31 กรกฎาคม 2550 03:26 น.
ปราณรวี
แม้ไกลห่างต่างฟ้า...........ดาวเดือน
เหมือนอยู่คู่ครองเรือน.....ชิดใกล้
พรหมลิขิตลางเลือน........แต่ก่อน
กลับชักพามาให้.............อยู่คล้องดวงแดฯ
หรือบุพเพเสกปั้น..........บันดาล
ต่างภพต่างห้วงกาล.......ขวัญแม่
จึ่งโฉมนุชนงคราญ........ปรากฏ
ใจมุ่งหมายรักแท้..........มอบน้องนางเดียวฯ
เพราะบุพเพเสกสรรบรรจงสร้าง
ถึงไกลห่างข้ามฟ้ามหาสมุทร
อยู่ต่างภพต่างแคว้นแดนมนุษย์
ประหนึ่งสุดสายตาจะหาเห็น
แต่บุญเก่าเราสองเคยครองคู่
หรือใครสู่ชักพามาหยอกเล่น
จึงพบพานประสานใจให้ชุ่มเย็น
เปรียบเจ้าเป็นจอมขวัญแต่นั้นมา
ขออย่าร้างห่างไกลไปเลยหนอ
อยู่เคลียคลอเคียงข้างดังปรารถนา
เป็นยอดแห่งชีวันให้สัญญา
ใครอื่นมามิเหลียวแลรักแต่นวล
หากฟ้าพรากจากเราอีกคราวแล้ว
ไม่คลาดแคล้วหม่นหมองต้องกำสรวล
ขาดเธอไปใจคงขาดอนาถครวญ
แม้นย้อนทวนภพได้..จะใคร่ทำ
27 กรกฎาคม 2550 03:38 น.
ปราณรวี
ยากเหลือเกินเดินทางแห่งว่างเปล่า
หลบเรื่องราวร้าวรอนแต่ก่อนนั้น
สูญสิ้นแล้วแววหวามความสัมพันธ์
เคยปลุกปั้นบรรจงแต่งด้วยแรงรัก
ด้วยห่างไกลเกินกว่าจะคว้าถึง
ดวงใจจึงขื่นขมเพราะจมปลัก
ตกอยู่ท่ามความระทมตรมตรอมนัก
จะหยุดพักเมื่อไรไม่รู้เลย
เพราะใจอ่อนคลอนแคลนแน่นในอก
ไม่อาจยกเอ่ยอ้างวางเฉลย
กับท่าทางบางทีที่เฉยเมย
มันงอกเงย "บางอย่าง" ที่ต่างไป
เก็บเอาไว้ให้มิดชิดสนิทแน่น
ณ ดินแดนมืดดับเคยหลับไหล
ฝังให้ดิ่งทิ้งลงตรงห้วงใจ
ไม่มีใครพบเห็นดั่งเป็นมา
แล้วปิดตายหายลับกับทุกข์ท้อ
ลืมไปหนอใดใดในโลกหล้า
วางชีวิตปลิดปลิวลิ่วลมพา
ปล่อยให้ฟ้ากำหนดบทลงทัณฑ์
...วางชีวิตปลิดปลิวลิ่วลมพา
รอจนกว่าจะดับดิ้น"สิ้นลมปราณ"...
25 กรกฎาคม 2550 07:29 น.
ปราณรวี
อาจเป็นพรหมลิขิตชีวิตให้
หรือมีใครแผ้วถางหนทางฝัน
อาจเป็นตัวของเราเข้าโรมรัน
เพื่อฝ่าฟันสู่จุดหมายที่ปลายทาง
แต่สิ่งใดที่รู้แน่ยังแปรเปลี่ยน
สลับเวียนวนลับกลับหัวหาง
สุขพะนอคลอเล่นไม่เว้นวาง
ทุกข์อาจพรางอยู่ใกล้ไม่ทันมอง
คราหัวเราะร่าเริงบันเทิงจิต
ก็ลืมคิดผิดหวังยังคอยจ้อง
อาจสรวลเสเฮฮาเมื่อคว้าครอง
หรือโศกร่ำน้ำตานองเมื่อหมองมัว
อยู่ที่ใครใจพร้อมจะยอมรับ
เพื่อพบกับพร่าเลือนที่เกลื่อนทั่ว
ไม่หวามไหว..ใจมั่น..เลิกหวั่นกลัว
รู้เตรียมตัวตั้งรับกับเปลี่ยนแปลง
ใช้สติไตร่ตรองมองรอบคอบ
พิศคำตอบครอบคลุมที่ซุ่มแฝง
กล้าเผชิญเดินหน้าคราเคลือบแคลง
ทุกหนแห่งก็ผ่านได้ไม่หวาดกลัว
....อบายมุข ๖....
ขึ้นชื่อคฤหัสถ์ล้วน.........ครองตน
ยึดหลักธรรมฝึกฝน........ถ่องถ้วน
สิ่งใดชั่วร้อนรน.............หลบหลีก
คืออบายมุขล้วน............หกข้อพึงจำฯ
หนึ่งปลาบปลื้มกับน้ำ......เมรัย
ดื่มด่ำชุ่มฉ่ำใจ...............ค่ำเช้า
เสียสินทรัพย์บรรลัย.......ไม่บ่น
ขาดสติ,โรครุมเร้า..........ป่วยไข้ทรมานฯ
สองมืดค่ำอาสน์ร้อน........รนราน
ต้องออกนอกเรือนชาน....เที่ยวด้อม
เจ้าชู้อยู่ดักดาน...............บ่เลือก ใครเฮย
กิเลสกาเมล้อม..............หลากล้นคนชังฯ
สามหลงใหลไขว่คว้า.......บันเทิง
เตร็ดเตร่เร่ร่าเริง............เร่งเร้า
ปล่อยตัวปล่อยใจเหลิง.....โลดแล่น
เกินกว่าจะวอนเว้า...........แย่งยื้อกลับคืนฯ
สี่มั่วสุมรุ่มร้อน..............การพนัน
สมบัติก็ผกผัน...............หมดสิ้น
หนี้สินเพิ่มพูนพลัน........เกินกลบ
มวลมิตรก็พลิกลิ้น.........หลบลี้จากจรฯ
ห้าคบคนชั่วช้า..............นักเลง
จับกลุ่มไม่หวั่นเกรง......อวดกล้า
ใครขัดก็ข่มเหง.............ห้ำหั่น
ญาติพี่น้องอ่อนล้า..........ปล่อยแล้วลาไกลฯ
หกหยามเหยียดเกียจคร้าน...การงาน
สร้างกมลสันดาน...............จดจ้อง
กล่าวอ้างหลีกเลี่ยงพาล.......เบือนบิด
พรรคพวกแลเพื่อนพ้อง......ส่ายหน้าระอาใจฯ
หากละเลิกหักห้าม...........ปรามตน
ขึ้นชื่อวิญญูชน.................แม่นแล้ว
สิ่งใดย่อมเกิดผล..............ประกอบ การเฮย
ส่งจิตให้ผ่องแผ้ว..............พรากพ้นโพยภัยฯ
24 กรกฎาคม 2550 02:59 น.
ปราณรวี
มุ้งสายบัวมัวหมองด้วยน้องม็อบ
ที่รายรอบชอบทำลายเสียหายหนัก
คล้ายนักเลงไม่เกรงใครใจชั่วนัก
กล้าหาญหัก กักขฬะ ปะทะ ชน
นี่หรือคือสันติอหิงสา
เพียงปากว่าตาขยิบขมิบก้น
ขาดสติดำริรอบดูชอบกล
คือฝูงคนมุ่งร้ายหมายต่อตี
ใครฉลาดวาดตัวเป็นหัวหน้า
ใช้วาจาโรมรุกปลุกปั้นผี
หว่านด้วยเงินเล็กน้อยถ้อยวาที
กล้าลองดีละเมิดกฎเลี้ยวลดการณ์
เจ้าพร้อมลุยถุยถากลากไปมั่ว
ไม่หวาดกลัวความผิดคิดล้างผลาญ
ก่อเป็นม็อบหวังบุกเข้ารุกราน
ดังหมู่มารมิผิดแผกแยกชั่วดี
ไม่รู้ตัวถูกหลอกบอกเรื่องเท็จ
จึงเบ็ดเสร็จเป็นเหยื่อไปในทุกที่
สั่งให้ลุกปลุกให้ถอยคอยรอรี
สั่งให้ตีทุบถองจนหมองมัว
แต่หัวโจกโยกกายอยู่ไกลลับ
ใครคิดจับต้องแหกด่านจึงผ่านทั่ว
ลูกกระจ๊อกล้อมรอบเป็นกรอบตัว
ทั้งหูหัวโนแตกกันแหลกลาญ
คุ้มหรือไม่ใครคิดพินิจถ้วน
มาก่อกวนบ้านเมืองเรื่องหักหาญ
ประเทศช้ำระส่ำไปด้วยภัยพาล
จากมือมารขานขับแลกรับเงิน
สงสารเหล่าตำรวจผู้กวดขัน
บาดเจ็บกันทั่วไปใครสรรเสริญ
ถึงยากยุดหยุดยั้งยังกล้าเดิน
เข้าเผชิญป้องกันสันติวิธี
จะสกัดดัดหลังครั้งนี้ได้
มีหนทางมากมาย..อย่าให้หนี
รวบหัวหน้ามาก่อนอย่าอ่อนที
แล้วไล่บี้มีหลักฐานบานตะเกียง
หลังม็อบจบก็หลบหน้าจ้าละหวั่น
หาที่กันวุ่นวายให้เงียบเสียง
แม้รู้สึกนึกได้ใจโอนเอียง
ไม่อาจเลี่ยงความผิดที่ติดตัว
วิ่งหาแหล่งพักฟื้นคืนสติ
สมาธิแตกซ่านลาญไปทั่ว
มาสิมา..สงบจิต-ผิด-หวาดกลัว
"มุ้งสายบัว"รอรับผู้อับจน
23 กรกฎาคม 2550 06:36 น.
ปราณรวี
"พิศพักตร์งามผ่องแผ้ว..........พรรณราย
โฉมดั่งจันทร์เพ็ญฉาย..........ส่องหล้า
เอกองค์ยิ่งแพรวพราย...........สวยเด่นนางเอย
อกพี่ระทม,ว้า-.....................วุ่นแล้วนงคราญ
เสมือนตกสู่ห้วง....................แห่งรัก
ตรึงติดจิตประจักษ์................แจ่มแจ้ง
เพียงพบมอบใจภักดิ์.............ขวัญแม่
โปรดอย่าหมางเมินแกล้ง......พี่ช้ำชอกทรวง
หมายปองครองคู่เคล้า..........เคียงกาย
ไฟรักมิเหือดหาย.................ห่วงไห้
ฝากลมแผ่วพัดพราย............ชวนชื่นชิดเอย
โชยกลิ่นพิกุลใกล้.................กรุ่นเนื้อนวลนาง
วอนเดือนลอยเด่นฟ้า...........บันดาล
เกรงพ่ายพิษรักผลาญ..........โศกเศร้า
ช่วยดลจิตดวงมาน..............โอนอ่อนรักนา
จะอยู่เคียงครองเจ้า.............ตราบสิ้นดินฟ้า"
*ยินคำครวญพร่ำเพ้อ.........รำพัน
อยากเฉลยจำนรรจ์...........ตอบถ้อย
แต่เกรงกริ่งอกพลัน..........แรมร้าง
ยามเมื่อรักเรียงร้อย.........รุ่มร้อนใจเรียม
เป็นหญิงจึงกลัดกลุ้ม........ดวงแดพี่เอย
มิใช่เมินเหลียวแล...........หลีกเร้น
หากวันหนึ่งรักแช-...........เชือนกลับ
คงทุกข์ทนมิเว้น-............ว่างแล้วน้ำตา
ถึงสาบานมั่นไว้...............ฟ้าดิน
นานนักก็จักสิ้น...............ภักดิ์ได้
คราเมื่อรักโบยบิน..........ลาจาก
คำที่สัญญาไซร้..............ซ่อนเร้นเลือนราง*
"ขอตอบคำนุชน้อง..........จอมใจพี่เอย
คำมั่นสัญญาให้...............แก่เจ้า
มิเคยคิดแรมไกล............ตีจาก
ตราบชีพวายขอเคล้า.......คู่คล้องเคียงกัน
หากมิเชื่อเบื่ออ้าง...........เทวา
จะตักควักดวงตา............มอบให้
เพียงขวัญแม่เวทนา.......รับรักพี่เอย
แม้ชีพก็พลีได้................เพื่อน้องนางเดียว"