8 กันยายน 2550 16:06 น.
ปรียาวาท
ร่ำร่ำเพียงอกไหม้ หม่นหมอง
คุณพุทธคุณครอง ขุ่นสิ้น
โลกธาตุแห่งชนผอง ล้วนเผ่า อวิชชา
คลุมรอบดับแดดิ้น เดือดพล่านภพไตร
ตรึงตอกอกสะเทื้อน สะท้านไหว
มวลมิจฉาครอบใน จิตข้า
กองกิเลสไทย ถ้วนถี่
ลืมรสพระธรรมระย้า หลีกเร้นหนอรา
แสงสูรย์สาดส่องเรื้อง รัถยา
ใยเท่าหมอกอวิชชา กลบกลั้ว
ชำแรกหมู่มนุษย์สา- รพัดถ่อย
คลุมครอบขีดรอบรั้ว เล่ห์ร้ายรุมเถือ
อุบัติอุบายงัดง้าง ไล่งับ
แส้เหนี่ยวเฆี่ยนขวับขวับ ไขว่คว้า
กิเลสเกาะกำชับ โจมจู่
เบิกอบายบาดฟ้า ควั่นด้าวแดนสมัย
มณฑลทุเรศอ้าง อวสาน
กาละวิกลการณ์ ก่อตั้ง
เหลือเพียงซากตำนาน วัฒนธรรมแล
คงแหลกลาญรุ่มรั้ง รอบยิ้มชาวสยาม
5 กันยายน 2550 13:05 น.
ปรียาวาท
หวนคำนึงสู่แก้ว กานดา
มอบต่างพานพุ่มผกา แก่นแก้ว
กรองถ้อยลักษณ์อักษรา จารจิตร โลกเอย
แม่อย่าเหินห่อนแผ้ว ผ่องพริ้งพรายพรรณ
วรินทรีย์ศรีสวัสดิ์ไว้ วงศา
เก็จก่องทองรัตนา สุกไซร้
เกรงแต่พระพายพา ภาพหม่น หมองมัว
ต้องสุริยะอาจให้ ปราศสิ้นประภัสสร์แสง
เทียวจันทร์เทวษว้า เหว่ถวิล
ดาเรศร้างจิตจินต์ จากแล้ว
อัมพรทาบมลทิน อยู่ทั่ว
เมฆหมองไยกลบแพร้ว พร่างรุ้งรัชนี
ดังมาลัยดอกสร้อย สารขวัญ
หวังห่มสุนทรานันต์ แนบข้าง
รัชนีย่อมอาสัญ สิ้นดับ
หากหมู่ดาราร้าง ห่างไร้สวาดิสม
จึงเรียมลอยลิ่วคว้าง วูบไหว
ลิบลิบนั่นสายใย หยาดแย้ม
คืนพรุ่งรหัสนัย ยังอยู่ ก็ดี
ใช่ดั่งลายเลขแต้ม แต่งไว้หวานเสมอ
6 มิถุนายน 2550 23:32 น.
ปรียาวาท
รำพันเสาวพากย์เพ้อ พรรณนา
ห่วงแต่ยอดชีวา ยากสิ้น
ห่างหนจึ่งห่วงหา ฤๅห่อนเลยพี่
ดั่งบีบอกเป็นชิ้น ฉีกม้วยกับมือ
ไร้รอยไร้รับรู้ เรื่องราว
จึงส่งจิตขม,คาว ขุ่นข้อง
เหมันต์หน่วงเหน็บหนาว นานอยู่
อกอ่อนจากขาดพ้อง หนึ่งผู้พิงใจ
ดาวเลือนเดือนลับแล้ว หรือไร
ภาพเก่าเลยล่วงไป จึ่งสะอื้น
ที่สุดแห่งหัวใจ จรจาก
พร่างพร่างเลือดตาชื้น แฉะน้ำตาหนาว
ชีวิตเต็มเปี่ยมด้วย เดียวดาย
ดอกรักร่วงโรยราย เรี่ยพื้น
ซ่อนหน้าข่มใจวาย วูบดับ
รู้สึกเห็นสุดฟื้น ภาพฟ้าฝั่งฝัน
รำพันเพลงเห่ไห้ โหยหวน
วอนเถิดใจรัญจวน จากบ้าง
วอนผู้อันพึงชวน จิตชอบ
หวนกลับมาร่วมสร้าง สุขล้ำสองเรา
9 เมษายน 2550 01:53 น.
ปรียาวาท
ในคืนหนึ่งฉันล้าและอาวรณ์
นิ่งหน่ายนอนด้วยฤทธิ์ของคิดถึง
เพราะเพียงขาดสายใยให้ตราตรึง
แด่ผู้ซึ่งไกลห่างอยู่ต่างแดน
จะคิดเห็นเช่นไรก็ไม่ว่า
จะโกรธาเกรี้ยวกราดนั้นสุดแสน
ขอเพียงอย่าตัดสัมพันธ์จนสิ้นแกน
อย่าคิดแค่นแค้นเคืองเรื่องก่อนมา
แค่อารมณ์ลึกลึกรู้สึกเร้า
มาวอนเว้าบอกให้ฤทัยหา
จะเป็นมิตรหรือไรไฉนนา
ปั่นป่วนว่าจักวุ่นกระวายกระวน
จึงพลั้งเผลอทำไปเพราะใจซื่อ
จึงต้องยื้อยุทธกับความสับสน
จึงร่ำร่ำพิรี้พิไรสุดใจตน
จึงจำหม่นหมองเศร้าอยู่เนานาน
จะมองฟ้าฟ้าเหมือนปนเปื้อนโศก
ความวิโยคคลุมสิ้นทั้งถิ่นฐาน
ดาวพยับอับแสงเรี่ยวแรงราน
จันทร์จะพานมอดดับจนกลับกลาย
ใจก็คว้าความเจ็บจนเก็บกด
ร่ำรินรด โหยไห้มิขาดหาย
ความผิดนี้เกินกว่าจะสาธยาย
เฉพาะกายโอหังมาสั่งการ
เพียงอารมณ์ชั่ววูบมันสูบแล่น
จึงตอบแทนดวงจิตหลงผิดผลาญ
มีของเล่นความรักมาหักลาญ
ลืมหลักการอ่อนไหวของใครนั้น
อยากบอกคำขอโทษสักโกฏครั้ง
ฉันจริงจังเป็นนิจไม่ผิดผัน
มิได้คิดตั้งใจให้จาบัลย์
มิได้มั่นมาหลอกตลอดเลย
พิษเอ๋ยพิษความเศร้าแผ่เข้าแล้ว
พิษของแก้วกานดามาผ่าเผย
ฟ้าสีทองสวยสมเคยชมเชย
กลับเปล่าเลยเปลี่ยนไปไม่กลับคืน
ม่านหมอกมืดกลับคลุมมาสุมโลก
ครอบงำโศกเต็มอุราเกินฝ่าฝืน
ประดุจดั่ง ดวงจินต์ สิ้นจุดยืน
พบขมขื่นเอือมระอาทุกท่าที
ท่ามกลางฟ้าอื้ออับพยับหม่น
ท่ามใจป่นครวญคร่ำกำสรวลศรี
ท่ามลมวนวังเวงโบกพัดวี
เป็นนทีเจิ่งนองเต็มสองตา
หากฉันผิดที่ใจใฝ่แต่เจ้า
ผิดที่เฝ้าคอยหวงและห่วงหา
ผิดที่มั่นรักเธอเสมอมา
เชิญเธอลง อาญา จนสาใจ.........
18 มีนาคม 2550 22:31 น.
ปรียาวาท
ในเมื่อความรักนี้มาลี้หาย
ร่องรอยสายธารโศกก็โกรกร่ำ
คมมีดกรีดหัวใจให้เจ็บช้ำ
หนามไหน่ตำตอกแทรกจนแหลกลาญ
สองสายใยผูกพันธ์กันแนบแน่น
กลับคลายแคลนจนหมดถ้วนรสหวาน
เหลือเพียงความทรงจำเป็นตำนาน
ณ ร่มลานรักเรา แสนเศร้าจริง
ภาพอดีตขีดขมหน่วงปมโศก
แพร่งพรายโรคกำสรวลกำซ่านสิง
ฝากแผลลึกเรี่ยราดหวาดประวิง
ใครเล่านิ่งดูดายนึกหน่ายนา
คนคนนั้นรู้ไหมใครไห้โหย
ระอิดโอยโอดครวญคะนึงหา
รอยแผลเก่า เร้าหลอกยอกอุรา
เสมือนมาบั่นทอนให้อ่อนแอ