20 มิถุนายน 2550 22:31 น.
ปลายตะวัน
หากน้อม ยอมจำนน
อันผลพ้น ล่วงสมัย
ตั้งมั่น ดำรงใจ
เพียงแค่ใน ปัจจุบัน
อดีต ย่อมเลือนลด
ย่อมมอดหมด อำนาจพลัน
ความจริง ทุกสิ่งอัน
จะเฉิดฉัน เป็นมั่นคง
ในวัตร ปัจจุบัน
ทุกสิ่งนั้น มันเลือนหลง
เพราะจิต มิคิดปลง
ริจะคง อดีตครอง
เมื่อวาง อดีตว่าง
ใจเคว้งคว้าง ขว้างหม่นหมอง
ความจริง จะครอบครอง
แลจงมอง ผ่านสองตา
เมื่อนั้น จะมองเห็น
เฉกที่เป็น เช่นอยู่หนา
ใช่ภาพ อาบมายา
อันอุรา มาวาดเอง
19 มิถุนายน 2550 16:56 น.
ปลายตะวัน
วางใจ ไว้เช่นนั้น
ไม่หวาดหวั่น พรั่นพรึงไหว
เฉกเช่น ทิวาลัย
มิพรั่นในกาลเวลา
เยือกเย็น เช่นสายน้ำ
อันไหลล้ำ ฉ่ำพฤกษา
ปล่อยวาง ว่างอุรา
ลืมโลกหล้า อันว้าวน
วางใจ ไว้ให้นิ่ง
ลืมทุกสิ่ง อันสับสน
ดื่มด่ำ ล้ำธรรมยล
ลืมหมองหม่น ให้พ้นใจ
18 มิถุนายน 2550 08:53 น.
ปลายตะวัน
ลืมไป ใครแค่เพื่อน
หลงเลอะเลือน ฟั่นเฟือนเหงา
ลืมตรอง ว่าสองเรา
เป็นแค่เงา ที่เฝ้ายล
ลืมใจ ไปกับเพื่อน
ดั่งดาวเดือน เลื่อนลอยหน
อ้างว้าง คว้างลมบน
ท่ามฟ้าหม่น ปนร้าวราน
ลืมบ้าง เป็นบางครา
ยามดารา มาทอสาน
ทอรัก ปักดวงมาน
แล้วผันผ่าน เป็นฝันเลือน
18 มิถุนายน 2550 01:53 น.
ปลายตะวัน
จงรู้จัก ตัวเอง คำนี้หมาย
มีดีร้าย เท่าไร เร่งไขขาน
ข้างฝ่ายดี มีไว้ ในดวงมาน
ข้างฝ่ายชั่ว รีบประหาร ให้หมดไป
จงรู้จัก ตัวเก่ง คำนี้หมาย
ว่าในกาย กิเลส เป็นเหตุใหญ่
จึงสาระแน แต่จะทำ บาปกรรมไกล
ต้องควบคุม มันไว้ ให้รักบุญ
จงรู้จัก ตัวเอง คำนี้หมาย
สังขารไร้ ตนตัว มัวแต่หมุน
ไปตามเหตุ ปัจจัย ที่ใสขุ่น
พ้นบาปบุญ ชั่วดี มีนิพพานฯ
***เขียนโดยคุณทรายกะทะเล
17 มิถุนายน 2550 21:24 น.
ปลายตะวัน
ก็แค่เหงา เปล่าเปลี่ยว เดียวดายนัก
ใช่เพ้อรัก หนักห้วง ดวงจิตหนอ
มิใช่เพ้อ ละเมอหา รักที่รอ
อยากใคร่ขอ แค่เพื่อน มาเยือนใจ
ในคืนเหงา ดาวลา ดับฟ้าหมอง
เหมือนถูกจอง จำหลัก ปักตรุไหน
ใช่รักร้าง อ้างว้าง อยู่ข้างใน
แปลกหัวใจ ไยเหงา เศร้าอุรา