28 พฤษภาคม 2551 06:42 น.
ปราณรวี
เรื่องของผมยากแท้.........กำหนดเอง
ผมดกปรกครื้นเครง........โชคล้น
ผมน้อยสิหวั่นเกรง..........กลัวร่วง หลุดนอ
อาจหลบหลีกมิพ้น...........ตกล้านหนึ่งใดฯ
ล้านที่หนึ่งชื่อนั้น..............บอกความ
ว่าทุ่งหมาหลงยาม..........ปล่อยไว้
คือล้านเลี่ยนเตียนตาม.....ตลอดทั่ว
บอกทิศทางบ่ได้..............ดุ่มดั้นเดินงงฯ
ล้านที่สองจดจ้อง.............รอคอย
หน้าผากถึงท้ายทอย........น่าคร้าม
แลผมติดแค่รอย.............สองขอบ หูนา
เรียกว่าดงช้างข้าม.........ป่าโล้นตรงกลางฯ
ล้านที่สามนั้นง่าม-..........เทโพ
โล่งเลี่ยนเตียนอักโข........ส่วนหน้า
ถากเถิกจากหูโชว์...........ข้างขมับ
ล้านไล่อย่างทายท้า.........กระหม่อมกว้างฉีกแนวฯ
ล้านที่สี่แบบนี้..................มาแรง
เรียกชะโดตีแปลง...........เขตกว้าง
มองชะโงกจึ่งแจง............อาณาเขต
กลางกระบาลเตียนร้าง.....ขอบขึ้นปกบังฯ
ล้านที่ห้าเรียกแร้ง-...........กระพือปีก
ล้านเถิกดั่งแร้งฉีก............ปีกกว้าน
สองข้างขมับหลีก.............โอบกระหม่อม
กระจุกผมหนึ่งสะท้าน.......โผล่พ้นอวดตาฯ
ล้านที่หกบ่ล้าน.................โล่งเตียน
เพ่งพิศหัวบ่เกรียน............เลี่ยมโล้น
ผมบางโผล่พ้นเยียน.........น้อยหนึ่ง
เรียกฉีกหางฟาดโพ้น......เลี่ยมเล้เรไรฯ
ล้านที่เจ็ดแผกเพี้ยน..........กว่าเขา
ล้านเลี่ยนแต่หนวดเครา.....มากล้น
ขุนช้างที่หมู่เฮา.............รู้จัก
คือราชคลึงเครา ท้น.........อกเรื้อรุงรังฯ
.
19 พฤษภาคม 2551 19:35 น.
ปราณรวี
ฉันหลงรสบทกวีที่ศาสตร์ศิลป์
ช่วยรดรินราดใจให้ชุ่มฉ่ำ
จึงจารจดถักถ้อยร้อยเรียงคำ
เป็นลำนำอิงแอบแนบบทเพลง
ฉันหลงรักกาพย์กานท์งานอักษร
ทั้งโคลงกลอนกลั่นกรอง..มองคร่ำเคร่ง
ฝึกประพันธ์เชื่อมโยงแม้โคลงเคลง
แลหวั่นเกรงกลัวคำขาดสัมพันธ์
จึงพากเพียรเขียนฝึกที่นึกได้
ลิขิตไปบนทางว่าสร้างสรรค์
ฉันทลักษณ์อักษราค่าอนันต์
มิมีวันเลือนหายจากสายตา
ฉันระบายทุกข์โศกจากโลกกว้าง
ตามแนวทางหวังวาดปรารถนา
แม้ล้มลุกอุปสรรคหนักชีวา
มิอาจกักจินตนาภาษากวี
ฉันบันทึกเรื่องราวคราวโลกยิ้ม
ดั่งภาพพิมพ์เส้นสายลายถ้วนถี่
ประดิษฐ์คำล้ำค่าประดามี
สิ่งดีดีเก็บไว้ในร้อยกรอง
ฉันจึงรักบทกวีดั่งชีวิต
พึงลิขิตขีดเขียนเพียรสนอง
บรรยายความตามแต่ใจจะใฝ่ปอง
บนครรลองมือสมัคร..เพื่อพักใจ
11 พฤษภาคม 2551 22:47 น.
ปราณรวี
ทุกถ้อยสารวารวันที่ผันผ่าน
จากวันวาน-วันนี้ที่เป็นอยู่
และอีกนานเพียงใดไม่อาจรู้
จะเคียงคู่เก็บไว้ในทรงจำ
บันทึกถ้อยร้อยเรียง..แม้เพียงฝัน
เพื่อแบ่งปันยามใจใครเหยียบย่ำ
เจือจางท้อทุกข์ถมด้วยคมคำ
ช่วยชี้นำหนทางให้ย่างเดิน
ขอบคุณในไมตรีที่มอบให้
จารึกไว้มิเลือนรางยามห่างเหิน
เพียงลำพัง..เหนื่อยล้ากล้าเผชิญ
แม้ขาด-เกินสิ่งใดไม่สำคัญ
จะเก็บเกี่ยวเสี้ยวความเคยถามถึง
ไว้สู่บึ้งห้องใจไม่แปรผัน
ยามลาลับมิหน่าย-คลายผูกพัน
ขอบฟ้ากั้น..สายใยไม่ลบเลือน
ขอแค่เพียงมีสิทธิ์ได้คิดถึง
รู้..ยากดึงความฝันอันลอยเลื่อน
จึงเก็บความทรงจำไว้ย้ำเตือน
อยู่เป็นเพื่อนยามใจเราไกลกัน
7 พฤษภาคม 2551 22:49 น.
ปราณรวี
มองฟ้าคราใดให้รู้สึก
ในลึกลึกแอบคิดด้วยอิจฉา
ฟ้ามิเคยเลยร้างห่างสายตา
มีเพื่อนมาห้อมล้อมเห่กล่อมใจ
คราคืนค่ำดวงดาวก็พราวแสง
กระพริบแข่งขานรับจับฟ้าใส
อีกบางคราดวงจันทร์อันอำไพ
สาดแสงให้โลกงามยามราตรี
เมื่อดาวเดือนเลือนหายจากปลายฟ้า
ตะวันจ้าทักทายมิหน่ายหนี
โลกอาบอุ่นด้วยแสงแห่งระวี
ฟากฟ้ามีเพื่อนพ้องมิหมองใจ
ดูซินั่นเมฆน้อยลอยเลื่อนลับ
หากแม้นจับลงมาจากฟ้าได้
จะปั้นเป็นฝูงปลามิช้าไย
แล้วปล่อยไปว่ายฟ้าท้าคลื่นลม
หลังฝนโรยโปรยปรายฟ้าคลายร้อน
นกบินร่อนเรื่อยเรียงร้องเสียงขรม
รุ้งทอแสงระยับตาชื่นอารมณ์
ฟากฟ้าพรมสีสันอันงดงาม
อยากโผผินบินได้คล้ายปักษา
คุ้งขอบฟ้ากว้างนักก็จักข้าม
เกาะเรียวรุ้งเลื่อมสลับสีวับวาม*
สัมผัสความอุ่นคลาย ณ ปลายฟ้า*