7 กรกฎาคม 2547 14:20 น.
ปุถุซน
จะเป็นอย่างไรหนอ
ถ้าเธอมีปีกโบยบินได้
เธอคงจะทิ้งฉัน
ให้เปล่าเปลี่ยว
เหงาโดยลำพัง
บนถนนสายนั้น
ฉันคงต้องย่ำไปคนเดียว
คงไม่มีใครมานั่งเฝ้ารอฉัน
ที่ร้านกาแฟร้านนั้นอีก
ไม่มีใครช่วยค้นหนังสือ
ที่ห้องสมุดแห่งนั้นอีก
แล้วบทกวีของฉันเล่า
ใครจะทบทวนอ่าน
ถ้าเธอมีปีกโบยบินได้จริง
ฉันควรจะเด็ดปีกเธอพับเก็บไว้!
ฤ ปล่อยให้เธอกระพือปีกโผบิน
7 กรกฎาคม 2547 13:14 น.
ปุถุซน
สะพานนั้นมีเพียงครึ่งเดียว
ส่วนอีกครึ่ง
ต้องจินตนาการเอง
24 มิถุนายน 2547 10:14 น.
ปุถุซน
มือถือปาก สากถือศีล
นั่น! จรรยาอันจอมปลอม
ของมนุษย์ที่ชอบสวมหน้ากาก
คนบาปในเสื้อคลุมของนักบุญ
จะเป็นอะไรได้ไปมากว่าซากศีลธรรม
หมาเน่าลอยน้ำฟอนเฟะดีกว่า
ยังสามารถเป็นปุ๋ยอันโอชะ
แก่ปวงต้นไม้ ได้เติบใหญ่
ตาว่าปากขยิบเฉไฉไปอีกทาง
น่าสงสารพวกจิตวิปริต
แอบซ่อนเร้นตัวตนจริง
ในหลืบแห่งอารมณ์
แต่ไม่กล้าสำแดงตน
23 มิถุนายน 2547 11:57 น.
ปุถุซน
มีข้าวนิดหนึ่ง
เหลืออยู่ในจานของเธอ
จงไล่แมลงวันออกไปเถิด
เก็บข้าวไว้ให้ดี
บ้านของเธอยังมีเสื่อผืนหนึ่งกับประตู
ปิดประตูเสียเถิดอย่าให้ฝนสาดเข้ามา
รบกวนลูกลูกของเธอเลย
ฝนนั้นช่างเย็นยะเยือกนัก
ลูกลูกของเธออาจเป็นหวัดได้
เธอยังมีฟืนไว้จุดไฟ
มีก้อนเกลือ
และไม้ขีดไฟอีกเล็กน้อย
21 มิถุนายน 2547 14:29 น.
ปุถุซน
กลั่นความชั่วร้ายเป็นดอกไม้
กลั่นหยาดน้ำตาเป็นมธุรส
กลั่นหยดเลือดเป็นชะมดเชียง
กลั่นความรู้สึกเป็นบทกวี
ดอกไม้แห่งความชั่วกำลังเบ่งบาน
งามสะพรั่งในดินปุ๋ยแห่งศีลธรรมอันจอมปลอม
ในสวนที่ประดับประดาด้วยร้อยพันหน้ากาก
เสียงพลั่วพรวนดินครั้งแล้วครั้งเล่า
เสียงน้ำรดราดรากต้นซึมชุ่มฉ่ำ
กลีบดอกไม้แห่งความชั่วมีหยดน้ำ
สะท้อนโลกแห่งความดีของพวกมุสา
คนโฉดไม่ชอบดมดอกไม้แห่งความชั่ว
กลัวจะเห็นเงาสถุลสะท้อนทรามของตน
แต่ข้าชื่นชมดอกไม้แห่งความชั่ว