19 มีนาคม 2553 17:50 น.
ปาง_สีฝุ่น
๐...สะพานไม้ไผ่...๐
๐.ทิ้งเงาเหงาเงียบอันเรียบง่าย
เหนือสายน้ำหลากกระชากฉ่ำ
ทบท่อนนอนทอดตลอดลำ
ขึงค้ำแนวขวางบนทางธาร
๐.จึ่งฉากภาพฉายระบายชัด
บัญญัติจากช่วงตะวันฉาน
พลังไผ่พาดแผ่นเป็นสะพาน
ผูกดินแต่ละด้านสู่เดียวกัน
๐.ทีละข้อต่อปล้องขึ้นรองรับ
ทีละก้าวกระหยับกลับไหวสั่น
ทีละกลุ่มดุ่มเดินเนิ่นนานวัน
ณ.ฝั่งนี้.ฝั่งนั้นด้วยบรรณา
๐.พอร่องลำแรกแตกริ้วหม่น
ยังคนย่ำผ่านสังขารค่า
ร่วงหลุดทรุดหยั่งฝั่งธารา
เป็นวิ่นเหว่ว้าแห่งวันวาน
๐.เหลือส่วนล้วนซากจากบางเสี้ยว
สะดุ้งเดี่ยวกับแดดที่แผดผลาญ
สักกี่ปล้องต้องสู้ฤดูกาล
ก่อนจะซานล้มซับขยับเซ....ฯฯ
---------------------------------
"ปางสีฝุ่น"
....คล้ายครวญรวนคำยามค่ำคอย....
....จึ่ง.ร่ำร้อยวลีรสพจนา....
คือคน..เขียนคำ..โดย.."ปางสีฝุ่น"
18 มีนาคม 2553 17:36 น.
ปาง_สีฝุ่น
๐...วาระสุดท้ายแห่งมาลี...๐
๐..เกลากิ่งก้าน.รานริด.ที่ผิดแปลก
ปลิดขั้วเรียว.เขียว,ใบแรก.แล้วแทรกเสริม
เป็นดอกดวง.ดุจดำรง.มิคงเดิม
พอแต่งเพิ่ม..เติมช่อ...ก็..อรชร
๐..คือดอกจูบ.รูปจันทร์.แจกันแก้ว
วางเหนือแถว.ใบไม้.ริ้วลายสลอน
เฉกหนึ่งเนื้อ.ปีกหงส์..ณ.วงละคร
เผาะกลีบสาว.ราวจะฟ้อน.อ้อนแสงไฟ
๐..ครั้นสิ้นฉาก.มโหฬี.เวทีร้าง
รอยที่เหลือ.คือร่าง.ข้างกองไม้
แจกันแก้ว.ไม่ขานขับ.จับรูปใจ
ถูกทิ้งขว้าง.ทางเท้าใด.ใครรู้.ฤา ?.
๐..จึงหลุดกลีบ.ร่วงกราว.เหมือนหนาวน้ำ.
ผลัดดวงดอก.ชอกช้ำ.อย่างดึงดื้อ.
กลบรอยร้าว.ราวหม่น.หล่นหลุดมือ
กลางลมพัด.ลัด,กระพือ.เพียงลำพัง
๐..ริมขอบทาง.ข้างเถิน.พะเนินว่าง
รอคอยคาว.น้ำค้าง.อย่างหมดหวัง
จวบรูปฉาย.ไม่จำหลัก.จัก.จีรัง
จบรูปใจ.ไหวภวังค์.ซังกะตาย
..........
๐..นั่น!.น้ำตา..มาลี..รึ.ผีเสื้อ..?
หอบลมใด.ไปเผื่อ.เมื่อเธอพ่าย
หรือเจ้าแสร้ง.สำแดงเล่ห์.เพทุบาย
จูบรอยร้าว.สุดท้าย.แห่งมาลี....ฯฯ
------------------------------------
"ปางสีฝุ่น"
17 มีนาคม 2553 18:36 น.
ปาง_สีฝุ่น
๐...การเคลื่อนไหวของตะเกียง..๐
๐..แห่งคืนมืดดับจันทร์หลับไหล
คล้ายผวยแพรไหมห่มฟ้ากว้าง
หยาดฝนหล่นฟองละอองบางบาง
เย็นลมโบกโยกบ้างอย่างเบาเบา
๐..อยู่ในมุมมืดขังเหมือนบังคับ
เพลิงขยับไฟก่อตะเกียงเก่า
ผลาญไส้ไหม้เชื้อเพื่อบรรเทา
ประหารมืดรุมเร้าตลอดราว
๐..เผาไหม้ไส้หมองจวนหมดสิ้น
ส่องดินใช่จะถึงซึ่งแดนหาว
ตะเกียงเอย.ต่างชั้นตะวัน,ดาว
นั่น!ลมว่าว.เริ่มตีรวนม้วนทะแยง.
๐..วูบไหววูบไหวใกล้จะดับ
เร่งพลังต้านรับขับลำแสง
วูบไหวระริกโรยระโหยแรง
ราวดื้อแพ่งเปล่งค่าฝ้าแสงไฟ
๐..เปลวตะเกียงเพียงน้อยคอยส่องทาง
ค่าเจ้าหรือ.คือบางอย่างที่เคลื่อนไหว
มิอาจส่องให้ซึ้งถึงแก่นใจ
จึ่งมิกล้าประกาศชัยเหนือดาริกา
๐..พอหลุดพ้นพันธนาแห่งกาฬปักษ์
พอประจักษ์รุ่งแสงแห่งอุษา
ตะเกียงเก่ามอดไหม้ดับไฟชรา
ขณะโพ้นขอบฟ้าทาสีตะวัน....ฯฯ
------------------------------------------
"ปางสีฝุ่น"