27 มกราคม 2551 22:40 น.
ปราณรวี
เพลงกาลลอยล่องฟ้า......ฟากไกล
ข้ามผ่านภูผาไพร...........ล่วงพ้น
ร่ำร่ำคร่ำครวญไฉน........ฤๅพี่
ราวอกระทมล้น.............ท่วมแล้วน้ำตาฯ
รอนรอนราวรักร้าง.........ห่างเรียม
เย็นย่ำพร่ำอกเกรียม......หม่นไหม้
เคว้งคว้างว่างจิตเจียม....จำจาก
กายห่างใจนั้นไซร้..........อยู่คล้องเคียงกันฯ
ฝากเพลงยามค่ำคล้อย....คลื่นลม
มอบรักชื่นชิดชม............แด่น้อง
วอนเว้าอย่าเศร้าตรม......ยามห่าง
แม้รักเพรียกร่ำร้อง........อย่าร้อนเร่งตามฯ
ฟากฟ้าเพียงลัดข้อ..........นิ้วเดียว
หากรักมั่นกลมเกลียว.....ภักดิ์ให้
ถนอมใจมิแลเหลียว.......ใครอื่น
ขอพี่อย่าคลั่งไคล้............ร่ำร้องเคลือบแคลงฯ
กราบพระตั้งจิตน้อม.......อธิษฐาน
แม้ล่วงลับดับกาล............ก่อนหน้า
ขอเคียงคู่สืบสาน............ทุกชาติ ภพเฮย
อย่าทุกข์ทนหม่นล้า........ห่างร้างแรมไกลฯ
25 มกราคม 2551 14:04 น.
ปราณรวี
เรื่องอกหักรักลวงล่วงเลยผ่าน
เป็นวันวานไปแล้วเพื่อนแก้วเอ๋ย
ที่เจ็บช้ำกล้ำกลืนเคยชื่นเชย
อย่าได้เอ่ยเก็บอำมาซ้ำเติม
มองรอบกายหลายอย่างไม่ต่างนัก
พึงตระหนักพักใจให้ฮึกเหิม
หากอ่อนแอแพ้พ่ายดั่งใจเดิม
ภาระเพิ่ม..หัวใจไม่แข็งแรง
เห็นไหม..สิ่งใดล้วนไม่เที่ยง
มิอาจกลบ ลบเลี่ยงเบี่ยงแอบแฝง
น้ำ ดิน ฟ้า ดาว เดือนยังเคลื่อนแคลง
แม้ใจแกว่งบางคราว..มัวเศร้าไย
มาซิ..เป็นคนใหม่ไฉไลกว่า
เปิดดวงตาล้างหมดให้สดใส
เรื่องเก่า..ราวขี้เล็บเก็บทำไม
กว้างทิ้งไปเถิดหนาอย่ารอรี
ก็ความสวย..ความหล่อพอมีเหลือ
หาร้างเรื้อหมดไป..ใช่ไหมนี่?
อย่ารีบเข็ดระอาล้าเกินดี
โลกยังมีสิ่งใหม่ให้ชื่นชม
22 มกราคม 2551 07:22 น.
ปราณรวี
คืนจันทร์นวลแจ่มจรัสจ้า
คุ้งฟ้าใสสกาวพราวไสว
เมฆหลบซ่อนเร้นเห็นรำไร
น้ำไหลเอื่อยอ่อนอ้อนธารา
ลมเย็นพัดไกวที่ชายทุ่ง
หอมฟุ้งรวยรินกลิ่นพฤกษา
แว่วเสียงนกในไพรพนา
ดอกหญ้าแพรพลิ้วดั่งริ้วพรม
มองฟ้าหาจันทร์..นั่นเห็นไหม
สายใยอ้อมฟ้ามาห่อห่ม
ดั่งปลุกปลอบใจคลายระทม
ยิ้มข่มทุกข์ท้อทรมาน
จันทร์เอ๋ยเคยไหมไร้ใครคู่
อดสูฟ้าจ้องมองเพียงผ่าน
เมฆลอยคล้อยลับขับร้าวราน
ลมหว่านเสน่หาแล้วลาไกล
มีเพียงเสียงเพรียกจากพงพฤกษ์
ดื่นดึกแดนดอนตอนหลับไหล
อยู่คลอเคลียจันทร์อันอำไพ
มอบให้ใจภักดิ์รักนิรันดร์
เหนื่อยไหมจันทร์จ๋าข้าขอถาม
เมื่อความรักหม่นคนโศกศัลย์
ร่ำร้องเรียกมาหาแต่จันทร์
สงสารกันบ้างไหม..ใครบอกที
19 มกราคม 2551 13:51 น.
ปราณรวี
เพียงแว่วแผ่วลมที่พรมพร่าง
ยะเยือกเย็นน้ำค้างกลางดื่นดึก
อยากข่มตาหลับกลับหวนนึก
ตรองตรึกติดแน่นบนแผ่นใจ
ขอบฟ้ากว้างขวางกั้นเกินดั้นด้น
ไกลเกินค้นจบลง ณ ตรงไหน
จึงยิ่งห่างว้างเว้า..เศร้าแล้วไร
ภาระใจผูกมัดยากตัดทอน
มองดาวเดือนเกลื่อนฟ้าดารดาษ
เส้นโค้งวาดระยับขับแสงอ่อน
กระพริบเพรียกเรียกหาด้วยอาวรณ์
คนอยู่ค่อนขอบโพ้น..ดลได้ยิน
ว่าอยากเอื้อมมือไปให้คว้าถึง
จะซาบซึ้งหรือไม่ในถวิล
ความห่วงใยไหลหลากมาจากจินต์
กลัวจะสิ้นรักร้างด้วยห่างกัน
ไม่อาจรู้เฉลยเพื่อเอ่ยเอื้อน
หากเธอเลือนร้างไปในคำมั่น
คงเหลือแต่น้ำตาไห้จาบัลย์
เมื่อถึงวันต้องพรากจากกันจริง
16 มกราคม 2551 01:47 น.
ปราณรวี
ทำงานหนักสลักถ้อยร้อยความรู้
สมค่าครูผู้สอนทุกตอนขั้น
ไม่เคยท้อถอยทิ้งสิ่งสำคัญ
ด้วยศิษย์นั้นมีค่ากว่าสิ่งใด
สอนให้รู้คู่คิดพินิจถ้วน
โลกนี้ล้วนกังขาน่าสงสัย
กาลภายหน้าเมื่อเจ้าโตเต็มวัย
จะได้ใช้วิชาหาเลี้ยงตน
แม้บางครั้งบ่นพร่ำหรือทำโทษ
อย่าถือโกรธน้ำคำทำฉงน
สิ่งเลวร้ายมิไคลคลามาปะปน
ในกมลล้นหลั่งด้วยหวังดี
ไม่ได้หมายตอบแทนเงินแสนหมื่น
ไม่ขอชื่นปรากฏยศศักดิ์ศรี
ขอเพียงศิษย์ข้ามพ้นชลธี
คือหน้าที่ของครูสู่เส้นชัย
>
>
อันพระคุณมากล้นจนเกินกล่าว
ทุกย่างก้าวจดจำคำครูได้
ด้วยนอบน้อมคำนับรับใส่ใจ
จารึกไว้มั่นคงเป็นมงคล
ขอพรพระอธิษฐานผ่านกานท์กลอน
บุญครั้งก่อนสร้างมาทุกคราหน
มอบแด่ครูบูชาทั่วสากล
ให้หลากล้นความสุขทุกโมงยาม