
ในยามเช้าวันใหม่ของการสร้างโลก
คิ้วเฉกก้อนเมฆในยามฟ้าใสสีฟ้าสด
ขอบตาเธอดังโค้งรุ้งหลังสายฝน
ที่พาดทอดระหว่างหุบเขา
กับหมู่บ้านเล็กเล็กของเรา
ริ้วผมเธอดุจพฤกษาในฤดูใบไม้ผลิ
ที่แข่งกันผลิบานงามสะพรั่ง
จมูกเธอนั้นเล่าประหนึ่งถนน
ที่ทอดยาวเข้าสู่ดินแดนอันลึกลับ
แห่งความฝันของสองเรา
ริมฝีปากบนประหนึ่งเนินเขา
ที่เราเคยวิ่งเล่นในวัยเยาว์
ล่างอีกนั้นเสมือนเกลียวคลื่นในห้วงสมุทร
ที่พัดพรากเธอกับฉันให้ห่างกัน
คางของเธอประหนึ่งแอ่งทะเลสาบ
ที่สะท้อนภาพสองเราบนริมฝั่ง
แห่งความทรงจำ
โอ้..ที่รัก
อย่าได้
แม้แต่จะคิด
ว่าฉัน
รัก
หรือ
ไม่รัก
เธอ
๑๔ กุมภาพันธ์ 2004
4 พฤศจิกายน 2546 16:15 น.
ปุถุซน
ฉันเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้
รู้เพียงว่าโลกของฉันต่างกับโลกของเธอ
ภาษาของฉันก็ต่างไปจากภาษาของเธอ
ฉันอาจดูเหมือนหวาดระแวงสิ่งรอบรอบข้างตัว
ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย
ฉันไม่แสดงอารมณ์โต้ตอบกับใคร
บางครั้งฉันหลีกเลี่ยงจะพบกับผู้คน
เพราะฉันพูดโต้ตอบกับคนอื่นไม่ค่อยได้
ฉันพูดได้เล็กน้อยหรือพูดไม่ได้เลย
น้ำเสียงราบเรียบง่ายง่ายของฉัน
เหมือนมีเสียงแปลกแปลกแทรก
บ่อยครั้งที่ฉันจะพูดย้ำคำพูดที่คนอื่นพูดกับฉัน
ฉันชอบบรรยากาศเดิมเดิมกิจกรรมเดิมเดิม
ในบางโอกาสฉันมักแสดงอารมณ์รุนแรง
เช่นฉันกัดตัวเอง เอาหัวโขกกำแพงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ชกตัวเองถึงขนาดที่ทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์
ฉันถูกตราหน้าว่า บ้า ปัญญาอ่อน ฯลฯ
สุดท้ายพวกเขาพากันสรุปเกี่ยวกับตัวฉันว่า
อาการไม่ปกติทางจิต หรือ บ้า
ฉันถูกส่งไปพักในโรงพยาบาลบ้า
นัยว่าเพื่อเยียวยารักษาทางจิตบำบัด
แต่ฉันไม่ใช่คนบ้า ฉันเพียงแต่ไม่รู้ว่า
ฉันเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้
ป.ล.ภาพวาดข้างบน วาดโดยสาวน้อยที่เป็นออติสติคชื่อนาเดีย
เธอวาดตอนเธออายุได้ 5 ขวบ
28 ตุลาคม 2546 12:19 น.
ปุถุซน
จวนจะถึงค่ำคืนแรกของเดือนถือศีลอด
ฉันนั่งรถเมล์เบาะหลังติดกับพระห่มจีวรเหลือง
ท่านสะพายย่ามสีน้ำเงินฉันสะพายย่ามสีครีม
ท่านโกนผมโกนคิ้วฉันผมยาวไว้หนวดไว้เครา
ฉันนั่งรถเมล์เบาะหลังติดกับพระห่มจีวรเหลือง
นักบวชเป็นคนฉันก็เป็นคน
ท่านโกนผมโกนคิ้วฉันผมยาวไว้หนวดไว้เครา
ในย่ามของท่านมีอะไรฉันไม่รู้แต่ของฉันมีกวีนิพนธ์
นักบวชเป็นคนฉันก็เป็นคน
เราต่างมีตัวมีตนมีกิเลสและมีตัณหา
ในย่ามของท่านมีอะไรฉันไม่รู้แต่ของฉันมีกวีนิพนธ์
ฉันหิวฉันกระหายแต่จิตวิญญาณของฉันหิวและกระหายกว่า
เราต่างมีตัวมีตนมีกิเลสและมีตัณหา
มันอยู่ที่ว่าเราจะปลดปล่อยมันหรือจะเก็บกดมัน
ฉันหิวฉันกระหายแต่จิตวิญญาณของฉันหิวและกระหายกว่า
ฉันกินข้าวดื่มน้ำให้หายหิวหายกระหายแต่จิตวิญญาณฉันยังหิวโหย
มันอยู่ที่ว่าเราจะปลดปล่อยมันหรือจะเก็บกดมัน
กิเลสตัณหาดีชั่วประเสริฐเลิศเลอเลวทรามมาจากตัวเราเอง
ฉันกินข้าวดื่มน้ำให้หายหิวหายกระหายแต่จิตวิญญาณฉันยังหิวโหย
ฉันอ่านคัมภีร์ฉันอ่านบทกวีฉันเขียนบทกวีแล้วจิตวิญญาณฉันเปี่ยมสุข
กิเลสตัณหาดีชั่วประเสริฐเลิศเลอเลวทรามมาจากตัวเราเอง
เป็นนักบวชนักบุญยาจกขอทานล้วนสามารถบรรลุธรรม
ฉันอ่านคัมภีร์ฉันอ่านบทกวีฉันเขียนบทกวีแล้วจิตวิญญาณฉันเปี่ยมสุข
ฉันไม่ใช่นักบวชนักบุญไม่ใช่ยาจกไม่ใช่ขอทานไม่ใช่นักพรต
เป็นนักบวชนักบุญยาจกขอทานล้วนสามารถบรรลุธรรม
แต่ถ้ายังคงวนเวียนวกวนสับสนในตนบ่รู้จักตนคือใคร
ฉันไม่ใช่นักบวชนักบุญไม่ใช่ยาจกไม่ใช่ขอทานไม่ใช่นักพรต
ฉันไม่ลืมตนว่าฉันคือใคร ฉันมาจากไหน และฉันกำลังจะไปไหน
26 ตุลาคม 2546 / บนรถเมล์ สาย 124 และ สาย 2
24 ตุลาคม 2546 13:54 น.
ปุถุซน
เด็กหนุ่มคนหนึ่งบ่นกับฉันว่า
โอย เบื่อจัง อยากไปสำรวจโลก
เราอยากเดินทางรอบโลก
นั่นแหละ ความฝันเรา
ถ่ายรูป เขียนเรื่องราวที่เราเผชิญในแต่ละวัน
ส่งโปสการ์ดหาคนที่รัก หาตัวเองจากมุมต่างต่างของโลก
ฉันไม่ได้คัดค้านเขา แต่บอกเขาไปว่า
งั้นลองลงมือทำดูซิ
คนทุกคนมีความฝัน
ถึงฝันของบางคนอาจดูเกินจริง
เช่นฝันของฉันที่อยากออกนอกโลก
สำรวจท่องเวิ้งจักรวาลกว้าง
มันผิดไหมที่คนคนหนึ่งคิดฝัน
ความฝันไม่เคยทำร้ายคนรอบข้าง
และไม่เคยทำให้มลภาวะแวดล้อมเน่าเหม็น
ความฝันทำให้คนคนหนึ่งรอดตายในยามสงคราม
เขาอาจเห็นภาพลางลางจางจางของอ้อมอกเมียรัก
ยาจกขอทานข้างถนนฝันถึงเศษเหรียญเต็มปริ่มถ้วย
นักการเมืองฝันถึงเก้าอี้ประจำตำแหน่งใหญ่โต
นักเขียนฝันถึงล้านเล่มจำนวนของยอดขาย
ใช่หรือไม่ว่า ทุกคนมีสิทธิ์คิดฝัน