20 กรกฎาคม 2550 04:06 น.
ปราณรวี
ซมซานกาลล่วงแล้ว........ปลิดปลิว
เคยท่ามความโหยหิว......ร่ำไห้
หาหลบเลี่ยงธงทิว...........วัฏจักรได้ฤๅ
เพราะบ่วงบาศคาดไว้......ไล่ยื้อยาวนาน
ปวงสัตว์เล็กใหญ่ล้วน.......มีกรรม
ชาติก่อนเคยกระทำ.........ท่วมท้น
มิอาจ กลบ ลบคำ.............ซุกซ่อน
หนีไม่รอดฤๅพ้น..............เที่ยงแท้ทั่วกัน
ลองพินิจซากเนื้อ.............ปูปลา
คราวลับดับชีวา................หมดสิ้น
ยังกลับจับหุงหา...............บริโภค
หรือตัดสับเป็นชิ้น............หมักได้ปุ๋ยดี
หวนตรองมองร่างไร้.........วิญญาณ
มนุษย์สุดตระการ.............ทั่วถ้วน
จุดไฟก่อเผาผลาญ...........ลาญแหลก
ประโยชน์ใดก็ล้วน...........บ่ทิ้งไว้แทน
พึงตระหนักอดีตพ้น..........ผ่านเลย
มีสิ่งใดผิเคย....................ก่อสร้าง
ความดีที่งอกเงย..............มาก่อนกาลเอย
ควรค่าพออิงอ้าง...............เอ่ยเอื้อนแทนตน
17 กรกฎาคม 2550 22:38 น.
ปราณรวี
เพราะปีกกล้าขาแข็งแรงเหลือหลาย
ตั้งความหวังมากมายในแหล่งหล้า
เจ้านกน้อยคอยฝันวันเวลา
เพื่อถลาผกผินบินขึ้นไป
ท้องฟ้ากว้างข้างหน้าท้าทายนัก
ไม่ตระหนักหนทางนั้นกว้างใหญ่
ขยับปีกกางพลันในทันใด
โลดแล่นไปห้วงเวหาหมายตามอง
ยิ่งบินไกลใจยิ่งคึกไม่นึกหวั่น
ว่าตัวนั้นเก่งกาจอาจผยอง
ด้วยแต่งเติมเหิมฮึกนึกลำพอง
ไม่เหลียวมองท้องฟ้าข้างหน้าตน
เริ่มรู้สึกนึกได้เมื่อกายล้า
ปีกแข็งกล้าก็อ่อนแรงแฝงสับสน
มองทางใดเห็นแต่ฟ้าพามืดมน
กระวายกระวนรนร้อนสะท้อนจินต์
จะหวนกลับที่ลับมาหาได้ไม่
ด้วยอยู่ไกลเกินฝืนจะคืนถิ่น
แม้นระหกระโหยต้องโบยบิน
ยังมิสิ้นลมปราณผลาญชีวา
มองหนทางข้างหน้าอีกคราครั้ง
รวบพลังฝืนไว้ให้แกร่งกล้า
กระพือปีกถลาไปในนภา
บอกตัวว่า..ต้องถึงฝั่งอย่างแน่นอน
15 กรกฎาคม 2550 05:34 น.
ปราณรวี
คือ"เอื้อ"โอบอุ้มเพลงบรรเลงสรรค์
เพียงเอื้อนเอ่ยรำพึงรำพันอันอ้อยอิ่ง
ก็อิ่มเอมเปรมใจคล้ายแอบอิง
ละม้ายอบอุ่นนิ่ง..ทิ้งทุกข์ตรม
คือ"ครูเพลง"ไพเราะเสนาะหวาน
เพียงพลิ้วผ่านเพริศพราย..ก็คล้ายห่ม
รื่นในรสเรียงร้อยถ้อยอารมณ์
จึ่งชื่นชมด้วยชำนาญการดนตรี
ทุกๆท่วงทำนองของเพลงแผ่ว
ก็เจื้อยแจ้วแว่วไกลไปทุกที่
จากวันวานผ่านผันจนวันนี้
ยังตราตรึงซึ้งฤดีมิเสื่อมคลาย
ก่อนลาจากฝากไว้ให้สดับ
บทเพลงขับกล่อมจินต์มิสิ้นสลาย
ประพันธ์พจน์รจนาสาธยาย
เรียงร่ายใน"พระคุณ"ที่หนุนนำ
เปรียบพระเจ้าทั้งห้าดั่งว่าไว้
"บิดามารดา"ไซร้..ให้อิ่มหนำ
อีก"ชาติ ศาสน์ กษัตริย์"ขัตติยะธรรม
ทรงอุปถัมภ์ค้ำจุนการุณย์ตน
หนึ่งพระคุณ"ครูอาจารย์"ที่สานสอน
ทุกขั้นตอนขับขานชำนาญผล
ทั้ง"ครอบครัวเมียลูก"ผูกกมล
ร่วมทุกข์สุข..ดั้นด้นจนวันลับ
พระเจ้าสุดท้ายมิหายห่าง
อยู่เคียงข้างวางไว้..ได้สดับ
"ไวโอลิน"สุดรักประจักษ์นับ
บรรจงขับกล่อมขวัญจวบวันสุดท้าย
ถึงลุล่วงลาแล้วจากโลกหล้า
แต่ขุมทรัพย์นับคณามิลาหาย
อนุสรณ์เพลงพิสุทธิ์ดุจเพชรพราย
ขจรขจายบรรเจิดจ้า..สุนทราภรณ์
ภาพ: h**p://province.prd.go.th/
samutsongkram/images/sutaraporn1.jpg
13 กรกฎาคม 2550 07:52 น.
ปราณรวี
เพราะโลกกว้างหนทางไกลให้ค้นหา
แบ่งเวลาเพื่อรังสรรค์วันสดใส
โยนความทุกข์ข้างทางให้ห่างไกล
ดั้นด้นไปข้างหน้าไม่ช้าที
คือตำนานการเดินทางเพื่อสร้างฝัน
และเธอนั้นคือจุดหมายของใจนี่
คนที่เฝ้าตามหามานานปี
ด้วยหวังว่าเธอนี้มีตัวตน
แม้นสุดท้ายปลายทางยังว่างเปล่า
ด้วยไร้เงาที่เฝ้ามองไม่หมองหม่น
ยังคงวาดหวังไว้ในกมล
ซึ่งเอ่อล้นพลังใจให้เร่งรุด
ตราบยังมีแสงทองส่องฟากฟ้า
การเดินทางค้นหาไม่สิ้นสุด
อุปสรรคนานามายื้อยุด
ไม่อาจฉุดใจฉันเพราะมั่นคง
12 กรกฎาคม 2550 02:24 น.
ปราณรวี
มิใช่ตะวันเธอฝันถึง
เพ้อพร่ำรำพึงซึ้งหนักหนา
มิได้พราวเด่นเยือกเย็นตา
หรือค่ามากมายให้หมายปอง
มิได้เจิดจ้าจรัสแสง
แต่แฝงทุกข์ทนดูหม่นหมอง
มิได้ปราดเปรื่องจนเรืองรอง
ขุ่นข้องบางเวลาคราท้อใจ
เป็นเพียงตะเกียงที่เสี่ยงโชค
เร้นลับกับโลกที่หลับใหล
อาจแสงลุกโชนจนมีภัย
หรือมอดไหม้ใกล้ดับฉับพลัน
ส่องสว่างลางเลือนดั่งเดือนมืด
จางจืดไกลลับเกินจับมั่น
ริบหรี่รอนรอนหมดร้อนครัน
รอวันสิ้นแสงแห่งจินตนา
อย่าฝืนฝากความฝันอันใด
ด้วยไฟอ่อนแรงไม่แกร่งกล้า
ส่องเรื่อเรืองรำไรเพียงใกล้ตา
ฤๅแจ่มจ้า..หากเปรียบ..เทียบตะวัน
ภาพ: h**p://jaaenet.tripod.com/
fanart_fireflies.jpg