18 กรกฎาคม 2555 02:08 น.
ปาริตา
กลับมาฟังเสียงทะเล
ปล่อยคลื่นเห่ ซัดเทความเหงา
ก่อกองทราย....ฮัมเพลงเดียวดายขึ้นเบาๆ
ท้องทะเลว่างเปล่า เหมือนตัวเราที่เป็น
ตรงเส้นขอบฟ้า
ฉันรู้ดีว่า ภาพตรงหน้าที่เห็น
เป็นสิ่งลวงตา...และเป็นความปวดปร่าอย่างชัดเจน
ความรักเกิดได้ยากเย็น
ผืนน้ำกับแผ่นฟ้ามิอาจเป็น
อย่างที่อยากเข้าใจ
เราไม่เคยมีกัน
ความหวังก็แค่ความฝัน ว่าจะมีวันพบเจอกันได้
ความจริงก็แค่ความลวงที่ฉันถามทวงว่าทำไม
กับความรู้สึกว่ามันใกล้
แท้จริงกลับห่างไกลเหลือเกิน
ไม่มีคำตอบใดๆ
คงเหลือทิ้งไว้แค่คนหมดใจห่างเหิน
ความรู้สึกดีๆในวันเก่า..
เป็นเพียงรอยเท้าความเหงา
ที่เราย่ำเดิน
และยังคงเป็นแค่เหตุบังเอิญ
ของโชคชะตา
คงถึงเวลาที่ต้องหยุด
เมื่อเราเดินไปจนสุดเส้นขอบฟ้า
.......................................................
ภาพที่เคยนึกว่ามีมันร้างแล้ง
จึงต้องพาหัวใจที่อ่อนแรงคืนกลับมา
พักหายใจบนหาดทรายช้าๆ ...
ตื่นจากฝันแล้วบอกตัวเองว่า .....
ความรักของเรากับภาพตรงหน้า
ไม่- มี- จริง
2 กรกฎาคม 2555 11:55 น.
ปาริตา
เข็มนาฬิกากระดิกเดิน
สายลมหยอกเอินกับยอดไม้
รอยยิ้มแห้งแล้ง ใต้แสงไฟ
ระเบียงดาววับไหว อยู่ไกลตา
ไม่ทันได้เอ่ยคำขอบคุณ
โลกที่กำลังหมุนอยู่ช้าๆ
บางบทตอนเยือนย้ำว่าอำลา
กับเรื่องราวผ่านมาแล้วผ่านไป
เล่าเรื่องเด็กอมมือ ถือไม้ขีด
ข้างกำแพงคอนกรีตบ้านใกล้ๆ
ตะเกียงน้ำมันคลุ้งฟุ้งกลิ่นไอ
หาผ้าดิบทำไส้ไส่ตะเกียง
เหลียวซ้ายและขวาตามองไป
เรไรขับทำนองของงานเลี้ยง
จดจารถ่ายทอดถอดสำเนียง
ขโมยเสียง ต่างผ้า มาเชยชม
เด็กชายพิงหลังแล้วนั่งนิ่ง
มองเพื่อนไล่วิ่งกันเสียงขรม
เขาเล่นซ่อนหา ปิดตากลม
เงยก้มใบ้บอกอยู่นอกชาน
เบือนหน้ามองผนังอีกฝั่งหนึ่ง
โซ่ตรวนความคิดถึงก็ตรึงพล่าน
แว่วเสียงของยายยังกังวาน
จากหายไปนานจนป่านนี้
วิทยุตั้งเปล่าอย่างเหงาเงียบ
เผลอหลับพับเพียบตอนตีสี่
ผีพนันอยู่ยามราวี
ห้องนอนคืนนี้ไม่มียาย
ก่อนเคยวนวิ่งช่วยปิ้งปลา
ตำน้ำพริกรอท่าก็ห่างหาย
ผักชะอม เนื้อทอด ก็วอดวาย
เหลือทิ้งเปล่าดายไร้คนชิม
เรื่องราวเด็กชายผ่านสายตา
เหมือนใครตัดหน้ามาตอกลิ่ม
รั้วระแนงตีขอบอยู่รอบริม
ดอกไม้ซ่อนยิ้มอยู่ริมทาง
มะขามเทศร่วงกราวเต็มราวพื้น
โสนยืนต้นเรียงอยู่เคียงข้าง
ฟ้าหม่นกร่นเกลื่อนอยู่เรือนราง
หูกวางโยกใบไสวเอน
15 มิถุนายน 2555 11:33 น.
ปาริตา
ฉันยืนอยู่ฝั่งตะวันตก
กลางลมบกลมรักลมอักษร
ใต้ท้องฟ้าเมฆินทินกร
ในเรือเร่แรมรอนเร่ร่อนมา
จนคลื่นซัดเหวี่ยงรายถึงชายหาด
ฉันกวาดคลื่นโยนไปโพ้นผา
หอบทะเลร่ายหวังแสนครั้งครา
กอบหญ้าคาน้อยหนึ่งครึ่งกำมือ
เก็บมาเพื่อพิสูจน์คำพูดคน
ว่าจะปล้นสิ่งใดกระไรหรือ
ชาติ ชนชั้น วรรณะ ตบะฤา
ดวงหทัยใสซื่อหรือวิชชา
ฉันชื่นชมหนังสือชื่อ คำหยาด
ก็เลยคิดหวังวาดตามปรารถนา
หากร่ายเรียงผิดบทรจนา
เพราะความงามทางภาษาฉันไม่พอ
บ้างบางคราวแอบสูดกลิ่นของดินทุ่ง
หอมมาปรุงอวลอายลายดินสอ
แผ่วเพลงขลุ่ยผิวกรับเข้าขับคลอ
ให้หวนคิดถึงพ่อที่รอคอย
แหล่ะคิดถึงมิตรสหายที่ทายทัก
กระทั่งผู้ไม่รู้จักสักสิบร้อย
ทั้งพงไพรขุนเขาลำเนาดอย
จะมีไหมสักหนึ่งน้อยแห่งปราณี
เมื่อฉันเจ็บและไม่อาจจะกลับไป
สู่อ้อมกอดคนเคยใกล้ไกลเหลือที่
จะคิดถึงฉันไหมหรือไม่มี
สักเพียงหนึ่งนาทีของคนรัก
ฉันยังยืนอยู่ฝั่งตะวันตก
เป็นหนึ่งหญิงวณิพกผู้จมปลัก
ทำความหวังสูญหายเกินทายทัก
กระทั่งทำความรักหักทลาย
ฉันจะเดินไปไหนยังไม่รู้
จะไปสู่เพลงพิณก็สิ้นสาย
จะหยัดยืนตรงลมหวนก็ด่วนวาย
จึงแพ้พ่ายต่อความหลังลำพังเพียง
24 พฤษภาคม 2555 23:12 น.
ปาริตา
ฉันไม่รู้จักหรอกความรัก
หากว่าเธอยังพิงพักอยู่ตรงนี้
ไม่มีหรอกคืนฝันวันแสนดี
ไม่มีหรอกนาทีที่ฉันจำ
ฉันผ่านฤดูหนาวมายาวนัก
จนไม่เหลือสิ่งทายทักในคืนค่ำ
เมื่อท้องฟ้าแห่งนี้ทาสีดำ
ฉันแค่เดินเหยียบย่ำบนผืนทราย
อย่าหวังอะไรจากฉัน
ฉันไม่เคยวาดฝันวัน-จุดหมาย
ที่ยังอยู่ก็เหมือนรับการกลับกลาย
เพื่อสุดท้ายจะทอดทิ้งความจริง-ลวง
ฉันผ่านฤดูฝนมานานเนิ่น
อ่อนไหวจนเกินจะแหนหวง
ไม่มีหรอกนิยามที่ถามทวง
มีแต่การลับล่วงแห่งช่วงวัน
อย่าทำดีกับฉันเลย
ฉันทำได้แค่นิ่งเฉยก็เท่านั้น
รอน้ำค้างร่วงโรยจะโปรยปัน
มาตื้นตันเงาหม่นท้นดวงตา
ฉันผ่านฤดูหนาวมายาวนัก
จนเข็ดหลาบกับความรักความโหยหา
เนิ่นนาทีทุกข์ท้อที่รอมา
หวังสิ้นสุดวันลาวันนี้แล้ว
อย่าเอื้อนเอ่ยความเป็นฉัน
แม้ว่าความผูกพันยังผ่าวแผ่ว
ฉันคือความผิดพลาดที่วาดแวว
หัวใจฉันก็คล้ายแก้วที่แตกราน
ฉันไม่รู้จักหรอก (ความรัก)
18 พฤษภาคม 2555 20:59 น.
ปาริตา
ในบาทรส สกุณา มายาภาพ
จะซึมซาบผ่านคำลำนำหวาน
แห่งม่านแพรวิจิตรพิสดาร
อลังการฉ้อฉลเพียงตนเดียว
แหล่ะว้างเวิ้งนที สีทันดร
ประโลมคำอนาทรอ่อนเฉลียว
มาจะร้างแรมไพรในใบเรียว
อันคว้างบิ่นบิดเบี้ยวใต้เรียวฟ้า
ไม่มีใครสักคนจะค้นพบ
หนึ่งใบไม้ร่วงซบรบเร้าหล้า
จนกร่อนกาลล่วงลุสกุณา
หยาดสู่ดินบินหลามาคว้าไป
เจือหยดป่นหยาดดาษลมฝน
แพรใบเกลื่อนกล่นท้นน้ำใส
เพียงลมคลื่นหวนทวนก้านใบ
ก็ผะผ่าวไข้ใจทั้งใบบาง
ด้วยคือหนึ่งรุ้งมณีที่รินโศก
หนาววิโยคโยนคลอนตอนฟ้าสาง
จนหม่นไหม้เปลวคำเข้าอำพราง
ว่าสุดทางสิ้นหนเพียงตนเดียว
แม้เจ็บกายปวดร้าวจนหนาวเหน็บ
ก็จะเก็บช้ำหมองไม่ข้องเกี่ยว
ลุโทษฑัณสมค่าสุดยาเยียว
โดยเปล่าเปลี่ยวแด่ชีวิตอนิจจา!