5 มีนาคม 2546 21:47 น.
ปีกฟ้า
1...[วัยเยาว์]
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...ฉันยังเด็กเกินไปที่จะคิด
ชีวิตฉันเพิ่งเริ่มต้น ทุกวันนี้ยังต้องแบมือขอเงินพ่อแม่
และฉันไม่เหลือพอที่จะเก็บ ฉันกำลังเล่นสนุก
วันหนึ่งเมื่อฉันโตขึ้นฉันจะเก็บเงิน
[วัยรุ่น]
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...ฉันยังเรียนหนังสืออยู่
พ่อแม่ให้เงินสำหรับพอใช้ในแต่ละวันเท่านั้น ฉันยังเก็บเงินไม่ได้หรอก
นอกจากนั้นฉันยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ต้องใช้เงินอีกเมื่อฉันเรียนจบ
และถ้าฉันหาเงินได้เอง ฉันจึงจะเก็บ
[วัย 20]
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...ฉันเพิ่งเรียนจบ ขอเวลาฉันได้พักสมองบ้าง
และฉันยังไม่พร้อมที่จะผูกมัดเรื่องนี้
ฉันยังต้องการแสวงหาความสนุก ในขณะที่ฉันสามารถทำได้
ยังมีเวลาเหลืออีกมากที่จะคิด ถึงตอนนั้นเมื่อฉันพร้อมฉันก็จะเก็บ
[วัย 30]
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...
ฉันเพิ่งมีครอบครัวและต้องรับผิดชอบหลายอย่าง
ค่าใช้จ่ายลูกเดี๋ยวนี้แพงเหลือเกิน และฉันยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้บ้านอีกด้วย
ทุกวันนี้แทบจะชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว
ถ้าวันข้างหน้าฉันหาเงินได้มากกว่านี้และลูกๆ โตแล้ว ฉันจึงจะเก็บ
[วัย 40]
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้...ลูกฉันเริ่มเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย
เดี๋ยวนี้ค่าหน่วยกิตและค่าต่างๆ แพงมาก
ไหนยังต้องผ่อนหนี้เงินกู้ที่ซื้อรถยนต์ให้ลูกอีก ฉันกลัวพวกเขาลำบาก
ตอนนี้ยอมรับว่าค่าใช้จ่ายสูงจริงๆ และเป็นเวลาที่ยากที่จะเก็บเงิน
แต่อีกสักระยะเมื่อพวกเขาเรียนจบ การเงินคงจะคล่องตัวขึ้น ถึงตอนนั้น
ฉันจึงจะเก็บ
[วัย 50]
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้... ตอนนี้ลูกๆ เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
หลายคนกำลังจะแต่งงาน ฉันอยากให้พวกเขาเริ่มต้นชีวิตที่ดี
นอกจากนี้ฉันยังต้องไปช่วยญาติบางคน ซึ่งตอนนี้พวกเขากำลังต้องการความช่วยเหลือ
เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นไปตามที่ฉันคิดไว้เลย มันติดขัดไปหมด
โชคดีเมื่อไหร่ฉันคงจะเก็บเงินได้
[วัย 60]
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้... ฉันนึกว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น
ฉันอยากเกษียณอายุก่อน แต่ฉันไม่สามารถทำได้
ฉันกำลังพยายามจ่ายเงินติดค้างจำนองบ้านที่เหลือและหนี้สินอื่นๆ
แต่ทุกอย่างยังประดังเข้ามา ไหนจะลูกเอยหลานเอย ไอ้โน่นไอ้นี่มาลงที่ตัวฉันหมด
ถ้าภาระฉันหมดเมื่อไร ฉันภาวนาว่าฉันน่าจะเก็บได้
[วัย 70]
ฉันไม่สามารถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้... ฉันแก่เกินไปที่จะเก็บ
เงินบำนาญของฉันก็มีไม่มากพอ
บิลค่ายาและค่าดูแลรักษาพยาบาลระยะยาวทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่
ฉันไม่อยากไปเป็นภาระของลูกๆ เขา ฉันน่าจะเก็บตอนที่ฉันมีและควรเก็บได้
ตอนนี้มันสายเกินไป......ฉันไม่สามาถเก็บเงินได้เดี๋ยวนี้จริงๆ.....
ปล. อ่านแล้วกรุณาส่งต่อ เพราะอย่างน้อยคุณก็ได้เตือนสติ
ให้คนอีกหลายคนได้เก็บเงินตอนที่เขาสามารถเก็บได้
28 กุมภาพันธ์ 2546 02:53 น.
ปีกฟ้า
1. อย่าขับรถเร็วเกินกว่าที่เทวดาประจำตัวของคุณบินทันเป็นอันขาด
2. จงวางแผนล่วงหน้า : ฝนยังไม่ตกหรอกนะตอนโนอาห์สร้างเรือน่ะ
3. การแก้แค้นไม่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น เหมือนกับดื่มน้ำทะเลเวลาหิวน้ำนั่นแหละ
4. ความหมายของความสุขขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณอยากให้มันเป็น
5. อย่ากลัวความฝันของคุณ : มันง่ายกว่าที่คิด
6. นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ทุกๆ 4 คน จะมีคนหนึ่งที่สติเพี้ยนๆ
ลองเช็คเพื่อนคุณสัก 3 คนสิ ถ้าทุกคนปกติดี ก็คุณน่ะแหละ
8. บางครั้งวิธีช่วยที่ดีที่สุดที่คุณทำได้ก็คือ ผลักเขาแรงๆ
(หมายถึงผลักดันให้เขาทำสิ่งที่ลังเลอยู่น่ะ)
9. น้ำตาจะให้คุณก็แค่ความเห็นอกเห็นใจ แต่เหงื่อจะทำให้คุณประสบความสำเร็จ
10. มอบสองสิ่งให้กับลูกของคุณ อย่างหนึ่งคือรากฐานที่มั่นคง
อีกอย่างก็คือปีกที่จะบินออกไปเอง
11. การออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับจิตใจคือการก้มลงแล้วช่วยคนอื่นให้ลุกขึ้น
12. คนคนหนึ่งอาจทำอะไรผิดพลาดได้หลายอย่าง
แต่มันจะกลายเป็นความพ่ายแพ้ไปจริงๆเมื่อเขาเริ่มโยนความผิดไปให้คนอื่น
13.เพื่อนแท้คือคนที่เชื่อว่าคุณเป็นฟองไข่ที่สมบูรณ์แม้ว่าจริงๆแล้วคุณจะมีรอยร
้าวไปแล้วครึ่งหนึ่ง
14. นี่คือวิธีที่จะรู้ว่าหน้าที่ของคุณบนโลกใบนี้จบสิ้นแล้วหรือยัง
:ถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่ มันก็ยังไม่จบ
15. ชีวิตเรียนรู้ได้จากการย้อนระลึกถึง แต่ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า
16.การใช้ชีวิตอยู่บนโลกนั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงมากแต่เราก็ได้เดินทางรอบดวงอา
ทิตย์ฟรีๆเป็นของแถม
17. เรารู้สึกดีที่มีความสำคัญ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือเป็นคนดี
18. มีแต่ปลาตายที่ลอยตามน้ำ
19. คุณค่าของคนคนหนึ่งบอกได้จากวิธีที่เขาปฏิบัติต่อคนที่เขาไม่ต้องการ
20. เงยหน้าขึ้นรับแสงตะวัน แล้วคุณจะไม่มีวันพบกับเงามืด - เฮเลนเคลเลอร์
21. คนอ่อนแอเท่านั้นที่ให้อภัยใครไม่เป็น
การให้อภัยเป็นคุณสมบัติของผู้เข้มแข็ง
22. คำว่า listen (ฟัง) นั้นใช้ตัวอักษรชุดเดียวกับคำว่า silent (เงียบ)
23. ในโลกนี้ไม่มีคนแปลกหน้าสำหรับเรา มีแต่เพื่อนที่เรายังไม่ได้พบเท่านั้น
24. เมื่อคุณพูดความจริง คุณไม่จำเป็นต้องไปนั่งจำอะไรทั้งนั้น
19 กุมภาพันธ์ 2546 19:16 น.
ปีกฟ้า
ใครที่ผูกนาฬิกาบ่อยๆ จนติดคงจะรู้สึกได้ในวันที่นาฬิกาหายไปจากข้อมือฉันเองก็เป็นคนที่ผูกนาฬิกามาตลอด หากวันไหนลืมจะรู้สึกว่าบางอย่างมันหายไป มันว่างๆ และขัดเขินทุกครั้งที่ยกข้อมือที่ว่างเปล่าขึ้นมาดู เมื่อราวสองปีก่อนที่นาฬิกาเรือนโปรดของฉันพัง ด้วยความไม่มีสติเอาข้อมือไปทุบผนังห้องน้ำเล่นๆ โชคร้ายที่มือไม่เป็นอะไร นาฬิกาต่างหากที่พินาศ -
- กระจกร้าว ฉันถอดมันออกวางไว้ไม่ยอมเอาไปซ่อม ด้วยว่ารู้สึกถึงภาพเก่าและวันเวลาที่เก็บอยู่ในนั้น ฉันคิดโง่ๆ ว่าภาพเหล่านั้นจะตายไปพร้อมนาฬิกา ฉันเลิกผูกนาฬิกา และพบว่าตัวเองมีอาการยกข้อมือเก้อ-เก้ออยู่เป็นเวลานานพอดู ความเคยชินเกิดขึ้น เมื่อเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นประจำในระยะเวลานานพอควร และยังคงความเคยชินอยู่ เมื่อสิ่งหนึ่งสิ่งนั้นหายไปในระยะแรกๆจนเวลาผ่านไปนาน ฉันจึงเริ่มชินกับการแอบมองเข็มนาฬิกาบนข้อมือคนอื่น
เวลาผ่านไป พร้อมกับบาดแผลที่เริ่มเลือนหาย ฉันตัดสินใจซ่อมนาฬิกา นาฬิกาเรือนโปรดเรือนนั้นก็กลับมาอยู่บนข้อมือฉันได้เกือบอาทิตย์กว่าแล้ว เมื่อมันกลับมาวันแรกๆ ฉันรู้สึกไม่คุ้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่คุ้น ฉันยังแอบมองนาฬิกาบนข้อมือคนอื่นอยู่เหมือนเดิม ฉันรู้สึกเขินแกมขำทุกครั้งที่แอบมองข้อมือคนอื่นทั้งๆ ที่มีนาฬิกาอยู่บนข้อมือของตัวเอง ฉันนึกถึงใครบางคนที่มักจะปรากฏตัวพร้อมรอยยิ้มเสมอๆ ในบางช่วงที่เขาหายหน้าหายเสียงไป ฉันรู้สึกขาดๆ แต่ก็เพียงชั่วเวลาสั้นๆในบางครั้งฉันพอใจที่มีเขาอยู่ใกล้ๆ ในวันที่ไม่แข็งแรง แต่ในบางครั้งฉันกลับรู้สึกพอใจ กับการได้เดินคนเดียว-เดี่ยว-เดี่ยวในวันว่าง หรือเป็นความผูกพัน หรือเป็นเพียงความเคยชิน
--หัวใจฉันยังตอบคำถามได้ไม่กระจ่างชัดนัก คนเราจะรู้ค่าก็ต่อเมื่อเราสูญเสียสิ่งนั้นไป
--ฉันมักได้ยินใครๆพูดแต่ฉันกลับคิดว่าหากฉันยังมองไม่เห็น
ฉันน่าจะยอมเสียไปดีกว่าเพื่อให้ซึ้งถึงคุณค่านั้น ฉันไม่อยากเอาเปรียบเขา
หากจะรั้งเขาไว้ด้วยความคุ้นเคยที่ไม่ใช่ความผูกพัน ฉันไม่อยากโกหกตัวเอง
หากจะรั้งเขาไว้ด้วยความไม่แน่ชัด ฉันมีคำถามที่ยังขบไม่แตกกับคำว่าผูกพัน
หรือว่าจะเป็นแค่คุ้นเคย บางทีมันอาจจะเป็นการดี หากฉันจะอยู่ห่างๆหรือตัดขาด
เพื่อให้รู้จักหัวใจของตัวเองมากขึ้น
กับใครบางคนที่ขาดหายไปจากชีวิตอาจเป็นเหมือนนาฬิกาที่ขาดสายอาจรู้สึกแปลบๆ
และมองหากับการหายไปในช่วงแรก แต่ไม่นาน.คงจะชิน
26 มกราคม 2546 22:07 น.
ปีกฟ้า
ผมบอกว่าความรักก็เหมือนกับเส้นด้ายบาง ๆ หากขาดไปแล้ว ผูกอย่างไรก็มีปม
เธอบอกว่าความรักเหนียวแน่นคงทนกว่านั้น มันเปรียบเสมือนผืนผ้ามากกว่าแม้เส้นด้ายจะขาดไปสักเส้น ผ้าก็ยังเป็นผ้าได้อยู่
ผมไม่พกมือถือ ด้วยเหตุผลว่า พระนเรศวรทรงกู้เอกราชได้โดยไม่ต้องใช้เครือข่าย GSM
เธอพกมือถือ 2 เครื่อง ด้วยเหตุผลว่า ที่ไทยเสียเอกราชไปเพราะไม่มีเครือข่าย GSM ใช้
ผมใส่กางเกงตัวละ 129 บาท ด้วยเหตุผลว่า จะยี่ห้ออะไรก็ปิดไอ้นั่นได้มิดเหมือนกัน
เธอใส่กระโปรงราคาตัวละหลายพันบาท ด้วยเหตุผลว่า มันปลอดภัย ถ้าเกิดไฟไหม้กระโปรงที่เธอใส่ เนื้อผ้าจะไม่ละลายติดเนื้อผิวของเธอ
ผมไม่รู้หรอกว่าคุณค่าทางอาหารระหว่างพิซซ่ากับขนมครก อะไรจะมากกว่ากัน แต่ผมว่าขนมครก อร่อยและถูกกว่าเป็นไหน ๆ
เธอไม่รู้หรอกว่าคุณค่าทางอาหารระหว่างพิซซ่ากับขนมครกอะไรจะมากกว่ากัน แต่เธอชอบกินพิซซ่าด้วยเหตุผลที่ว่า ขนมครกบางร้านเท่านั้นที่อร่อย แต่พิซซ่าฮัททุกร้านมีมาตรฐานเดียวกัน
ผมใช้ปากกาด้ามละ 5 บาท ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังไงมันก็เขียนได้ และมันมักจะหายไปทุกครั้งก่อนที่ไส้จะหมด
เธอใช้ปากกา ยี่ห้อ cross ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังไงมันก็เขียนติดกระดาษไม่ต้องสะบัดก่อนใช้ และไม่เลอะเทอะกระเป๋าเสื้อของเธอ
ผมชอบทำงานอิสระ ทำตามจินตนาการของตัวเอง ไม่ต้องให้ใครบังคับ ไม่ต้องผูกมัดกับระบบ
บัตรตอกทำงานของเธอไม่เคยขึ้นตัวแดง เธอกลับค่ำทุกวัน เพราะงานทำให้เธอมีระบบ ระเบียบ และเห็นคุณค่าของชีวิต
ผมรักตัวของผมเองมากกว่าใคร ๆ ด้วยเหตุผลว่า ไม่ว่าเราจะทำดีเพื่อใคร ๆ มากมายขนาดไหนความสุขทางใจที่เราได้ ก็ได้กับตัวเอง
เธอรักครอบครัวของเธอมากกว่าสิ่งใด ๆ ด้วยเหตุผลว่า ถ้าไม่มีพวกเขา ก็คงไม่มีเธอเกิดมาให้ป่าวประกาศว่าฉันรักตัวฉันเอง
คลื่นทะเลให้ปรัชญาแก่ผมว่า หาดทรายจะแปรเปลี่ยนไปทุกครั้งตามคลื่นที่กระทบฝั่ง แต่แม้จะเปลี่ยนอย่างไร ทรายก็ยังเป็นทราย และคลื่นก็ยังเป็นคลื่นไม่เปลี่ยน
คลื่นทะเลให้ปรัชญาแก่เธอว่า ไม่ว่าน้ำทะเลจะขึ้นจะลงอย่างไร คลื่นก็ยังขยันซัดกระทบฝั่ง
ผมบอกว่าถ้าไม่มี ความว่าง แล้ว ความมี ก็ไร้ความหมาย เพราะความมีต้องวางลงบนความว่าง
เธอบอกว่าถ้าไม่มี ความมี แล้ว ความว่าง จะมีประโยชน์อะไร มันคงไร้ความหมาย เพราะมีความมี ความว่างจึงก่อเกิดการเปรียบเทียบ
คนอื่นบอกว่า ผู้หญิงรักผู้ชายจาก 0-100 แต่ผู้ชายรักผู้หญิงจาก 100-0
ผมแย้งว่าผู้หญิงรักผู้ชายแค่ 0-1 เหมือนไบนารี่ ทำดีมากมายขนาดไหนก็เป็นเพียงแค่ 1 หากผิดพลั้งไปจะเหลือเพียง 0
เธอแย้งว่าผู้หญิงรักผู้ชายไม่ใช่ 0-1 และไม่ใช่ 0-100 แต่เป็นจาก 100-200 หญิงรักชายได้ 100 และจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามที่เธอปรารถนา
ผมมองคนที่ความคิด
เธอแย้งว่าความคิดไม่ใช่นิสัย
ผมเหมือนกับแก้วใส ๆ จะเห็นคุณค่าตัวเองก็ต่อเมื่อมีเธอเป็นน้ำมาเติมเต็ม
เธอเหมือนกับน้ำใส ๆ เธอจะอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีพาชนะมารองรับ
ผมและเธอเหมือนดั่งเส้นขนาน ที่ไม่มีวันจะมาบรรจบกัน
ผมและเธอเหมือนดั่งเส้นขนาน ถึงแม้จะไม่มีวันบรรจบกัน
แต่เราก็จะตีคู่ไปด้วยกันเสมอ
เพราะเธอชอบกินไข่แดง แต่ผมชอบกินไข่ขาว เราจึงอยู่ด้วยกันได้ ในไข่ใบสีน้ำเงินแห่งนี้
8 ตุลาคม 2545 13:50 น.
ปีกฟ้า
There is no better time than right now to be happy. Happiness is a journey, not a destination. So work like you dont need money, love like you ve never been hurt, and dance like no one is watching.