9 พฤษภาคม 2546 22:10 น.
ปลายอ้อ
กลีบกุหลาบแรกแย้มเย้ยฟ้า
ท้าสายลมท้านภาไม่หวั่นไหว
หยอกเอินกับต้นหญ้าทุกคราไป
ยิ้มรับแสงแดดใสที่ส่องมา
สาดสายฝนนั้นระคนความชื่นฉ่ำ
เสียงสายน้ำเริงระบำแสนรวยร่า
เจ้ากุหลาบดอกน้อยกับวันเวลา
ผ่านสายลมผ่านธารฟ้ามาลำพัง
กุหลาบน้อยเฝ้ามองการแปรเปลี่ยน
วันเวลาวนเวียนอยู่ซ้ำๆ
ปรายหยาดฝนเคยระคนความชื่นฉ่ำ
ฝนกลับทำให้กุหลาบรับเปลี่ยนแปลง
ในเม็ดน้ำยังคงความเหงาร้าวร้าย
ดวงอาทิตย์มันมอดไหม้หากใกล้แสง
สายลมนั้นหนาวจับใจคล้ายทิ่มแทง
นภากว้างเกินมีแรงจะโบยบิน
เป็นกุหลาบดอกเล็กๆดอกเดียวนั้น
เจ้ากุหลาบเคยวาดฝันไว้หมดสิ้น
แต่ด้วยความเปราะบางเกินโผบิน
เจ้าจึงขาดผืนดิน ไม่ได้เลย
8 พฤษภาคม 2546 20:18 น.
ปลายอ้อ
เธอ คือแอ่งน้ำใสใจกลางป่า
เธอ คืออัญมณีล้ำค่าในใจฉัน
เธอ คือเสียงดนตรีไพเราะในวันที่เงียบงัน
เธอ คือทุ่งดอกทานตะวันยามเบ่งบาน
เธอ คือสายฝนอันฉ่ำชุ่ม
เธอ คือน้ำผึ้งรสนุ่มและหอมหวาน
เธอ คือสายลมเย็นสบายที่พัดผ่าน
เธอ คือรักแท้ยืนนาน ตลอดไป...
8 พฤษภาคม 2546 19:45 น.
ปลายอ้อ
อันความกตุญญู ต่อชาติ
คือเมื่อไทยไม่ปราศ- จากรัก
หากความไทยเป็นไทย แน่นหนัก
ไทยก็จักเข้าใจ ไทยดี
อันความรักของไทย คือภาษา
แต่ไทยกลับเบือนหน้า หลีกหนี
มองเป็นความรักไทย ไม่ดี
ลืมศรัทธารักที่ สวยงาม
อันความงามเพริศแพร้ว พิศเพ่ง
แต่เจ้าของไทยเอง มองข้าม
เปล่าประโยชน์หมดค่า ความงาม
เสียเวลาบ่มความ รักไทย
8 พฤษภาคม 2546 19:36 น.
ปลายอ้อ
อ่อนล้า อ่อนไหว
ภายใต้ คืนหม่น
มีเรา สองคน
เม็ดฝน โปรยปราย
นี่หรือ จุดจบ
จากพบ ลาหาย
อ่อนล้า มากมาย
ไม่คลาย น้ำตา
เงยหน้า กลืนกลับ
ยอมรับ เจ็บล้า
ปวดร้าว เวลา
เธอมา ใกล้กาย
จากรัก จนทิ้ง
เป็นสิ่ง ง่ายง่าย
คนเจ็บ ปางตาย
ร้องไห้ ใต้จันทร์
8 พฤษภาคม 2546 15:50 น.
ปลายอ้อ
ฟ้าเงียบ ทะเลเหงา
ดาวดูเศร้า และหม่นไร้
เสียงคลื่น ซัดหาดทราย
เหมือนร้องไห้ คล้ายร้าวรอน
สายลม พัดเบาเบา
ภาพเก่าเก่า คอยหลอกหลอน
หัวใจ ยังอาวรณ์
ไม่ทอดถอน จากรักเธอ