21 ตุลาคม 2547 10:15 น.

เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นที่บ้านของฉันเอง...

ปอง

วันนั้นเป็นวันเสาร์  เมื่อฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ก็พบร่องรอยน้ำเจิ่งนองเป็นแห่งๆ เมื่อคืนฝนคงหนักสินะ (กรุหลับไม่รู้เรื่องเลย)  เช้านี้อากาศค่อนข้างแย่ ..มันหนาวเย็น  ฟ้าครึ้มดำ ถ้านาฬิกาปลุกที่หัวเตียงไม่ได้ปลุกฉันตอนหกโมงเช้าของทุกๆวัน ฉันก็คงคิดว่านี่คือหกโมงเย็น    เสียงลมพัดดังหวีดหวิวมาเป็นระยะ ..มาพร้อมกับความหนาวเย็นที่ทำให้ฉันขนลุกซู่   ..เอาวะ ไม่อาบน้ำตอนเช้าซักวันแฟนกรุคงไม่เลิกคบหรอก   ฉันมองเศษใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นบนพื้นเคลื่อนไปบนพื้นตามแรงของลม  พร้อมกับกระชับเสื้อคลุมยาวที่สวมนอนให้กระชับขึ้น  บรรยากาศที่มืดครึ้มและวังเวงประกอบกับสภาพบ้านที่เก่าและมีต้นไม้ใหญ่อยู่ข้างบ้านทั้งสองข้าง  มันทำให้ฉันเกิดความหวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่สามารถมองเห้นได้อยู่ลึกๆในจิตใจ

หลังจากที่ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนอนเป็นเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์เรียบร้อยแล้ว  ฉันก็เปิดคอมพิวเตอร์ ส่วนตัวในห้องนอน  ขณะที่รอคอมพิวเตอร์โหลดเครื่อง  ฉันก็ดึงสายโทรศัพท์ออกจากเครื่องเพื่อต่ออินเตอร์เน็ต  วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ว่างมากๆของฉัน พ่อกับแม่ไปงานงานขึ้นบ้านใหม่ของเพื่อนที่ต่างจังหวัด  พี่ชายไปค้างบ้านเพื่อน แฟนก็ไปทำงานพิเศษ  ฉันคงต้องนั่งเล่นเน็ตอยู่คนเดียวทั้งวัน   ฉันเสียบสายโทรศัพท์เข้ากับสายของเครื่องคอมพิวเตอร์  ระหว่างที่รอก็ลุกไปหยิบนมในตู้เย็นที่ห้องครัว  

บ้านของฉันเป็นบ้านไม้สองชั้น  มีอายุนานพอสมควร ได้ยินว่าเป็นบ้านของคุณยายที่ยกให้แม่  เวลาผ่านมาหลายทศวรรษ สภาพบ้านเริ่มทรุดโทรมลงแต่มันก็พออยู่ได้  เมื่อครั้งที่ฉันยังเด็กๆ ครั้งที่คุณยายยังอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้  ฉันมักจะให้ยายเล่าเรื่องอะไรหลายๆอย่างให้ฟังอยู่เสมอ  ยายของฉันไม่ใช่คนหัวโบราณ ท่านเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน  ถ้าวันไหนที่พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน  ฉันกับพี่ชายจะไม่เคยเหงาเลย  ถ้าวันนั้นมีคุณยายอยู่ด้วย  แต่เมื่อสองปีที่ผ่านมา คุณยายก็เสียชีวิตไปซะเฉยๆ ด้วยการหลับตาย  

ฉันกลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้งเมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว  จนป่านนี้เครื่องยังต่ออินเตอร์เน็ตไม่ได้เลย  ฉันต่อสายใหม่ แล้วเงี่ยหูฟัง ไม่มีเสียงสัญญาณของโทรศัพท์  ฉันดึงสายโทรศัพท์ต่อเข้ากับเครื่อง แล้วยกหูโทรศัพท์ขึ้นฟัง  มันไม่มีเสียงอะไรเลย  --มีแต่ความเงียบ แม้ว่าฉันจะขยับสายโทรศัพท์หลายครั้งก็ยังคงไม่มีสัญญาณ มีเพียงแต่เสียงเงียบและเสียงซู่ๆซ่า ในบางขณะเท่านั้น  ฉันวางหูโทรศัพท์แล้วปิดคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง   มันช่างน่าเบื่อเสียจริงๆ  ขณะที่ฉันคิดเช่นนั้น อยู่ๆความคิดหนึ่งก็แว้บเข้ามาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ถ้ามีคุณยายอยู่ก็คงดี  ฉันรู้สึกถึงอาการโหวงเหวงในช่องอก ระหว่างที่นอนมองเพดานห้องอยู่นั้น อยู่ๆก็รู้สึกถึงความเย็นวาบขึ้นมา ห้องทั้งห้องวังเวง เหมือนเป็นสถานที่อื่นที่ฉันไม่คุ้น ฉันขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความหวาดกลัวลึกๆในจิตใจ  แล้วฉันก็เห็นใบหน้าของคนๆหนึ่งลอยอยู่ติดกับเพดานห้อง ผมสั้นประมาณคาง ผิวซีดๆของเธอคนนั้นส่งผลให้ขอบตาของเธอคล้ำจนน่ากลัว  ตามใบหน้ามีร่องรอยบาดแผลเหมือนกับไถลไปบนพื้นซีเมนต์ ดวงตาของหล่อนขาวเป็นสีเดียวกัน ไม่ปรากฏตาดำให้เห็น    เสื้อผ้าที่สวมฉีกขาดและเปียกโชกไปด้วยของเหลวสีแดง เลือด  ใบหน้านั้นลอยต่ำลงมา ต่ำลงมาเรื่อยๆจนจมูกเกือบจะชนกัน  ถึงตอนนั้นฉันได้ยินกลิ่นสาบแปลกๆ กลิ่นนั้นแรงมากจนฉันอาเจียนออกมาทั้งๆที่นอนอยู่ ร่างแน่นิ่ง รู้สึกได้ถึงอาการหน้าซีดเผือดของตัวเอง  ฉันหลับตาปี๋  ไม่กล้าที่จะลืมตามอง หลับตาอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าขยับส่วนใดในร่างกาย แม้กลิ่นสาบนั้นจะค่อยๆจางหายไปแล้ว  แต่ฉันก็ยังคงหลับตาอยู่ เวลาผ่านไปจนฉันปวดตาจึงค่อยๆลืมตาขึ้น  ผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้ว ห้องนอนของฉันกลับสู่สภาพเดิม แต่ฉันยากที่จะปรับตัว  สิ่งที่เห็นเมื่อกี้มันคือวิญญาณแน่ๆ หล่อนมีเหตุผลอะไร  ฉันคว้าผ้าห่มที่พับไว้ปลายเตียงขึ้นมาห่มคลุมโปง  แต่แล้วก็ได้ยินฝีเท้าใครคนหนึ่งเดินขึ้นบันไดไม้เก่าๆมา  เสียงฝีเท้านั้นถูกแทรกด้วยเสียงกึกๆเป็นระยะ เหมือนกับว่ามีคนแก่ที่ถือไม้เท้ากำลังเดินขึ้นบันไดมายังไงยังงั้น  เสียงนั้นเดินตรงมาที่ประตูห้องนอนของฉันช้าๆ  ฉันหลับตาใต้ผ้าห่มที่คลุมอยู่ทั่วตัว  เสียงเดินหยุดที่ประตูห้องฉันแล้วตามมาด้วยเสียงเปิดประตูดังแอ้ดเบาๆ แล้วก็เสียงปิดประตูเบาๆ เบาๆ-แต่ทำให้ฉันขนลุกซู่อีกครั้งในวันนี้  นี่มันอะไรกัน  มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน  ฉันไม่กล้าเปิดผ้าห่มออกดูแม้จะรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ฉันจะได้เห็นคืออะไร  แต่แล้วฉันก็รวบรวมความกล้าเปิดผ้าห่มส่วนที่คลุมหัวออก  ค่อยๆลืมตาขึ้น  ร่างของหญิงแก่คนหนึ่งนั่งอยู่ที่ปลายเตียง  หันหน้าไปทางประตู ร่างนิ่งไม่ขยับเขยื้อน  ลำคอของฉันแห้งผาก ฉันคิดว่าฉันเอ่ยคำว่า คุณยาย ออกมา แต่กลับได้ยินเสียงครวญครางด้วยความหวาดกลัวของตัวเองแทน  ไม่ได้หวาดกลัววิญญาณหญิงแก่ที่อยู่ปลายเตียง  แต่เป็นอาการหวาดกลัวต่อสิ่งที่กำลังจะขึ้น  สิ่งที่คุณยายกำลังเฝ้าดูอยู่  ฉันจ้องมองไปยังที่เดียวกัน ที่ประตูห้อง  ลูกบิดถูกหมุนช้าๆ ประตูแง้มออกเพียงเล็กน้อย ปรากฏเงาดำๆ และตาโตๆแอบมองลอดผ่านช่องว่างของประตูที่แง้มออก  ฉันขนลุกซู่ ได้ยินเสียงคุณยายพูดตะโกนไล่สิ่งนั้น  ที่ช่องว่างของประตูที่แง้มออก-ฉันมองเห็นร่างดำๆร่างนั้นก้าวขาที่ผอมและยาววิ่งลงบันไดไปด้วยความเร็ว ตามมาด้วยเสียงตึงตังๆดังไปทั่วบ้าน  ฉันเอาผ้าห่มคลุมหัวอีกครั้ง  แล้วกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวและสับสน   อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  

ป.ล.  มีต่อน้า........

...ฉันนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง  --คนเดียว   แต่ก็รู้สึกได้ถึงสิ่งที่วนเวียนอยู่รอบกาย  อยากจะหนีไปให้ไกล  แต่ไม่สามารถทำได้  แขนทั้งสองข้างมีตุ่มหนาวขึ้น  สมองทั้งสับสน มึนงง และหวาดกลัว  ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง  บรรยากาศยังคงอึมครึม  ฉันได้ยินเสียงกรีดร้องของสายลม   ลมพัดเข้ามาทางหน้าต่าง ฉันรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่สายลมพัดมา  --ไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อมมือไปปิดหน้าต่าง  ในใจของฉันตอนนี้นึกถึงพ่อ แม่ พี่ชาย  รวมถึงคนรัก  อยากให้เขาเหล่านั้นกลับมาหาฉันที่บ้านไวๆ  

ควรจะทำยังไงดี จะวิ่งหนีออกไป หรือจะรอให้คนมาหา  ระหว่างที่คิดตัดสินใจอยู่นั่น ฉันก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่ไม่มีตัวตนในบ้านหลังนี้อยู่เป็นระยะ  แล้วฉันก็ตัดสินใจที่จะหนี   3...2....1  ฉันกระโดดลงจากเตียง  เปิดประตูห้องออก แล้ววิ่งลงบันไดไปด้วยความเร็ว  ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากวิ่งตามลงมา หวาดกลัวจนต้องกรีดร้อง อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก   ประตูบ้านอยู่ตรงนั้นแล้ว   ฉันวิ่งตรงไปที่นั่น  มือคว้าลูกบิดแล้วหมุน โชคดีที่เมื่อเช้าฉันไม่ได้ล็อกประตูบ้าน   ฉันวิ่งหลับหูหลับตาออกมากลางถนนเล็กของหมู่บ้าน   กรีดร้อง-แล้วล้มลงนั่งอยู่ตรงนั้น-กลางถนน    คุณป้าคนหนึ่งปั่นจักรยานมาหยุดอยู่ตรงหน้า  หนูเป็นอะไรไปจ๊ะ  ฉันหยุดร้อง แต่ยังคงก้มหน้า  ไม่มีอะไรหรอกนะ ลุกขึ้นมาเถอะ  ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นช้าๆ  แต่แล้ว-เมื่อฉันเหลือบตามองไปที่เบาะหลังของจักรยานคุณป้า  ก็เห็นผู้หญิงแก่คนหนึ่งนั่งซ้อนท้ายอยู่  ใบหน้าซีดเผือดนั้นถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงฉานของเลือด  หญิงแก่คนนั้นเงยหน้ามองฉัน แล้วทำปากพะงาบๆคล้ายจะบอกอะไรสักอย่าง แต่กลับไม่มีเสียงออกมา  ฉันยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่อนขาที่สั่นเทา  ฉันมองไปรอบๆตัว  พบวิญญาณคนตายอยู่เต็มไปหมด   ทั้งบนต้นไม้ ใกล้ถังขยะ ในรถเก๋ง  บนถนน  บนรั้วบ้าน และข้างๆฉันเอง   รอบๆตัวเต็มไปด้วยวิญญาณที่มองมาทางฉัน   ฉันกรีดร้องด้วยเสียงโหยหวน  เหมือนกับว่าความทุกข์ของดวงวิญญาณเหล่านั้นถูกถ่ายทอดมาถึงตัวฉัน  อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  ฉันล้มตัวกรีดร้องอยู่กลางถนนก่อนที่จะหมดสติ  สายตาของฉันเห็นภาพรางๆของผู้หญิงแก่คนหนึ่ง ผู้หญิงแก่ที่มีใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม  ใบหน้าที่คุ้นเคยเหลือเกิน   ....คุณยาย  ฉันได้ยินเสียงตัวเองพึมพำก่อนที่จะไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก

ฉันลืมตาขึ้นช้าๆด้วยความเหนื่อยล้า  ในใจอยากจะนอนหลับต่อไปอีกนานแสนนาน แต่ไม่สามารถทำได้   ฉันรับรู้ได้ว่าตอนนี้กำลังนอนอยู่ในห้องของตัวเอง  มองออกไปนอกหน้าต่างก็พบแสงแดดที่สาดส่องทั่วฟ้า  ฉันเองรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก   ครอบครัวและคนรักนั่งอยู่รอบๆตัวฉัน  ตอนนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าดวงวิญญาณเหล่านั้นต้องการอะไรหนูต้องไปทำบุญค่ะแม่  พวกเขามาขอส่วนบุญ  ระหว่างที่พูดเช่นนั้น สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นร่างผู้ชายคนหนึ่ง ยืนอยู่ที่ระเบียงนอกหน้าต่าง ขอบตาลึกกลวงโบ๋  เขาจ้องมองมาที่ฉัน  หนูจะอุทิศส่วนกุศลไปให้พวกเขาค่ะ  ฉันพูดแล้วยิ้มน้อยๆที่มุมปากให้กับร่างนั้น  พลางได้ยินเสียงหัวเราะของคนกลุ่มใหญ่ดังก้องมาจากทั่วทั้งบ้าน
.......................................................................................................................				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปอง
Lovings  ปอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปอง
Lovings  ปอง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปอง
Lovings  ปอง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงปอง