2 พฤษภาคม 2553 20:07 น.
ปอกำปั่น
๏ มองเมฆลอยห่มฟ้ายังพาหวน
หน่วงนึกถึงเคยครวญให้ป่วนปั่น
เย็นลมดึกโชยผ่านทุกวารวัน
ยังคงฝันถึงชายที่หมายมอง
๏ ฟังเสียงหรีดหริ่งโหยที่โชยแว่ว
ยะเยือกแผ่วลมพัดยิ่งกลัดหนอง
ระทวยทุกข์ถมถั่งเมื่อหวังปอง
มาลอยล่องเลือนหายมลายไป
๏ คงเป็นเพลงหรีดกระหน่ำมาสำทับ
แว่วเสียงจับดวงจิตเหมือนพิษใส่
หยดลงผ่านจากตัวถึงขั้วใจ
กัดกร่อนไปเกินทั่วทั้งตัวตน
๏ เถิดจงมาความเศร้ามาเผาข้า
คือการท้าทายแกร่งทุกแห่งหน
ขอต้อนรับความแพ้แม้มืดมน
จะร้อยหนหมื่นครั้งก็ยังรอ
๏คงไม่เหลือสักครั้งความหวังนี้
ให้เรามีรักมั่นที่ฝันต่อ
เติมเต็มเปี่ยมใจป่นให้ล้นพอ
จะไม่ขอเกินนี้หากมีจริง
๏ มองเมฆลอยหม่นเคลื่อนจนเลือนลับ
ยินแต่ศัพท์สำเนียงของเสียงหริ่ง
ยามลมดึกยังหวั่นพรั่นประวิง
ถึงทุกสิ่งที่ผ่านมานานแล้ว ๚ะ๛
24 เมษายน 2553 20:31 น.
ปอกำปั่น
โสตสำเนียงยินเพียงเเต่เสียงเเผ่ว
จำนรรจ์เเจ้วแว่วสดับเพื่อรับรู้
ถ้อยความซึ้งตรึงในใจพธู
จากยอดชู้พี่พร่ำคำเว้าวอน
กาลก่อนเกยเคยเคียงแว่วเสียงขาน
สอดผสานทำนองดั่งร้องอ้อน
วารผันเปลี่ยนเวียนไปไยลืมรอน
แลรุ่มร้อนกร่อนซึ้งถึงทรวงใน
หยาดน้ำตาถาถั่งเข้าหลั่งรูป
รอยรสจูบซาบซ่านห้วงกาลใส
ยังหมุนวนอลอึงอยู่ขึงใจ
อีกเผาไหม้หมองหม่นจนป่นทรวง
แม้วันเดือนเคลื่อนคล้อยจะลอยผ่าน
เก็บความหวานบ่มลึกตรึกตรึงสรวง
รอยละมุนกรุ่นไอฝังในดวง
กี่วารล่วงเลยผ่านมิบรรเทา
หากแต่ยินเเม้เพียงถ้อยเสียงเเผ่ว
กังวานเเว่วหวามไหวของใครเขา
เคยสดับรับฟังยังบางเบา
ในส่วนลึกห้วงใจเราแอบเฝ้ารอ
23 เมษายน 2553 19:41 น.
ปอกำปั่น
๏ ตักรอง ตรองรัก นี้..............เคยหนุน
กายอุ่น กรุ่นอาย ละมุน...........นิ่มเนื้อ
เธอหมอง ท่องเหม่อ จุน..........เจือหม่น
นอนอุ่น หนุนอ่อน เอื้อ............อกนี้ ยามเสนอ ฯ
๏ เหม่อหา มาเห่อ ให้.............อิงพัก
โหยอ่อน ห่อนโอย จัก............ปลอบให้
แรงใจ ไล่แจง กัก.................ใจเปลี่ยว
ขอพบ ครบพอ ได้.................ตักน้องรอวัน ฯ
๏ ฝันคอย พลอยครั่น คร้าม.....เเนบชิด
คอยส่ง คงสอย ติด................ต่างถ้อย
เเรงฮึก ลึกแห่ง จิต.................ใจต่อ
เรียงมอบ รอบเมียง, ช้อย........พี่นั้น มาเสริม ฯ
๏ รอเติม เริ่มต่อ เร้า.................เเรงใจ
ชิดมั่น ฉันท์มิตร ใย.................เยื่อสร้าง
คลอพี่ คลี่พอ ใคร...................เคียงมั่น
คราหม่น คนมา ร้าง.................เลิกเเล้วลืมกัน ฯ
๏ วันใหม่ ไหวหมั่น เเม้น............มีเรา
เพิ่มต่อ พอเติม เขา..................ขับสู้
มอบตัก มักตอบ เนา................เนินอุ่น
พลันกอด พลอดกัน ผู้..............พร่ำเพ้อ ครวญเสียง ฯ
๏ คลึงเพียง เคียงผึ่ง น้อง.........ปลอบขวัญ
พลางกอด พลอดกลาง ฝัน........ผกเกื้อ
ใจคิด จิตใคร กัน....................เลือนห่าง
คิดต่อ คลอติด เอื้อ..................อุ่นให้ เราสอง ๚ะ๛
โคลงนี้เขียนเเด่ใครคนหนึ่ง ในยามที่เขาท้อเเท้
22 เมษายน 2553 12:56 น.
ปอกำปั่น
คราเมื่อรัก มักเหลือ ไม่เบื่อรัก
ใจยังปัก ยากไป ไกลหลีกหนี
เมื่อหมดรัก มักลด หมดฤดี
ใจหมองศรี มีสอง ต้องจากลา
คนหลายใจ รายจ่าย มากมายนัก
เมื่อเพิ่มรัก พักเริ่ม เพิ่มปัญหา
รักที่น้อย ถอยหนี เคยมีมา
รักหมดค่า มาคด ซดน้ำเมา
รักเคยหวาน ค้านเหวย เลยเกิดก่อ
รักจึงท้อ จ่อถึง คิดถึงเขา
เขาไม่รัก มักไล่ ให้ไกลเรา
เพราะโง่เขลา เงาโค ไง่เหมือนควาย
หนึ่งมีสอง มองซึ้ง ถึงอกขม
หัวใจบ่ม จมใบ้ ไร้ความหมาย
เมื่อไม่รัก มักเหลือ เบื่อเดียวดาย
ดั่งสลาย สายลาง ปางอกตรอม
จมความเหงา เฝ้างาม ตามลิขิต
เขาเคยปิด คิดเปรย เคยถนอม
มาเดี๋ยวนี้ ดีเหนี่ยว เปลี่ยวพยอม
หมดรักหอม ยอมหัก ต้องจากลา
จากกันไป ไกลปัน เคยฝันเเต่ง
รักหมดเเรง เเมงลด หมดคุณค่า
ถึงวันนี้ หวีนั้น ลั่นวาจา
รักถึงครา ถ้าคลึง ซึ้งจบกัน
21 เมษายน 2553 16:14 น.
ปอกำปั่น
เฝ้าแอบรัก..เเอบคิดถึง..แอบซึ้งจิต
แอบสนิท..แนบใจ..เพียงในฝัน
แอบห่วงหา..อาทร..เเอบผูกพัน
แอบไหวหวั่น..หวามไหว..แอบใฝ่ปอง
ยามได้พบ..หน้าเขา..เราต้องหลบ
ยามเผลอสบ..สายตา..ไม่กล้าจ้อง
ยามเขาเดิน..มาใกล้..ใจเริ่มพอง
ยามอยู่สอง..ครองสั่น..จนขวัญลา
อยากจะเอ่ย..เผยนัย..ให้เขารู้
อยากจะกู่..ร้องก้อง..บอกท้องฟ้า
อยากตะโกน..บอกภูเขา..เหล่านกกา
อยากกระซิบ..บอกจันทรา..ดาราพราย
จะเอื้อนเอ่ย..เผยไป..อย่างไรเล่า
จะบอกเขา..อย่างไร..ว่าใจหมาย
เเค่เพียงสบ-สายตา..ยังเอียงอาย
เหลือบชะม้าย..ชายเมียง..เลียบเคียงมอง
หากว่าเผย..เอ่ยนัย..เขาได้รู้
กลัวต้องอยู่..เศร้าตรม..ระทมหมอง
หากตัวเขา..ไม่มีใจ..ที่ใฝ่ปอง
เราคงต้อง..เขินเก้อ..เพ้อดายเดียว
ซ่อนรู้สึก..ลึกลึก..ไว้ดีกว่า
หากเผยใจ..เปิดมา..เขาไม่เหลียว
คงต้องฝืน..กลืนกล้ำ..ช้ำแน่เชียว
ยอมอยู่เปลี่ยว..เดี่ยวเปล่า..เหงาลำพัง.