30 กันยายน 2550 15:34 น.
ปราณรวี
เพียงเพ่งพิศคิดถามความรู้สึก
จิตสำนึกบอกตามก็หวามไหว
แม้ปิดบังซ่อนเร้นมิเห็นนัย
แต่ดวงใจยอมรับกับเรื่องราว
แอบซุกซ่อนร้อนรนปนปวดปร่า
บางเวลากลืนเก็บกับเหน็บหนาว
ได้แต่เผยเอ่ยเอื้อนกับเดือนดาว
จึ่งรานร้าวคราวครั้งที่รั้งรอ
เมื่อพานพบสบตาผวาหวาด
ด้วยไม่อาจบอกไปตามใจขอ
กลัวเขาหมางเมินหนีไม่ดีพอ
น้ำตาคลอเคลือบแคลงแสลงใจ
จึงอัดอั้นตันอุราละล้าละลัง
ไร้ความหวังจะเล่าแจ้งแถลงไข
จำก้มหน้ามองดินสิ้นเยื่อใย
พรางเอาไว้ใต้ท่าทางวางเฉยเมย
และขอจบเรื่องลงตรงที่นี้
เก็บฤดีเราไว้ไม่เปิดเผย
เหลือเพียงเงาเหงาเล่นเหมือนเช่นเคย
คำเฉลยจากใจ..ไม่มีแล้ว
26 กันยายน 2550 00:35 น.
ปราณรวี
เนิ่นนานผ่านมาใครลาจาก
พร้อมพรากต้นรักจนหักโค่น
กล้ำกลืนฝืนไว้ไม่เงนโงน
ด้วยโดนเล่ห์ร้ายทำลายใจ
ครานั้นฉันเจ็บต้องเก็บกด
เธอลืมไปหมดหรือไฉน
ระรื่นชื่นจิตตามติดใคร
ห่วงใยไม่มีตรงนี้เลย
เอ่ยอ้างวาจาคำว่า"เพื่อน"
แชเชือนเบือนบิดปิดเฉลย
เหินห่างลางเลือนไม่เหมือนเคย
เอื้อนเอ่ยคำลาอย่าเจอกัน
แล้วไยวันนี้ฤดีเปลี่ยน
วนเวียนกลับมาว่าโศกศัลย์
เพ้อพร่ำคำพ้อล้อรำพัน
บอกฉันว่าใจไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อคิดจากลาไยกล้าหวน
ทบทวนซิใครที่หน่ายแหนง
เจ็บปวดรวดร้าวเฝ้าแสดง
แห้งแล้งจริงจังดั่งเป็นมา
แค่คำ"เสียใจ"ใช่แทนทด
ให้ลืมไปหมดได้ดอกหนา
เธอทำใจฉันจนด้านชา
มาเห็นค่าของกัน..วันสายไป
23 กันยายน 2550 11:25 น.
ปราณรวี
อยากเรียงร้อยถ้อยคำลำนำกล่าว
บรรยายบอกเรื่องราวทุกข่าวสาร
ให้โลกรู้แจ่มแจ้งแถลงการณ์
ถึงการงานพ่อหลวงปวงชาวไทย
พระทรงงานเหนื่อยหนักรักษ์ประเทศ
ทุกขอบเขตทั่วแคว้นแดนไหนๆ
ถึงกันดารลำบากยากเพียงใด
พระเสด็จดำเนินไปใคร่เยี่ยมเยือน
ชลประทาน..งานน้ำชุ่มฉ่ำเห็น
ฝนหลวงเด่นเย็นทั่วไทยใครไม่เหมือน
โครงการณ์พระราชดำริมิลืมเลือน
ทรงย้ำเตือนพัฒนาอย่างถาวร
เศรษฐกิจพอเพียงหล่อเลี้ยงชีพ
อย่าเร่งรีบจนหลงพระทรงสอน
งานเกษตรคือหลักปักดงดอน
รู้กินนอนอย่างประหยัดปัดยากจน
ไทยเป็นไทยอยู่ได้ในวันนี้
ด้วยชาติมีศูนย์รวมใจ..ไม่สับสน
ทรงเป็นหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่ในสากล
ผู้มากล้นคุณูปการงานพัฒนา
ร้อยลำนำคำเล่าเพื่อกล่าวขาน
ถวายพระพรพระภูบาลกันทั่วหล้า
ด้วยสำนึกระลึกในพระเมตตา
จึงสัญญาเป็นคนดีศรีแผ่นดิน
21 กันยายน 2550 16:50 น.
ปราณรวี
เมื่อทบทวนครวญใคร่ในวันเก่า
ทุกเรื่องราวผ่านไปไม่หวนกลับ
ทั้งสุขเศร้าเหงาใจไกลลาลับ
เพียงซึมซับเสี้ยวหนึ่งที่ซึ้งทรวง
บางเศษส่วนสดใสในความคิด
ยังฝังติดตราตรึงคะนึงหวง
แต่ที่ซุกซ่อนไว้ในแดดวง
คือคำลวงร้อยเล่ห์เพทุบาย
ที่ไม่ลบ กลบ ลืม..ใช่ปลื้มจิต
ช่วงชีวิตหมองหม่นจนใจหาย
เหมือนสูญเปล่าเวลา..น่าเสียดาย
รอบๆ กายคือหมอกควันที่ฉันเจอ
เกือบหมดแรงแสงล้าเข้าตาอับ
ทุกข์ท้อจับขับไล่ใจเพ้อเจ้อ
จนเนิ่นนานผ่านผันวันละเมอ
หยุดพร่ำเพ้อเดียวดายหายกังวล
ได้พบเห็นเป็นสัจธรรมค้ำชีวิต
ที่เคยคิดว่าสุดท้อก่อสับสน
คือภูมิต้านทานโรคโศกทุกข์ทน
ให้ผู้คนเข้มแข็งด้วยแรงใจ
ได้เรียน รู้ หลบ หลีก อีกมุมหนึ่ง
หลายสิ่งซึ่งหาเรียนรู้มาก่อนไม่
ประสบการณ์ผ่านมาแล้วลาไป
แสนยิ่งใหญ่ค่าล้ำให้จำนาน
เป็นแบบเรียนสูงค่าน่าจำจด
ใช้กำหนดแนวทางวางรากฐาน
ต่อนี้ไปไม่ย่อท้อทรมาน
กับเหตุการณ์แบบเก่าที่เราเจอ
19 กันยายน 2550 15:50 น.
ปราณรวี
เป็นแหล่งกำเนิดเกิดเลือดเนื้อ
ให้อุ่นเอื้ออาทรตอนเหน็บหนาว
แหละชุ่มเย็นผ่อนคลายในทุกคราว
ที่รอนร้าวรุ่มร้อนตอนทุกข์ตรม
ให้เล่าเรียนเขียนอ่านการศึกษา
พัฒนาความรู้สู่เหมาะสม
เพื่อเผยแพร่กว้างไปในสังคม
ตามอุดมการณ์นี้ที่ตั้งใจ
หนี้ชีวิตติดค้างอย่างใหญ่หลวง
ทั้งหลายปวงตอบแทนแม้นทำได้
ด้วยภาคภูมิรุมเร้าเราภายใน
ความเป็นไทยไม่เปลี่ยนแปลงหรือแสร้งทำ
ปลุกสำนึกตรึกตรองมองทั่วถ้วน
หมู่เราล้วนครวญใคร่ในอุปถัมภ์
กตัญญูรู้คุณเกื้อหนุนนำ
เติมชุ่มฉ่ำน้ำใจให้แผ่นดิน
อีกมากมายผู้คนยังจนยาก
เพียงลำบากค่อยลดจนหมดสิ้น
ที่เจ็บป่วยฟื้นหายคลายดวงจินต์
ทุกท้องถิ่นสุขสันต์กันทั่วไป
เติมความรักสามัคคีดั่งพี่น้อง
หากปรองดองผูกสมัครและรักใคร่
ชาติจะมั่นคงอยู่คู่คนไทย
ไม่มีใครแบ่งแยกให้แตกกัน
ร่วมเทิดทูนยึดมั่นสถาบันหลัก
รวมใจภักดิ์แน่วแน่ไม่แปรผัน
ให้คงอยู่คู่ไทยไปนิรันดร์
ร้อยผูกพันบ้านเกิด...เทิดเมืองนอน