23 พฤษภาคม 2551 20:52 น.

ผักของแม่

ปารมิตา

วันนี้จะกินอะไรกันดีหละ เสียงเพื่อนร่วมงานฉันตะโกนถามข้ามโต๊ะกลับมามา
 เมื่อมองเห็นเข็มนาฬิกาบอกเวลาห้าโมงเย็น 
เวลาเลิกงานของเราสาวออฟิต 
ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้าเมืองกรุงฯ มาเพื่อทำงานบัญชีแลกกับดือนที่สูงกว่าแรงงานขั้นต่ำไม่มากนัก  
ไม่กินพิซซ่านะ มันเลี่ย ฉันตอบกลับไป  
และคำตอบที่กลับมาเป็นประโยคคำถามว่า  เอ็มเคไหม  
เราสองสาวตกลงไปทานสุกกี้ที่ห้างดังใจกลางเมืองกรุงฯ 
ไม่ห่างจากทำงานมากนัก 
 แต่กว่าเราจะได้กินสุกกี้กันจริงๆ ต้องรอคิวกันอีกเกือบชั่วโมง
 ก็วันนี้มันวันเงินเดือนออกนี่น่า ใครใครก็ต้องมาหาเรื่องใช้เงินให้คุ้มความเหนื่อยที่ตรากตรำมาทั้งเดือน  
อาหารมื้อนี้เรากินกันสองคนหมดค่าใช้จ่ายไปห้าร้อยกว่ากว่า 
มันก็ไม่มากมายนัก เมื่อเปรียบเทียบกับการกินอาหารอื่นอื่น บนห้างหรูหรู อย่างนี้ 
ค่ำค่ำ พ่อโทรศัพท์มาหา 
พร้อมกับทวงเงินเดือนที่ฉันต้องส่งกลับต่างจังหวัดทุกเดือน 
เงินที่ฉันส่งให้ที่บ้านไม่ถึงหนึ่งในสิบที่ฉันได้รับต่อเดือน  
ก็ฉันอยู่กรุงเทพนี่หน่า ค่าครองชีพย่อมสูงเป็นธรรมดา 
ไหนจะค่ารถ ค่าเช่าหอ ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ใหม่ใหม่  ที่ต้องซื้อเพิ่มทุกเดือนก็มากโข 
ก็จะให้ใส่ซ้ำไปซ้ำมา อยู่ได้ยังไง อายเขาแย่สิ
อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปีแล้ว มีวันหยุดยาวสักทีคงต้องกลับบ้านต่างจังหวัดไปเยี่ยมพ่อแม่บ้าง  
ค่ำนี้พ่อโทรหาฉันลูกสาวสุดที่รักเหมือนที่เคยทำเป็นประจำทุกวัน ด้วยความเป็นห่วง  
ครั้งนี้ฉันเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดกับพ่อก่อนบ้างว่า พ่อเดือนนี้หนูไม่ส่งเงินให้นะ จะเก็บเอาไว้เป็นค่ารถกลับบ้านพ่อตอบกลับว่าไม่เป็นไร
ฉันไม่รู้หรอกว่าพ่อกับแม่จะอดออมมากแค่ไหนนเดือนนี้  รู้
เพียงแต่ว่าพ่อกับแม่คงดีใจที่จะได้เจอลูกสาวสุดที่รักที่ไม่ได้เจอมาร่วมปี
แล้วก็ถึงวันสิ้นปี ผู้คนเบียดเสียดยัดเยีดกันมากมายที่หมอชิต 
ฉันต้องจองตั๋ล่วงหน้าเกือบเดือน เพราะกลัวไม่มีที่นั่ง 
ฉันออกเดินทางจากกรุงเทพฯในช่วงค่ำ 
แล้วฉันก็เดินทางมาถึงบ้านอย่างลอดภัยในเช้าของอีกวัน  
ฉันคุยกับพ่อแม่ให้ท่านหายคิดถึงสักพัก ก็ขอตัวไปนอนพักสักตื่นเพราะว่าเพลียเหลือเกินกับการเดินทาง 
 เมื่อตื่นมาช่วงบ่ายบ่าย ก็ไม่เห็นแม่ฉันจริงถามพ่อว่าแม่ไปไหน 
พ่อตอบกลับมาว่าไปเก็บผักที่สวน เพื่อเอาไปขาย 
แม่เก็บได้ผักมได้หนึ่งกระบุงใหญ่ใหญ่ ในช่วงเกือบบ่ายสาม
 แม่มานั่งล้างผักแล้วแบ่งป็นกำ เพื่อเตรียมตัวไปขาที่ตลาดย
 ฉันสังเกตเห็นแม่ว่าท่านผอมลงไปมาก ในช่วงสามสี่ปี่ผ่านมา  
ฉันเรียนจบแล้วแต่ดูพ่อกับแม่ไม่ได้สบายเอาเสียเลย
 แม่ปั่นจักรยานไปขายผักที่ตลาด เพราะมอเตอร์ไซค์พังได้หลายเดือนแล้ว 
พ่อบอกว่าท่านไม่คิดจะซ่อมเพราะเสียดายเงิน แล้วน้ำมันก็แพง 
หกโมงเยนแม่กลับมาจากตลาดพร้อมเงินค่าผักที่ขายได้  สี่สิบบาท
ใช่แล้วแนฟังไม่ผิด นี่เหรือคือค่าตอบแทนของผักหนึ่งกระบุงโตโต ของแม่ฉัน 
นี่หรือคือรายได้ต่อวันที่พ่อกับแม่ฉันได้รับฉันได้
 ถ้าฉันจำไม่ผิด สุกกี้ที่ฉันกินตอนต้นเดือน ผักหนึ่งถาดราคาร้อยกว่าบาท 
ทำไมมันช่างแตกต่างกันมากมายนัก 
พ่อบอกว่า ชาติที่แล้วแม่แกคงเป็นหนอน ชาตินี้ถึงได้กินผักทุกวัน  
พ่อเล่าอีกว่าบางครั้งเป็นลมระหว่างทางปั่นจักรยานไปขายผักเพราะประหยัดน้ำมัน 
มันเป็นมุขตลกที่ฉันไม่ค่อยจะขำสักเท่าไหร่ 
ฉันบอกตัวเองว่าต้องทบทวนการใช้ชีวิตที่มีให้มากกว่านี้ 
 ฉันให้คนสองคนที่ให้ฉันมาทั้งชีวิตได้แค่นี้จริงหรือ 
ฉันรักตัวเองมากไปไหม และรักท่านทั้งสองน้อยไปไหม 
ฉันรู้คำตอบนี้ดีอยู่แก่ใจ 
และฉันก็รู้แล้วว่า...การฉลองเงินเดือนออกในเดือนหน้า  ฉันจะทำอย่างไร
 ผักของแม่ฉันมีค่ามาก 
ไม่ใช่ราคีสิบของมันที่แม่ขายได้ 
แต่เป็นราคาที่แลกด้วยจิตสำนึกของความเป็นลูกที่ดี
ที่ฉันทำหล่นหายไปกับแสงสีในเมืองกรุงฯเมิ่อไหร่ฉันก็ไม่อาจรู้
***รักพ่อกับแม่มากค่ะ***
				
23 พฤษภาคม 2551 20:50 น.

อวัยวะที่หายไป

ปารมิตา

หัวใจ ? ไม่สิ เธอไม่ใช่หัวใจอย่างแน่นอน 
ก็หัวใจของฉันมันยังเต้นอยู่ในอกตุ๊บตับอยู่นี่ไง
 ถึงมันจะผิดจังหวะไปบ้าง จากตอนที่ฉันมีเธอ 
เมื่อก่อนหัวใจของฉันมันเต้นไปซึ้งไปกับเพลง พรมลิขิต ของ Big ass 
 แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนอารมณ์ไปเต้นไปน้ำตาคลอเบ้าไปในเพลงแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ ของออฟปองศักดิ์ 
แต่มันก็ยังเต้นอยู่นี่หน่า 
แล้วฉันทำอวัยวะส่วนไหนที่หายไปกันแน่หละทีนี้?
ฉันเริ่มสำรวจตัวเองอีกครั้ง ว่าอวัยวะส่วนไหนมันหายไปกันแน่เมื่อไม่มีแธอ  
หรือจะเป็นฟันกรามซี่ในสุดนะ  ใช่...ฟันคุดไง
ตอนฉันไปผ่านฟันคุดเมื่อห้าปีก่อน ฉันรู้สึกชาชา ตุ่ยตุ่ย ที่ริมฝีปาก  
แล้วหมอฟันก็เอาอะไรหว่า... ตอนแรกเลยเสียงมันเหมือนสว่านมาก เจาะเข้าไปในปากฉัน 
ฉันแอบมองรอดผ้าก็เห็นหมอเอาเตรื่องมือที่เหมือนไขควง หัวแบนแบน มาแซะฟันฉันออก
 เลือดกระฉูดเลยให้ตายสิ
 ถ้าจะเปรีบธอแป็นฟันคุด ก็ไม่น่าจะได้  
เพราะประสบการณ์ในการผ่าฟันคุดของฉันเ ถึงแม้จะเจ็บตัวไปบ้าง 
แต่ฉันก็ไม่เคยเจ็บใจ 
แต่ความรักที่ฉันมีห้เธอน่ะสิ มันน่าเจ็บใจชะมัดยาท 
แล้วงานนี้ก็ไม่มียาชาซะด้วย
หรือเธอจะเปรียบเหมือนดวงตาของฉันนะ 
 เขาบอกว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ 
 เธอเป็นคนรักของฉัน เธอก็ต้องเปรียบเหมือนดวงตาสิ 
แต่...ว่าตอนฉันมีเธออ่ะ โลกมันไม่ได้สดใสเลยนะ มันหม่นหม่น หมองหมองยังไงพิกล 
แต่วันที่ฉันตัดสินใจตัดเธออกจากชีวิตนี่สิ 
ฉันรู้สึกเหมือนมีน้ำมาล้างตา ใช่...น้ำตา 
ถึงไม่มีเธอแล้วหัวใจฉันมันจะหวิว หวิว ไปบ้าง 
แต่ดวงจาฉันมันกลับสว่างสดใส ฉันมองโลกได้กว้างขึ้น 
ได้เห็นอะไรมากกว่าเดิมซะด้วย 
ได้เห็นความจริงที่ฉันอาจมองข้ามันไป 
ฉันกลับมองเห็นมันชัดเจนเมื่อไม่มีเธอ 
ว้า...งันเธออก็ไม่ใช่ดวงตาน่ะสิ
ฉันคิดออกแล้วเธอเป็นอะไร 
ใส่ติ่งไง 
 ตอนฉันมีเธอชีวิตฉันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น
แถมเธอยังทำฉันเจ็บซะด้วยซ้ำ 
เจ็บจนทนไม่ไหว ต้องตัดออกไปจากชีวิต  
ตอนตัดออกไปแล้ว รู้สึกโล่งโล่ง โหวงโหวง
แต่ก็เบาสบายเหมือนตอนที่ไม่มีเธอไม่ผิดเลย 
เมื่อได้สติหลังจากตัดมันออกไป 
ก็รู้สึกเจ็บใจเหมือนตอนที่ตัดเธอ
 ฉันเลือกกินอาหารดีดี ดูแลตัวเองอย่างดี
ถ้าใส่ติ่งได้รับสารอาหารจากฉันบ้าง
มันน่าจะมีความสุขที่ได้อยู่กับฉัน
 แต่มันดันทรยศฉันทำฉันเจ็บปวด
 เหมือนเธอไงที่เลี้ยงไม่เชื่อง ให้ความรักไปเท่าไหร่ ก็ไม่ซึ้ง 

ใช่...แล้วเธอเหมือนใส่ติ่งจริง จริง ด้วย
 ตอนตัดออก อาจจะเจ็บสักหน่อย 
แต่ถ้าได้พักสักนิด ก็กลับมาทำงานได้เหมือนเดิม 
เหมือนฉันตอนนี้ไง ที่กลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมแล้วถึงไม่มีเธอ 
อาจจะดีกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำที่ไม่ต้องคอยระแวง  
ว่ามันอาจจะเจ็บขึ้นมาอีก เมื่อไรก็ไม่รู้
โธ่เอ้ย ที่แท้เธอมันก็แค่ไส้ติ่ง....

				
23 พฤษภาคม 2551 12:21 น.

ขอบคุณพระเจ้า

ปารมิตา

พี่สาวคนหนึ่งเคยถามฉันว่า ถ้าให้เลือกคนที่ฉันรัก....กับคนที่รักฉัน ฉันจะเลือกใคร
 ฉันตอบโดยไม่ลังเล ว่า...ฉันเลือกคนที่ฉันรักอย่างแน่นอน 
ถ้าฉันต้องทนอยู่กับคนที่ฉันไม่ได้รัก 
ถึงเขาจะรักฉันสักแค่ไหน แล้ว...ฉันจะมีความสุขได้อย่างไร 
พี่สาวคนที่ถามตอบกลับฉันมาว่า เขาก็เคยคิดเหมือนฉัน 
ตอนเขารียนมหาวิทยาลัยมีคนถามคำถามนี้กับเขาเช่นกัน  
เขาเป็นเพียงหนึ่งในสองคนของห้องเรียน ที่ตอบว่าเขาเลือกคนที่เขารัก 
แต่...มาวันนี้เขาได้รู้แล้วว่าการเลือกคนที่รักเขา มันมีความสุขมากแค่ไหน 
แต่ฉันก็แอบค้านอยู่ในใจว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไรถึงแม้ไม่ได้พูดโต้ตอบออกไป 
ฉันเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูง 
เชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิด และตัดสินใจ เรียกว่าหัวดื้อเลยทีเดียว 
 แล้วเมื่อประมาณ สาม ปีที่แล้ว ก็มีเหตุการที่ทำให้ฉันได้เจอกกับรักครั้งแรก 
ในวัยที่คนอื่นอาจจะพบความรักมาแล้วหลายสิบครั้ง 
ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแก่ แต่ก็ที่มีรักครั้งแรก ตอนจบมหาวิทยาลัย ก็คงจะไม่ใช่เด็กแล้วเช่นเดียวกัน
ความรักในฝันมันนช่างหอมหวาน ยั่วยวน และสวยหรู 
แต่ความรักของฉันไม่ได้สวยหรูเหมือนนิยายที่ฉันชอบอ่าน 
ฉันต้องร้องไห้บ่อย บ่อย  เพราะคนที่ฉันรัก 
ความรักยังทำให้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเอง 
ความรักเอาผู้หญิงเข้มแข็งคนเก่าไปซ่อนไว้ที่ไหนฉันก้ไมรู้ 
ที่ฉันรู้แค่ว่าความรักของฉันมากับพร้อมความคาดหวัง 
แต่ความคาดหวังที่ไม่เคยสมหวังมันช่างเจ็บปวด... 
ฉันยังยืนยันที่จะรัก ขอแค่ได้รัก ขอแค่ความสุขเล็ก เล็ก ที่ได้จากความรัก
ให้มันช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจให้ฉันอยู่ต่อไป ฉันคงไม่ขออะไรมากไปกว่านี้ 
ฉันไม่อาจอยู่ได้เมื่อไม่มีรักและไม่มีคนที่ฉันรัก
 ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอและขี้เหงา 
เพื่อนสนิทของฉันบอกกับฉันว่าความสุขเล็ก เล็ก ที่ฉันขอ มันช่างเล็กน้อยเสียนี่กระไร
 เพราะความทุกข์และน้ำตาขอฉันกลบมันซะมิดจนมองไม่เห็นความสุขเล็ดรอดออกมา 
แต่จะมีใครโชคร้ายไปซะทุกเรื่อง 
อย่างน้อยฉันยังมีเขาใครอีกคนที่อยู่เคียงข้างฉัน 
เขาเข้ามาในฐานะเพื่อน คอบปลอบใจเวลาฉันร้องไห้ 
ให้ยืมหน้าอกซบเวลาบ่อน้ำตาของฉันขยันทำงาน คอยเป็นที่ปรึกษาเวลาฉันมีปัญหา  
ในวันที่คนรักของฉันไม่ว่างจะมาสนใจปัญหาของฉัน 
แล้ววันนึงเขาก็บอกกับฉันว่า...
ฉันจะดูแลเธอเอง ไม่เข้าใจทำไมเธอต้องร้องไห้บ่อยขนาดนี้ ไม่เข้าใจว่าผู้ชายที่เธอรัก เขาเป็นผู้ชายยังไงถึงทำให้เธอร้องไห้บ่อย บ่อย ถ้าฉันเป็นเขาฉันจะไม่ทำให้เอร้องไห้... 
เขาขอโอกาศจากฉัน
แต่ใครจะรู้ว่าความรักมันไม่ง่ายอย่างที่คิด
ฉันยังมีความสุขกับการร้องไห้ กับการได้รักคนที่ฉันรัก 
มีคนที่ฉันรักอยู่เคียงข้างบ้าง 
ถึงแม้บ่อยครั้งที่คนรักของฉันก็ต้องแบ่งเวลาไปเคียงข้างคนอื่นด้วย 
มันไม่ง่ายจริง จริง ที่จะเปลี่ยนใจไปรักเขาใครอีกคนที่อยู่ข้าง ข้าง ฉัน 
ถึงแม้ว่าฉันจะได้รับความรักจากเขามากมายสักแค่ไหน 
เขาใครอีกคนของฉันเขาจะเสียใจไหมนะ 
ถ้า...รู้ว่าฉันรับเขาเข้ามาเพื่อเป็นตัวแทนของใครบางคน
เขาจะเสียใจไหมที่ฉันคุยโทรศัพท์กับเขานาน นาน เพื่อแทนที่ใครอีกคนที่ไม่เคยคิดจะโทรหาฉันเลย 
จะเสียใจไหมที่เวลาฉันอยู่กับเขา ฉันแอบคิดถึงใครอีกคนอยู่เสมอ 
ถ้าขาได้รับรู้มันแล้วสียใจ ฉันคงพูดอะไรไม่ได้
นอกจากคำว่าขอโทษ
แต่เวลาสามปีที่ผ่านมาก็ทำให้ฉันได้รู้ว่า ความอดทนย่อมมีจุดสิ้นสุด 
และความรักที่เขาใครอีกคนของฉันให้ฉันมามันช่างยิ่งใหญ่และมีค่ามากมายแค่ไหน 
มันค่อย ค่อย แทรกซึมเข้ามาในหัวใจ 
แทรกเข้ามากลบความเลวร้ายที่คนรักของฉันทำกับฉัน 
ความทรยศ การหักหลังที่ได้จากคนรัก ถูกชดเชยด้วยความรักของเขาใครอีกคนที่มีให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
ฉันได้เรียนรู้แล้วว่า...การที่รักคนที่เขารักเรามันมีความสุขแค่ไหน 
ได้รู้แล้วว่าเขามีค่าแค่ไหนสำหรับชีวิตฉัน 
และชีวิตที่เหลือของฉันจะมอบให้ใครดูแล 
ถ้าเขาได้อ่านเรื่องราวทั้งหมดนี้ ขอให้เขารับรู้ด้วยว่า ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งก็รักเขาเช่นกัน 
อาจจะไม่มากเท่ากับควมรักที่เขาให้มา
แต่...ขอสัญญามันจะมากขึ้นทุกวันนับตั้งแต่วันนี้...จนถึงวันสุดท้ายที่ฉันมีลมหายใจ
ขอบคุณณพระเจ้าที่สร้างผู้ชายดี ดี อย่างเขาขึ้นมาบนโลกใบนี้ 
ขอบคุณกับบททดสอบที่ทำให้ฉันได้พบกับรักแท้  
และขอบคุณเขาที่อยู่เคียงข้าฉันเสมอมา.ขอบคุณจริง จริง

***แล้วคุณหละ จะเลือกอะไร ???
ระหว่างคนที่คุณรัก และคนที่รักคุณ 
แม้ว่าาคุณจะเลือกอะไร ก็ขออวยพรให้คุณเจอเขาคนนั้นของคุณเร็ว เร็ว ก็แล้วกัน 
แต่ถ้าคุณเจอเขาแล้ว  อย่าลืมที่จะรักษาเขาไว้ด้วยความรักทั้งหมดที่คุณมี***
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปารมิตา
Lovings  ปารมิตา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปารมิตา
Lovings  ปารมิตา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปารมิตา
Lovings  ปารมิตา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงปารมิตา