9 เมษายน 2550 01:53 น.
ปรียาวาท
ในคืนหนึ่งฉันล้าและอาวรณ์
นิ่งหน่ายนอนด้วยฤทธิ์ของคิดถึง
เพราะเพียงขาดสายใยให้ตราตรึง
แด่ผู้ซึ่งไกลห่างอยู่ต่างแดน
จะคิดเห็นเช่นไรก็ไม่ว่า
จะโกรธาเกรี้ยวกราดนั้นสุดแสน
ขอเพียงอย่าตัดสัมพันธ์จนสิ้นแกน
อย่าคิดแค่นแค้นเคืองเรื่องก่อนมา
แค่อารมณ์ลึกลึกรู้สึกเร้า
มาวอนเว้าบอกให้ฤทัยหา
จะเป็นมิตรหรือไรไฉนนา
ปั่นป่วนว่าจักวุ่นกระวายกระวน
จึงพลั้งเผลอทำไปเพราะใจซื่อ
จึงต้องยื้อยุทธกับความสับสน
จึงร่ำร่ำพิรี้พิไรสุดใจตน
จึงจำหม่นหมองเศร้าอยู่เนานาน
จะมองฟ้าฟ้าเหมือนปนเปื้อนโศก
ความวิโยคคลุมสิ้นทั้งถิ่นฐาน
ดาวพยับอับแสงเรี่ยวแรงราน
จันทร์จะพานมอดดับจนกลับกลาย
ใจก็คว้าความเจ็บจนเก็บกด
ร่ำรินรด โหยไห้มิขาดหาย
ความผิดนี้เกินกว่าจะสาธยาย
เฉพาะกายโอหังมาสั่งการ
เพียงอารมณ์ชั่ววูบมันสูบแล่น
จึงตอบแทนดวงจิตหลงผิดผลาญ
มีของเล่นความรักมาหักลาญ
ลืมหลักการอ่อนไหวของใครนั้น
อยากบอกคำขอโทษสักโกฏครั้ง
ฉันจริงจังเป็นนิจไม่ผิดผัน
มิได้คิดตั้งใจให้จาบัลย์
มิได้มั่นมาหลอกตลอดเลย
พิษเอ๋ยพิษความเศร้าแผ่เข้าแล้ว
พิษของแก้วกานดามาผ่าเผย
ฟ้าสีทองสวยสมเคยชมเชย
กลับเปล่าเลยเปลี่ยนไปไม่กลับคืน
ม่านหมอกมืดกลับคลุมมาสุมโลก
ครอบงำโศกเต็มอุราเกินฝ่าฝืน
ประดุจดั่ง ดวงจินต์ สิ้นจุดยืน
พบขมขื่นเอือมระอาทุกท่าที
ท่ามกลางฟ้าอื้ออับพยับหม่น
ท่ามใจป่นครวญคร่ำกำสรวลศรี
ท่ามลมวนวังเวงโบกพัดวี
เป็นนทีเจิ่งนองเต็มสองตา
หากฉันผิดที่ใจใฝ่แต่เจ้า
ผิดที่เฝ้าคอยหวงและห่วงหา
ผิดที่มั่นรักเธอเสมอมา
เชิญเธอลง อาญา จนสาใจ.........