9 ตุลาคม 2542 08:38 น.
ปีกฟ้า
ใช่เป็นเพียงเสียงเล่าขานที่นานมา
ใช่มีค่าแค่กวีที่เสี้ยมสอน
ใช่แค่คำล่ำลือหรือบทกลอน
หากคำสอนคือความจริงทิ้งมานาน
ใช่อยากบอกแค่ฟากฟ้ามีสิ้นสุด
หากสมุทรขุนเขาเล่าขับขาน
ใช่เพียงกลายเป็นธุลีไปตามกาล
หากขับขานบอกเวลาว่าผ่านไป
ใช่บอกว่านาฬิกาน่าจะหยุด
ใช่สิ้นสุดแค่บอกขอแก้ไข
ใช่อยากทำภูผาแกร่งกว่าสิ่งใด
หากหัวใจจะบอกว่าไม่นิรันดร์
ใช่ความหมายเวลาค่าจะมาก
ใช่ว่าอยากเป็นได้ก็แค่ฝัน
ใช่ค้ำฟ้าถึงแม้แต่ตะวัน
ทุกสิ่งอันมีจบลงคงความจริง...
9 ตุลาคม 2542 08:35 น.
ปีกฟ้า
วัยทารก :
ฉันอยู่เพื่อแลห้องนี้สีสวยใส
ช่างกว้างไกลในสายตาเหม่อมองเห็น
หลับสบายกายอบอุ่นอย่างใจเย็น
ดูของเล่นบนเพดานตระการตา
วัยเด็ก :
ฉันอยู่เพื่อเบิกบุกบั่นไม่ครั่นคร้าม
สิ่งงดงามความฝันอันหรูหรา
เหยียบย่างไปในดินแดนแห่งเวลา
สุดขอบฟ้าโพ้นทะเลคือปลายทาง
วัยผู้ใหญ่ :
ฉันอยู่เพื่อความหมายการต่อสู้
บทเรียนรู้มีมากมายอยู่กว้างขวาง
เลือดความเจ็บเก็บไว้ไม่เจือจาง
รอสะสางกับวันพรุ่งรุ่งต่อมา
วัยชรา :
ฉันอยู่เพื่อจุดมุ่งหมายปลายชีวิต
ฝังความคิดจิตใจใต้แผ่นฟ้า
รอวันตายกรายย่างผ่านทางมา
รอน้ำตาความจริงใจให้ศพเรา
9 ตุลาคม 2542 08:32 น.
ปีกฟ้า
ดอกไม้เอย ...ยังเคยให้ใครดอมดม
ผีเสื้อเอย ...เจ้าบินชมปีกสวยใส
ต้นหญ้า ...เอยกวีเขียนเปรียบเทียบไป
สายลมเอย ...กังหันไหวในลำธาร
กองไฟเอย ...ยังเคยให้ใครอบอุ่น
บทเพลงเอย ...หวานละมุนร้องขับขาน
แม่น้ำเอย ...มนุษย์ใช้ไหลอยู่นาน
แผ่นดินเอย ...เคยไถหว่านปลูกบ้านเรา
ท้องฟ้าเอย ...ยังเคยให้นกโบยบิน
ตะวันเอย ...แสงไม่สิ้นส่องขุนเขา
จันทราเอย ...สาดราตรีมีแสงเงา
ก้อนหินเอย ...เกิดเป็นเสาแกร่งขึ้นมา
มนุษย์เอย ...เจ้าเคยให้อะไรบ้าง
มนุษย์เอย ...คิดแต่ทางขุดค้นหา
มนุษย์เอย ...ขอจงคิดพิจารณา
มนุษย์เอย ...เคยทำค่าราคาใด...
9 ตุลาคม 2542 08:02 น.
ปีกฟ้า
เจ้านกน้อยค่อยผกผินบินบนฟ้า
ไกลสุดหล้าป่าเขาลำเนาไหน
เหินเวหาฝ่าดงกลางพงไพร
โบยบินไปด้วยใจรักพักผ่อนคลาย
ระเริงลมชมฟ้าครามงดงามฝัน
ผ่านตะวันสาดส่องแสงร้อนแรงฉาย
เบิกดวงตาฟ้ามองเห็นเป็นประกาย
รุ้งเหลื่อมลายหลายสีที่พื้นดิน
ท่องเที่ยวไปใจวิหคเจ้านกน้อย
คงล่องลอยค่อยผ่านเขาเจ้าผกผิน
สองปีกกางอย่างสุขใจได้โบยบิน
สู่ทุกถิ่นตามแต่ใจใคร่จรลี
แม้ตะวันเคลื่อนดับลับขอบฟ้า
จนจันทราพาหมู่ดาวพราวแสงสี
เจ้าคงบินผกผินไปไม่รอรี
เปิดชีวีสู่โลกกว้างทางเจ้าเอย...
9 ตุลาคม 2542 08:02 น.
ปีกฟ้า
หยิบดินสอนั่งโต๊ะเรียนขีดเขียนวาด
ลงกระดาษสะอาดขาวแล้วแต้มสี
บ้างกลายเป็นต้นไม้เขียวขจี
บ้างก็มีดอกไม้สบายใจ
ลงสีแดงให้ตะวันพลันสดสวย
ลำธารห้วยลงสีฟ้าให้สดใส
มีฝูงนกผกผินบินอยู่ไกล
สัตว์น้อยใหญ่อยู่ในป่าน่าเอ็นดู
เขียนต่อไปในกระดาษวาดความฝัน
หลายคืนวันนั่งตกแต่งให้สวยหรู
ด้วยหัวใจกับความคิดเพลินพิศดู
ให้โลกรู้ประกาศไปใจปรีดา
แม้สุดท้ายเป็นได้แค่กระดาษ
แต่ก็วาดอย่างตั้งใจให้หรูหรา
สิ่งสำคัญคือความคิดเนิ่นน่านมา
นั่นคือค่าปลายพู่กันสร้างฝันเรา...