6 มิถุนายน 2550 10:47 น.
ปลายภู
วันวานผ่านแล้ว..คำนึง
คิดถึงผ่องเพื่อน น้องพี่
ห่างไปใช่จำจากลานกวี
ณ.ที่นี่มีฝัน..มีวิญญาณ
มีความรัก..มีฝันมาหยิบยื่น
มีทั้งความขมขื่นมาปลดปล่อย
มีจุดหมายปลายทางอันเลื่อนลอย
คือนกน้อย ..คือนักแสวงหา..
ถลาร่อนคืนคอนซบถิ่น
กรุ่นไอดินคละคลุ้งยังคงหอม
มวลดอกไม้หลายหลากชวนดมดอม
มาช่วยกันทะนุถนอมไว้..ในสายธาร
25 มกราคม 2549 14:40 น.
ปลายภู
หนึ่งใจสองเรานั้นพันผูก
ปลอบปลุกเคียงข้างยามห่างเหิน
เหยียบย่ำมาไกลเหลือเกิน
ก้าวเผชิญโลกใหม่ในเมืองกรุง
คิดเอย..คิดถึง
ครวญคร่ำรำพึงหนักหนา
คิดถึงแม่อยู่ห่างไกลลูกยา
ทั้งห่วงหาเหว่ว้า..อาวรณ์
อีกหนึ่งห้วงใจให้หวนคิด
ยังผูกพันหวั่นจิตคิดถึงบ้าน
ขุนเขาแมกไม้และสายธาร
ทั้งสงสารลูกน้อยคอยกลับคืน
อดทนเข้มแข็งไว้สิ? ใจข้าฯ.
กาลเวลามิอาจย้อนคืนหลัง
เติมชีวิตเส้นทางใหม่ให้มีพลัง
จุดประกายความหวังให้เบ่งบาน..
****************
10 มกราคม 2549 11:45 น.
ปลายภู
*****************************
รุ่งสางเบิกฟ้าครารุ่งสาง
ลมหนาวเบิกทางคว้างเหงา
เย็นยะเยือกเหน็บลึกทรวงเรา
คุกกรุ่นลางเงาควันหมอกคลุ้ง
ผ่านไปคืนหวนมาทวนซ้ำ
ระส่ายส่ำสะทกท้านในหนาว
ควันหมอกฝ่าน้ำค้างพร่างพราว
ใต้แสงแห่งดวงดาวอยู่ไกลโพ้น
อีกหนึ่งในห้วงใจใช่เหน็บหนาว
แต่ข้างในร้อนผ่าวหวั่นไหว
ในความคำนึงถึงคนไกล
ทุกหับห้องใจฝากให้แทนไออุ่น
เป็นไปตามฤดูกาลผันเปลี่ยน
ยอกย้อนวนเวียนเปลี่ยนหมุน
บ้างร้อนบ้างหนาวเปลี่ยนสมดุล
หมกมุ่นอยู่ในโลกที่ ผันแปร
********************************
26 ธันวาคม 2548 13:52 น.
ปลายภู
รุ่งสางของวันใหม่ ท้องฟ้าโปร่งสดใส
วันเวลาเหยียบย่าง..คืบคลานเข้าสู่ศักราชใหม่
ปีเก่า..ที่กำลังผ่านผันไป
ปีใหม่..ก็กำลังมาเยือนอีกครา
เวลา..สรรพสิ่งร่วงโรยไปตามกาล
ตามระบบนิเวศน์..ชีวิตคนก็เฉกเช่นกัน
คำอวยพรต่าง ๆ นา นา ที่โปรยหว่าน เริ่มทยอยส่งถึงกัน.
ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดี ที่สร้างสรรค์
และพัฒนาชีวิตต่อไป.วาระ..โอกาสหรือว่าธรรมเนียมที่ยึดถือกันมา
อาจเป็นดอกไม้..สิ่งของมีค่า ตุ๊กตา ตามวุฒิภาวะ
ในนาม บ้านปลายภู
ขอถือโอกาสนี้..ส่งมอบความสุขให้กับ พี่ พี่..น้อง..น้อง
ผองเพื่อน ๆ สมาชิกในบ้านเรา ทุกๆท่าน
พานพบแต่ความสุขอันพึงปรารถนา..
สร้างสรรค์ชีวิตด้วยพลังและปัญญา
ด้วยแรงไฟ..และคุณค่าทั่วหล้ากระฉ่อนชื่อ..ระบือไกล
ดังที่ตั้งใจไว้..ทุกประการ
*********************
14 ธันวาคม 2548 15:38 น.
ปลายภู
โนนศิลานามเก่าคู่เมืองบ้าน
ตำนานแหล่งวัฒนธรรมลือเลี่อง
สิมเก่าโบราณสถานประจำเมือง
รุ่งเรืองขนบธรรมเนียมประเพณี
มีของดีเมือง.หลายหลากระบือชื่อ
หนึ่งนั้นคือช้างกระกล้วยไม้ป่า
เกาะต้นมะขามระโยงย้าเย้ยสายตา
ดินแดนปริศนาชวนน่าคิด..
อาศัยบึงกุดเค้าเขตคามกว้าง
กับแนวทางสายลมได้ ฉ่ำชื้น
อาบไอเย็นหล่อเลี้ยงยามค่ำคืน
ดูดดื่มแทนไอฝนยามห่างร้างไปกาล
เวียนผ่านมกราฯ. มาอีกหน
ผลิดอกเย้ยฝูงชนชวนหลงไหล
ร้อยพันหมื่นลี้เขตเมืองไกล
ต่างหลั่งไหลมาเยี่ยมชม..ฯลฯ
****
เพียงความคิดที่วาบผ่านมา..ในบางขณะ
ในสภาวการณ์ปัจจุบัน ที่ผ่านผันไปตามฤดูกาล
อาจจะไม่ลึกซึ้ง..แต่ก็บันทึกไว้
ในแผ่นดิน..ผืนนั้นจริง..จริง
"บ้านปลายภู"