20 มิถุนายน 2547 01:11 น.
ปลากัดจีนครีบแก้ว
บานหน้าต่างห่างอยู่ประตูเปิด
การ์ดวันเกิดกับดอกไม้ที่ไม่หอม
มวนบุหรี่มีวางอยู่ข้างคอม
ทั้งห้องล้อมห้อมซุกความทุกข์ทน
แจกันตกหกราบระนาบพื้น
เสียงสะอื้นฟื้นมากับห่าฝน
เก้าอี้พับหักพังอยู่ข้างบน
กระจกวนหม่นวาวร้าวเป็นลาย
เพียงแสงไฟในโคมห่มด้วยฝุ่น
เศษปุยนุ่นจากหมอนร่อนเป็นสาย
เศษช้อนส้อมจานเชิงระเริงราย
เศษใบไม่ทรายกระเซิงระเริงลม
เหมือนฟ้าฟาดสาดเสียงประเปรี้ยงปร้าบ
ให้แสบซาบนาบลึกสึกใจผม
เธอผ่านมามาผ่านไปไยทิ้งปม
ทิ้งคำคมไว้ว่าต่างหน้าเธอ
เธอเขียนว่า...ลาก่อนถอนใจรัก
ไม่ผิดนักขอบคุณกันที่ฉันเผลอ
ไม่ผิดหรอกที่บอกกันฉันรักเธอ
แต่ที่เจอรักแค่ตัวไม่ใช่ใจ
เธอไปแล้วจากฉันวันนี้เช้า
เธอคงเฝ้าไปมาหาคนใหม่
เธอทิ้งห้องรกแน่นไว้แทนใจ
พอวันใหม่ใจคงเรียบเหมือนเดิม...
12 มิถุนายน 2547 14:41 น.
ปลากัดจีนครีบแก้ว
เธอผินพักตร์พยักหน้าเข้ามาใกล้
เสียงหัวใจไหวเว้นไม่เป็นเสียง
เดินเป็นแนวแล้วมานั่งที่ข้างเคียง
เรานั่งเรียงเคียงคู่อยู่สองคน
เธอคุยพลางอย่างนิ่มแล้วยิ้มส่ง
จะบอกความตามตรงนั้นว่าฉันสน
อยากจะเผยความใดในกมล
เราสองคนนั่งใกล้ใต้แสงดาว
ฉันรักเธอแล้วเธอรักหรือไม่
อยากบอกไปใต้สรวงในห้วงหาว
พยานรับนับถือคือแสงดาว
แต่ถึงคราวหัวใจไม่กล้าพอ
ฉันรวมรวบจวบจ้ำในความกล้า
จะบอกว่า รักเธอ ดีไหมหนอ
ใจยังคิดแต่ปากไปไม่รั้งรอ
คำที่ต่อติดปากมาแสนนาน
เธอรับฟังเธอสบตาหันมายิ้ม
ด้วยพักตร์พริ้มพรรณแพนอันแสนหวาน
เธอพยักพักตราไม่ได้นาน
วจีพานเอ่ยออกมาว่าเช่นกัน
ฉันรู้สึกนึกเหมือนเป็นคนอื่น
สะดุ้งตื่นคืนที่เห็นเป็นเพียงฝัน
แต่เธอคงไม่ได้ฝันเรื่องเดียวกัน
เพียงเพราะฉันตื่นมาว่าฝันไป..........
12 มิถุนายน 2547 00:38 น.
ปลากัดจีนครีบแก้ว
เดือนลอยเด่นเป็นดวงในห้วงหาว
มีหมู่ดาวราวรอบกรอบเวหน
เดือนก็สาดแสงเหลืองเรืองสกล
ดาวเบื้องบนก็กระพริบระยิบตา
ดาวอยู่ล้อมอ้อมเดือนเป็นเพื่อนรัก
ดาวก็ถักทอสีที่บนฟ้า
เดือนก็สานแสงสอดทอดลงมา
ดวงดาราระยิบยิ้มอย่างพริ้มเพรา
หากราตรีที่เหมือนเดือนไม่อยู่
ดาวจะรู้หรือไม่ว่าใจเหงา
ได้แต่พริบระยิบย้ำไปทำเนา
แต่เดือนเจ้าไม่มาซอทอแสงเคียง
เพี้ยงว่าพี่ยามเจ้านั้นไม่อยู่
ก็ไร้คู่ไร้สีไม่มีเสียง
ไม่มีกายเจ้าคล้อยมาคอยเคียง
ระดาเดียงเดี่ยวโดดโสดอุรา
เหงาก็เหงาเศร้าก็เศร้าหวั่นก็หวั่น
เพราะพี่นั้นพลันมองไปท้องฟ้า
เห็นเดือนอยู่คู่ขับกับดารา
อนิจจาตัวพี่มีคนเดียว
เดือนยังกลับมาหาดาราบ้าง
แต่เจ้าช่างชังกันได้ไม่แลเหลียว
ทิ้งให้พี่เปลี่ยวกายอยู่ดายเดียว
เพราะเจ้าเลี้ยวหายลับไปกับเดือน..........
3 มิถุนายน 2547 23:38 น.
ปลากัดจีนครีบแก้ว
อาบแสงสุนทร์อรุณรุ่งทุ่งบ้านนอก คืบวาศอกหมอกหนาพร่าวิสัย
ไม่เลิศล้ำดำรูหรูวิไล แค่ป่าไรเรือกนาหญ้าและดิน
มีไร่อ้อยห้อยนั่งร้านอยู่ด้านซ้าย อีกวัวควายธารเลาะเซาะโขดหิน
ส่งสำเนียงเสียงสุโนกพิหคบิน นี่คือกลิ่นถิ่นสวรรค์แดนบ้านนา
กองฟางอาบสาบควายอยู่ท้ายทุ่ง นกกระทุงพุ่งซัดกินมัจฉา
กระยางแย่งแซงกระทุงกินพุงปลา มัสยาแยกย้ายว่ายหนีกัน
กระจอกสิบกระจิบบินกระถินสด กระดี่โลดกระโดดเล่นเป็นสีสัน
งูหลามเอื่อยเลื้อยโอบทบเถาวัลย์ กระบกว่านกระวานนุ่นสมุนไพร
ใรเสียงเขื่องเครื่องยนต์มลพิษ มีเพียงวิทยาการที่คันไถ
ไร้อุตสาหการและควันไฟ มีเพียงกลิ่นดอกไม่ให้ดอมดม
พอค่ำไปไร้แสงพร่าให้ตาแสบ ในวงแคบมีแสงเพียงตะเกียงห่ม
ไม่มีคิดริษยาในอารมณ์ มีเพียงร่มเงาเงื้อเอื้ออาทร
สิ่งเหล่านี้ที่เห็นเป็นสุขสูง ที่ชาวกรุงมุ่งหาอุทาหรณ์
อาจเหนื่อยกายแต่ใจไม่วิงวอน เป็นบทกลอนซ่อนความคิดชีวิตนา
มีความสุขอยู่ได้ใต้ความเงียบ บนความเรียบชีวิตนี้ก็มีค่า
แค่เรียบง่ายไม่ใหญ่โตตระการตา ไม่ต้องหาสุขนี้มีในใจ.......
1 มิถุนายน 2547 00:10 น.
ปลากัดจีนครีบแก้ว
มองดูเงาจันทรสะท้อนน้ำ
พอฝนพรำน้ำนั้นก็สั่นไหว
เงาในน้ำระส่ำเพี้ยนก็เปลี่ยนไป
ไม่เห็นได้ละม้ายจันทร์ที่ฉันมอง
เงาที่ไหวเหมือนใจที่มันสั่น
ฤทัยพรั่นพลันจะแยกแสกเป็นสอง
ฝนก็ร่วงลงมาฟ้าก็ร้อง
น้ำตานองสองแก้มแซมฝนโปรย
ร้องไปเถิดร้องออกมาท้ากับฝน
เกิดเป็นคนเจอทั้งอิ่มทั้งหิวโหย
เจอทั้งสุขทุกข์สั่งนั่งโอดโอย
ฤาอิดโรยอ่อนแรงถูกแพงเจอ
แต่ว่าเกิดเป็นมนุษย์ต้องหยุดคิด
ว่าชีวิตที่ใช้อย่าไผลเผลอ
ทุกปัญหามีกุญแจหาให้เจอ
น้ำตาเอ่อเสียใปไม่ได้ความ...........