7 มิถุนายน 2546 15:41 น.
ปากกาเวทมนตร์
การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ ๑๓ ต่อ ๒ เสียง เห็นด้วยว่าการที่หญิงที่แต่งงานแล้วต้องใช้นามสกุลของฝ่ายชายเป็นการขัดกันกับสิทธิพื้นฐานในรัฐธรรมนูญว่าด้วยการมีสิทธิเท่าเทียมกันของหญิงและชาย
ให้หญิงที่แต่งงานแล้ว (จดทะเบียนสมรส) มีสิทธิ์เลือกใช้นามสกุลเดิมหรือนามสกุลของสามีก็ได้
อีกทั้งบุตรที่เกิดมาก็สามารถเลือกใช้นามสกุลของพ่อหรือแม่ก็ได้
...........................................
ยังครับ..
คุณผู้หญิงทั้งหลายอย่าเพิ่งแสดงความดีอกดีใจจนเกินเลย เพราะคำวินิจฉัยอันสร้างประวัติศาสตร์ให้กับสังคมครอบครัวนี้ ยังอาจนำมาซึ่งปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวที่ไม่ควรจะต้องเกิดขึ้นได้
๑) ความแตกแยกในการใช้นามสกุล ฝ่ายชายที่ยังคงเห็นแก่ตัวยังมีอีกมากย่อมไม่อยากให้ภรรยาของตนหรือลูกใช้นามสกุลอื่นที่ตัวเองเป็นผู้สืบสกุล จะทำอย่างไรหากมีข้อขัดแย้งที่ฝ่ายหนึ่งไม่ยอม
๒) เป็นการโยนปัญหาทางเลือกไปยังเด็กที่เกิดมาโดยไม่จำเป็น เลือกนามสกุลอะไรดี..อาจเลยเถิดถึงขั้น รักใครมากกว่ากัน ก็เลือกนามสกุลนั้น
๓) ผมไม่แน่ใจว่า ภรรยาและเด็ก สามารถเปลี่ยนกลับไปกลับมาระหว่างสองนามสกุลได้หรือไม่ ถ้าได้เป็นเรื่องยุ่งแน่นอนครับ แต่หากไม่ได้ก็ยุ่งอีกเหมือนกัน ในกรณีที่ตอนหลังพ่อแม่แยกกันอยู่ และเด็กต้องอยู่กับฝ่ายที่ไม่ใช่เจ้าของนามสกุล หากเปลี่ยนกลับไปมาได้ ก็ยังมีปัญหาเรื่องนิติกรรมทางกฎหมายที่ต้องระบุชื่อ-สกุลให้ถูกต้อง รวมถึงกรณีของมรดกตกทอดที่ได้จากพ่อ-แม่ หรือ ปู่-ย่า ตา-ยาย ที่เป็นของฝ่ายชายและหญิง
๔) อาจมีปัญหาเรื่องความเป็นเอกภาพของครอบครัว ต่อไปอาจมีกรณีที่พี่น้องร่วมสายโลหิตต้องใช้สองนามสกุล
๕) ผมทำนายไว้ก่อนเลยว่า ปัญหาการหย่าร้างจะสูงขึ้น เพราะความไม่รู้สึกผูกพันเป็นหนึ่งเดียวกันของทั้งสองฝ่าย ซึ่งในอดีตประเพณีของทั้งไทย - จีน เคยสอนลูกหลานว่า..แต่งงานแล้วก็เสมือนหนึ่งเป็นคนเดียวกัน นั่นเป็นจิตวิทยาที่คนโบราณสอนให้รักใคร่เป็นหนึ่งเดียวไม่อาจพรากได้ จึงให้ใช้นามสกุลเดียวกันด้วย แต่ต่อไปนี้ในแง่จิตวิทยาเหมือนกัน ผู้หญิงจะรู้สึกว่า ตัวเองมีอิสระที่จะไม่ผูกมัดด้วย และชายเองก็จะรู้สึกว่า ตนเองเป็นโสด
ความยับยั้งชั่งใจของฝ่ายหญิงเวลามีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งที่ว่า แต่งให้เขาแล้ว ใช้นามสกุลของเขา เป็นของเขา จะน้อยลงไปคำวินิจฉัยประวัติศาสตร์อันนี้ได้ยุติปัญหาเรื่องสิทธิเสรีภาพของสตรีในเรื่องของการถูกริบนามสกุลอย่างไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นมาช้านานแล้ว แต่ ก็กำลังเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหม่ที่สังคมไทยยังไม่เคยประสบ
ยังไง ๆ ก็ขอแสดงความยินดีกับผู้หญิงไทยทุกคนครับ สิทธิเสรีภาพที่ได้รับในกรณีนี้ ขอให้ใช้ด้วยวิจารณญาณของความพอดี พอเหมาะ โดยคำนึงถึงสถานภาพของครอบครัวด้วยนะครับ
ด้วยความปรารถนาดี
จากคุณ : *bonny
โดยส่วนตัวเห็นดีด้วยกับทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก้อแล้วแต่
ผมให้สิทธิผู้หญิงมากด้วย ให้เกียรติมากด้วย รักมากด้วย
แต่ความรู้สึกที่จะตามใจฝ่ายหญิงนั้นกลับมลายหายไป
เพราะเมื่อคืน
เมื่อคืนผมดูรายการถึงลูกถึงคน
เห็นนางระเบียบรัตน์ ออกรายการแล้วรู้สึกน่ารักจังเลย เถียงข้างๆคูๆ จะเอาแต่ชนะ แต่ไม่คำนึงถึงผลทางสังคม
ศาลรัฐธรรมนูญก็บ๊องตื้นจังเลย เหตุผลเป็นสิ่งที่ขุดค้นหาได้ไม่รู้จบ แต่การออกกฏหมายต้องคำนึงถึงผลกระทบทางสังคม ทั้งประเทศ เขียนแล้วยังนึกถึงภาพนางระเบียบรัตน์ที่ตะบันจะเอาชนะจนหู ตา ปาก จมูก ขมิบๆ ด้วยอารมณ์ตอนที่ออกทีวีเมื่อคืน
แล้วยังจะให้มีคำนำหน้าผู้ชายอีกต่างหาก เช่น
นาง (ห.) ระเบียบรัตน์ พวงพานิช เป็นภรรยานาย (ค.)เสริมศักดิ์ พวงพานิช สามี
ให้ตายเถอะ คุณระเบียบรัตน์ครับ
ผมรักคุณ
สาธุ.........ใครเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเดิมขอให้มีอันเป็นม่าย
แต่จะแต่งหรือไม่แต่งยังงัยก้อขอให้เป็นคนดีของสังคมก้อแล้วกันครับ
สำหรับผม
หากมีใครคนนั้นที่จะมาแต่งงานกับผม
ถ้าไม่เปลี่ยนนามสกุลมาใช้ของผม
ไม่แต่ง!!!!!!!!
หวังว่าผมจะอยู่คนเดียวตลอดไปดีกว่า