23 ธันวาคม 2553 22:27 น.
ปาลิน
ฟังฉันสักครั้งสิเธอ
แม้เป็นแค่คำเพ้อเจ้อจากคนไม่เอาไหน
ไม่ได้ต้องการอะไรมากก่อนจากไป
แค่อยากเก็บความลับนั้นไว้...ใกล้ๆเธอ
...............................................................
ฉันเป็นใครก็ไม่รู้
บอดใจ-บอดหู อยู่เสมอ
บ้างเจ็บปวดรวดร้าว หนาว ละเมอ
แต่ยังยิ้มให้เธอทุกครั้งไป
ฉันชอบมองตัวเองในกระจก
บ้างสะท้อนสะทกจนร่ำไห้
ถักผมเปียเล่นซ่อนหา ชิงช้าไกว
กอดท้องฟ้า กอดต้นไม้ กอดสายลม
ฉันมีบ้านไม้อยู่ท้ายสวน
มีกระพรวนสีฟ้า มีผ้าห่ม
ชอบผีเสื้อ สายหมอก ดอกลั่นทม
เลี้ยงลูกหมาชื่อ ตัวกลม กับ ล้มลุก
ฉันมีนาฬิกาอยู่ห้าเรือน
เป็นของขวัญจากเพื่อนชื่อ คุณจุก
มีสร้อยคอ มีกำไล มีไข่มุก
ขโมยจาก คุณพุก มาเมื่อวาน
ฉันชอบมองพลุบนท้องฟ้า
แต่ไม่เท่าดวงตาของย่าหวาน
ฉันสะสมดอกกุหลาบ...สีน้ำตาล
กับใบไม้กรอบกร้านใต้ลิ้นชัก
ฉันรักตุ๊กตาหมี
เพราะใจดีกอดอุ่นได้หนุนตัก
หากวันไหนไม่ได้มาทายทัก
ถือได้ว่าห้วงรักไม่เต็มเติม
ฉันไม่ชอบบทกวี
อีกเพลงคีย์ถ้วนแท้มาแต่เริ่ม
เมื่อเพียรอ่านน้ำคำซ้ำๆเดิม
ก็คือเพิ่มรอยแผลทุกแง่มุม
...............................................................
ได้ยินใช่ไหมเล่าเธอ
ความลับจากคนเพ้อเจ้อ
แลกกับเวลาของเธออาจไม่คุ้ม
หากแต่ฉันเดิมพันด้วยความเชื่อ
ทุกเมื่อที่ความเหงาเร้ารุม
เธอ-- ถูกความลับของฉันเกาะกุม
อยู่ในหลืบหลุมของ โ ล ก อี ก ใ บ
15 ธันวาคม 2553 20:42 น.
ปาลิน
ถึง ส ม อ ง
แทนที่จะยื่นเงินให้คนขาย
ฉันกลับยื่นกระเป๋าสตางค์ให้คนขาย
นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น
ยาวนานราวๆ หนึ่งช่วงหมาหอนเห็นจะได้
เพื่อนรัก...
เธอจะสามารถยืนเคียงข้างฉันได้หรือเปล่า
ในขณะที่ฉันเลื่อนลอย และยังไม่รู้สึกตัว
เกรงว่าเธอจะรำคาญ
ในอากัปกิริยาแปลกๆ ที่สิงอยู่ในตัวฉัน
ฉันอยากแก้ไขมันเหลือเกิน
ด้วยการไม่เผชิญหน้ากับเธออีก!
ปล. คลังข้อมูลของความทรงจำฉันหายไป
ดังนั้น...ขอเวลาให้ฉันสักพักเพื่อกลับไปตามหาแล้วนำมันมาเก็บไว้ที่เดิม
จาก หั ว ใ จ
10 ธันวาคม 2553 13:55 น.
ปาลิน
....กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว
ณ ทิวแถวสูงตระหง่านของม่านผา
มีก้อนเมฆลอยล่องเที่ยวท่องมา
เอื่อยเฉื่อยช้าช้าบนฟ้าเช้า
....มีบทเพลงแห่งกวีและผีเสื้อ
โดยลมเหนือสังสรรค์ในวันเสาร์
ขยับเคลื่อนริ้วหมอกระลอกเงา
เพื่อผ่านพบกระทบเข้าในเงาตา
...ผู้แบกสัมภาระขณะก้าว
ทุกๆย่างเท้าคือปรารถนา
จะซึมซับนิยามความเป็นมา
แด่ชีวาพเนจรผู้รอนแรม
...เป็นรางวัลชีวิตชนิดหนึ่ง
อวลความซาบซึ้งมาตรึงแต้ม
วังวนเสน่หายังพร่าแวม
เริงเลาะเซาะแซมอยู่วาววับ
...เป็นอีกซีกโลกที่โศกเลือน
ทั้งเหมือนหัวใจไล่คว้าจับ
นิรันดรอันสูญหายไปไกลลับ
นิ่งนาน เนิ่นนับ...ไม่กลับมา
...กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว
ณ ทิวแถวสูงตระหง่านของม่านผา
มีก้อนเมฆโล้เลื่อนเลือนดวงตา
ฝืนฝ่าม่านหมอก . . . ไ ก ล อ อ ก ไ ป