22 มกราคม 2551 00:53 น.
ปางสีฝุ่น
เดินโดดเดี่ยวเดียวดาย......กลางสายฝน
คราวครวญค้นครุ่นคิด........จิตสั่นไหว
หนาวเหน็บเนื้อแนบเนา....เข้ากลางใจ
หวนเหตุให้เหินห่าง............อย่างร้าวรอน
ก่อนกุมเกาะก้อยเกี่ยว........คอยเหนี่ยวรั้ง
พลันพลาดพลั้งพลัดพราก....จากเขตขรณ์
แอบเอื้อนเอ่ยเอื้ออ้าง..........อย่างอาวรณ์
จำจากจรจองจด....................บทฝังใจ
เรื่องรักร้าวรุมเร้า...............เฝ้าตามติด
จึงจารจิตจับเจต..................เหตุไฉน
ข้อข้องขานขื่นขม.................ข่มฤทัย
หวังวาดไว้เวียนวาง............ใน..ทาง..กลอน
( หวั่นไหวในบางครา...หวาดผวาในบางคราว )
21 มกราคม 2551 11:11 น.
ปางสีฝุ่น
จาก..สองสายธาร..
ต่างเอื่อยรินล่องไหลผ่าน..
บนเส้นทาง..สายกาลเวลา..
ภายใต้แสงเงา..แห่งดวงตะวัน..
หนึ่งคือสายธาร..เอื้ออารีย์จากใจฉัน..
และอีกหนึ่ง..คือ..ลำธารความฝัน..ของเธอ..
ต่างรินไหล..แล้วหลอมรวมไว้..จนเป็นหนึ่ง..
ณ.ตรงจุด...ซึ่ง..สายลมละเมอ..
ดั่งฉัน..และ..เธอ..เอื่อยไหลไปบนความเข้าใจ
เกิดเป็น..พันธนาการ..ของ..สองสายน้ำ
กับ..ความผูกพัน..อันยิ่งใหญ่..
ซึมซับ.รับรู้..ในความห่วงใย..
หลอมรวมกันเป็น..แม่น้ำสายใหญ่...
ภายใต้ดวงตะวัน.สีทอง
++ - - - - - ++
จากหนึ่ง..แม่น้ำสายใหญ่..
ร่วมล่องรินไหลผ่าน.
บนเส้นทาง..สายกาลเวลา..
ภายใต้แสงเงา...แห่งดวงตะวัน..
แล้วไหลแยก
แตกจากกัน..เป็น.สอง.เส้นทาง..
หนึ่งคือสายน้ำว่างเปล่าในใจฉัน..
อีกหนึ่งคือ..สายน้ำฝันสลาย..จากเธอ..
ณ.ตรงจุดปลาย...สายลม..ละเมอ..
ดั่งฉันและเธอ..ต่างหลงทิศทาง
ร้างไร้....ความเข้าใจ..
หลุดพ้น..พันธนาการจาก..หนึ่งแม่น้ำ
ไร้สิ้นซึ่งความผูกพัน..อันยิ่งใหญ่..
เลือนลาง..ห่างหายใน..ความห่วงใย..
ต่างเป็นสายน้ำเดียวดาย
ใต้ดวงตะวัน.สีทอง
19 มกราคม 2551 19:09 น.
ปางสีฝุ่น
เจ้า..ผู้มา...จากม่านฟ้าหม่น
อาจจะด้น..ค้นหาดาว..ก้าวละดวง
ที่ศูนย์กลาง..ลานโลกอุ-ปโลกลวง
ดั่งติดบ่วง..บาศก์.มณี..สีดอกเลา
ครั้นดวงจิต..ลิขิตลาย..ไม้เนื้ออ่อน
กระทบร้อน..ก็โชนขอน..คุถ่านเถ้า
ปละปลิวว่อน..วะหวิวไหว.ให้บางเบา
เพียงลมเป่า..ก็เป็นฝุ่น..กรุ่น.กำจาย
เจ้า..ผู้มา..จากม่านฟ้าเหงา
อาจจะเหลือ.เรื่องเล่า.อีกหลากหลาย
จากโลกกร้าน..กลางหมู่ชน..กล.อุบาย
รอ.สลาย.คลายเกลียว.ปลดเหนี่ยวตรวน
อันโลกสวย..ด้วยเจ้าสร้าง..ไว้ต่างสี
หากยังมี..ที่แสร้งสร้าง..อีกบางส่วน
คือซึมซับ..กับเศร้าโศก..วิโยคครวญ
เร้า.ระบวน..จนรวนร่ำ..ธรรมารมณ์
และเจ้า..ผู้มา..จากม่านฟ้าไกล
โภชนาการ..ทางสายใหม่..ให้เหมาะสม
นั่นน้ำค้าง..มันเปื้อนปร่า..มากับลม
จะพร่างพรม..ดมดอก..พอ.ลอกดวง
ปลดระวาง..เถอะเส้นทาง..ที่ลางร้าย
มาผุดพราย..สายน้ำใหม่..ให้ฉ่ำช่วง
สู่หนทาง...แห่งธรรม-ชาติทวง
ร่วมต่อรัง..แต้มรวง..เพื่อบ่วงใบ
กับตัวข้าฯ..ในม่านฟ้าทางนี้
ยังดื่มด่ำ..ดาฬ.กวี..อันอ่อนไหว
ทั่วเขตขอบ..ธสีมา..พนาไพร
สดับเสียง..สายน้ำไหล..ไร้.มายา
คีตกาล..กึกก้อง..ร้องโหวยโหวย
ระร่ำโหย..หวน.นั้น..มัน.เพื่อนข้าฯ
ตะโบมเบ็ง..บทบรรเลง..เพลง.เวทนา
จากเถื่อนแถว..แนวป่า...ด้วย..อาลัย
และตัวข้าฯ..ในม่านฟ้าหม่นดำ
จะหยิบยืม..ความทรงจำ..จากลมไหล
เพื่อปลอบปลุก..ประยุกต์เจต..เหตุปัจจัย
ทอ..ยวงใย...ให้พร่ำพร้อย...สู่รอยจันทร์
ณ.ลานโลก..ผ่าศูนย์กลาง..ยังว่างเปล่า
สถาปนา...บัลลังก์เงา...ให้เจ้าฝัน
อีกสายลม..ร่วมทบทาบ..อาบนิรันดร์
สานสัมพันธ์..บนดินดาน..ด่านเวลา
คลี่ใจข้าฯ..เข้าห่ม..บ่มใจเจ้า
มือจับมือ..คือมือเรา..จะเนาฟ้า
หลับเถิดหนอ..เจ้ามิ่งขวัญ...กัลยา
ดาวของข้าฯ..เริ่มคล้อยเคลื่อน..เหนือ..เขื่อน..คลอง..
................................................................................
( น้ำค้าง..คงร้างคำ..คราโรยแรง..แห่งอรุณ )
19 มกราคม 2551 12:07 น.
ปางสีฝุ่น
นาฏกรรมแห่งดวงดอกใบ
สู่แสงสาย.พรายพรางระหว่างฝัน
จากจวงจันทร์หันหางระหว่างหาว
คือคืนค่ำย่ำย่างระหว่างดาว
นวลแนบหนาวก้าวกลางระหว่างไพร
เมื่อหม่นหมอกออกอ้างระหว่างถิ่น
ดงดิบดินกลิ่นกลางระหว่างไม้
ดึงดอกดวงบ่วงบางระหว่างใบ
หยอกยวงใยไขว่ขวางระหว่างยล
ยามเยื้องย้ายคล้ายค้างระหว่างฟ้า
ร้องเริงร่าท่าทางระหว่างฝน
เกาะกุมเกี่ยวเรียวร่างระหว่างตน
เพียงพัดพ้นวนวางระหว่าง..วัน..
.......................................................
( ดวงดอกไม้ใต้ผืนฟ้าหลังคาโลก..จะศัลย์โศกหรือซานซมกับลมไหน )
18 มกราคม 2551 19:50 น.
ปางสีฝุ่น
อ้อมกอด..แห่ง..อารมณ์
ในอ้อมกอดดวงตะวัน
ข้าฯรังสรรค์..เส้นทางฝันอันดิบชื้น
ถม.ช่องว่าง..หว่างทางเท้าที่เข้ายืน
ข้าฯ..ตอบตื่น..ชำเลืองโลก..และ..โชคชะตา
ในอ้อมกอดของสายลม
ข้าฯซานซม..สู่เส้นทางสายเหว่ว้า
คราวหมุนคว้าง..กลาง.ลมวน..กล.เวลา
ข้าฯสบตา..กับฟ้าหลัว.ไร้กลัวเกรง..
ในอ้อมกอด.แห่งรัตติกาล
ข้าฯสดับ.เสียงศัพท์ขานจากบทเพลง
ครั้นเดือนฉายพรายนวลชวนบรรเลง
ข้าฯ..ครื้นเครงความเหลวแหลก..จนแตกตัว
ในอ้อมกอด.ของแสงดาว
ข้าฯรวดร้าว..กับเงาโลกโศก.สลัว
ยังหลอนไหลในจุดหมายคล้ายหม่นมัว
ข้าฯ..ปลิดขั้วละทิ้งฝัน..อันจางเบา
ในอ้อมกอดของไอดิน
ข้าฯ.ดื่มกิน..ถึงแก่นกลางความว่างเปล่า
คราว..ละออง..ของน้ำค้าง.ชี้ทางเหงา
ข้าฯ.คลุกเคล้า..เพื่อประจาน..ประหารใจ
ในอ้อมกอดโลกใบเก่า
ข้าฯแนบเนา..กระทบหนาว..ดาวดวงไหน
ณ.จุดหมายปลายทาง..ที่ห่างไกล
ข้าฯอาจได้ลมอ้างว้าง..เป็นรางวัล
.........................