8 สิงหาคม 2550 14:36 น.
ปราณรวี
ด้วยสองมือแม่นี้.............เกาะกุม
ยามเมื่อหนาวร้าวรุม.......อุ่นเอื้อ
ร้อนใดมิอาจสุม..............นานเหน็บ
ทุกข์บ่ให้ลามเรื้อ............อยู่ใกล้ขวัญตาฯ
ยามเจ้าร้องออดอ้อน.......โยเย
แม่ก็จับนอนเปล.............แกว่งให้
เสียงเพลงกล่อมเห่เฮ.....หวานแว่ว
ดังปลอบประโลมไล้.........ไล่ล้าจากจรฯ
เมื่อถึงคราวป่วยไข้.........งอแง
ไม่ห่างเฝ้าดูแล..............ชิดใกล้
แม้เหนื่อยบ่เชือนแช......เพื่อลูก รักเอย
ยามเจ็บปวดแม่ไซร้........เจ็บด้วยคนดีฯ
ยามหิวได้ดูดน้ำ-............นมกิน
เปี่ยมรักล้นดวงจินต์........อกนั้น
หม่นหมองก็โบยบิน........อ้อมกอด แม่เอย
เปรียบดั่งปราการกั้น......ปกป้องคุ้มภัยฯ
ทุกเวลาแม่จ้อง-...........มองดู
สัมผัสรักพรั่งพรู..........รับได้
อบไออุ่นยามชู............ชื่นชิด
สองจิตคล้องมั่นไว้.......ท่วมท้นผูกพันฯ
6 สิงหาคม 2550 05:11 น.
ปราณรวี
ไม่ง่ายเลยเผยใจให้ใครรู้
กล้ำกลืนอยู่ผู้เดียวมิเหลียวหา
ปล่อยหัวใจไหววาบคราบน้ำตา
ทิ้งเวลาผันผ่านเนิ่นนานไป
ลบอย่างไรใยอดีตที่กรีดเชือด
ไม่แห้งเหือด..ตอกย้ำจนร่ำไห้
ฝืนระทมตรมเศร้าเหงาฤทัย
สะสมไว้ล้นปรี่ที่ชอกช้ำ
คือแผลเป็นเรื้อรังยังเจ็บปวด
ให้ร้าวรวดเหน็บหนาวทุกเช้าค่ำ
อยากจะลืมให้หมด..กลับจดจำ
ทุกข์กระหน่ำซ้ำซากจากอาวรณ์
จึงล้มลุกคลุกคลานอยู่นานครั้ง
ด้วยความหลังฝังไว้ยากไถ่ถอน
สุดอนาถหวาดหวั่นใจสั่นคลอน
ทนร้าวรอนข้ามห้วงบ่วงเวลา
ไม่อาจเริ่มต้นใหม่กับใครแล้ว
เพราะไร้แววรุ้งพรายที่ปลายฟ้า
มีแต่เมฆหมอกมัวสลัวตา
กับฟากฟ้าเดียวดายไร้ดาวเดือน
3 สิงหาคม 2550 07:21 น.
ปราณรวี
หลากชีวิตดิ้นรนเพื่อพ้นผ่าน
กับเหตุการณ์มากมายทั้งหลายแหล่
ที่รุกโรมโถมทุกข์ปลุกดวงแด
อาจพ่ายแพ้หรือชนะ..ต้องผจญ
เมื่อผิดหวังครั้งใดก็ใช่ว่า
กาลภายหน้าจะครอบครองด้วยหมองหม่น
ความสำเร็จจะมีได้ให้อดทน
รู้ร้อนรนเพื่อจดจำชุ่มฉ่ำเย็น
เมื่อเหนื่อยนักพักบ้างวางงานหนัก
แล้วตวงตักผ่อนคลายหายทุกข์เข็ญ
อย่ายื้อยุดฉุดระกำให้ลำเค็ญ
เพียงหยุดเล่นชั่วเวลาคราท้อใจ
เมื่อยามท้อขอจงรู้ฉันอยู่นี่
พร้อมเป็นที่ปรึกษาคราร้องไห้
แม้อยู่ห่างสุดตาฟากฟ้าไกล
จะส่งใจข้ามฟ้าไปหาเธอ
เพียงบอกกล่าวข่าวบ้างอย่าวางนิ่ง
แม้บางสิ่งปิดบังด้วยพลั้งเผลอ
อาจไม่มีแนะนำที่ล้ำเลอ
แต่ก็พร้อมเสมอจะรับฟัง
2 สิงหาคม 2550 01:48 น.
ปราณรวี
แม้ไกลห่างต่างโพ้น......เวลา
พรหมลิขิตชักพา...........สู่ห้วง
ให้สมดั่งปรารถนา........เคียงคู่กันแฮ
ใครมิอาจทักท้วง..........คู่แล้วแคล้วไยฯ
อธิษฐานเผื่อให้............ทุกภพ
ได้ประสานประสบ........ชิดใกล้
อุปสรรคเลือนลบ..........หมดสิ้นไปแฮ
เหมือนดั่งสร้างบุญไว้....ไม่แคล้วคลาดกันฯ
แม้นห้วงกาล..น่านฟ้า..มหาสมุทร
แยกเราสุดสายตามองหาเห็น
ถึงยากไร้ไฟฟอนร้อนหรือเย็น
แสนลำเค็ญ..มิอาจกั้นฉันและเธอ
พรหมบันดาลผ่านภพ..ให้สบพักตร์
แล้วนำชักรักพามาเสนอ
อุปสรรคใดใดได้เจอะเจอ
พร้อมเสมอจะฝ่าฟันดั้นด้นไป
ขอเพียงเราคงมั่นไม่หวั่นหวาด
ทุกภพชาติปรารถนามาชิดใกล้
อยู่ร่วมเรียงเคียงกันมิปันใจ
มอบให้ไว้รักเดียวเหนี่ยวอุรา
ตกบ่วงรักสมัครสมานปานประหนึ่ง
จะไร้ซึ่งดวงฤทัยไปแล้วหนา
หากมิได้พานพบสบสายตา
ขวัญชีวาคงด่าวดิ้นสิ้นลมปราณ
....เกิดเป็นคน....
ในวิถึชีวิตที่คิดฝัน
ตราบจนมาเป็นฉันทุกวันนี้
ไม่แคร์ ไม่ง้อ ไม่ขอร้อง ไม่ลองดี
มีเลว มีดี ปะปนเหมือนคนอื่นทั่วไป
อยากคิดอยากทำ..ก็จะทำ
ขอย้ำ..เพราะหาสร้างเดือดร้อนแก่ใครไม่
มีสมอง สองมือ และเรี่ยวแรงพอหายใจ
ไม่งอมือ งอเท้าไว้ แล้วรอให้ใครมาจุนเจือ
คำพูดจากปาก ออกมาจากหฤทัย
ไม่เสกสรรค์ปั้นแต่งไว้ แต่ข้างในไร้ความจริง
แม้ใครจะกล่าวหาว่าฉันเห็นแก่ตัว
ฉันไม่เคยเมามัวใส่ร้ายใครในทุกสิ่ง
ไม่เคยหักหลัง ไม่เคยอยู่นิ่ง
และหยิ่งพอที่จะไม่เอารัดเอาเปรียบใคร
อุดมการณ์ของฉัน
จงยืนให้มั่นด้วยสองขาของตัวเองใช่อื่นไกล
สะสมเรี่ยวแรงเอาไว้หายใจ
คิดทำสิ่งใดๆ โดยให้สติปัญญาและความสามารถของฉันเอง
เกิดเป็นคน..
ถ้าต้องมีชีวิตอยู่แบบต้องพึ่งผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา
ชีวิตนั้นจะมีค่าอะไร?
ความเป็นคนอยู่ตรงไหน?