4 มิถุนายน 2550 08:22 น.
ปราณรวี
เราจากลาอาลัยไร้คำกล่าว
หยุดเรื่องราวผ่านมาคราก่อนนั้น
ไม่เหลือสิ่งใดใดไว้ผูกพัน
แม้ภาพฝันพลันดับไปกับมือ
ทั้งสองเราซานซมระทมจิต
ถูกเบือนบิดรักร้างต่างไขสือ
เจ็บชอกช้ำกล้ำกลืนฝืนได้ฦๅ
ด้วยน้ำมือบางใครที่ไม่แคร์
แม้นห่างกายใจฉันยังมั่นนัก
ถึงตระหนักดวงใจได้บาดแผล
มันหยั่งรากฝังลึกตรึกดวงแด
หมดทางแก้แพ้พิษจิตตรอมตรม
อยากฝากคำย้ำกล่าวคราวไกลห่าง
เมื่อรักร้างว่างเปล่าเศร้าขื่นขม
บนหนทางพักฟื้นฝืนอารมณ์
ความโศกตรมจะจมหายไปตามกาล
เพียงสองเราเข้าใจไม่โกรธเกลียด
หยุดขึ้งเครียดเคืองคร่ำด้วยคำขาน
ลืมความเจ็บ..เก็บจำเป็นตำนาน
เรื่องวันวารผ่านแล้วให้แคล้วไป
สิ่งสุดท้ายฝากไว้ให้เธอรู้
แม้นไม่อาจเคียงคู่อยู่ชิดใกล้
ภาพเก่าๆ เฝ้าตามลามเนื้อใจ
ไม่มีใคร..แทนที่..นี้ได้เลย
รูป: h**p://www.scubagrl.net/
IceWorldSS.gif
3 มิถุนายน 2550 03:59 น.
ปราณรวี
กาลครั้งนั้นผ่านมากี่คราแล้ว
ไม่ลืมแววตาใสใครคนหนึ่ง
มาฝากรักปักใจให้รำพึง
หาปั้นปึ่งตอบแทนให้แค้นใจ
ด้วยเด็กเกินจะเพลินพิศคิดเรื่องรัก
แต่ตระหนักใจฉันก็หวั่นไหว
เมื่อไม่อาจยอมรับกับความนัย
ขอตั้งใจพากเพียรเรียนอย่างเดียว
จนสิบปีผ่านมาคราเราพบ
เรื่องจวนจบก็ย้อนกลับมาขับเคี่ยว
ตรึงหัวใจให้สะดุดหลุดจากเกลียว
แค่เศษเสี้ยวคำหวานเธอหว่านมา
หลอกจนฉันตายใจในความรัก
ไม่นานนักเธอหักเหเสน่หา
บอกเลิกร้างขว้างทิ้งกลิ้งไกลตา
ฉันโศการ่ำไห้ใจระทม
เธอคิดแค้นแน่นอกยกมาอ้าง
เคยอ้างว้างช้ำฤทัยให้ขื่นขม
ให้ฉันรู้รสชาติอนาถตรม
โลกมันกลมเวรกรรมตามมาทัน
เธอมิได้เห็นค่าของความรัก
แต่จมปลักหนักฤทัยให้โศกศัลย์
รอเวลาสะสางล้างแค้นกัน
ทุกคืนวันไฟร้อนเข้ารอนราน
ไม่เป็นไร
ยอมทำใจกับปวดปร่าอย่างกล้าหาญ
ปล่อยรักคดบดใจให้แหลกลาญ
ปิดตำนานรักเศร้า..เราเสียที
ภาพ: h**p://www.pantown.com/data/
10170/board4/8-20050803081919.jpg
คือขุนเขาตระหง่านเงื้อม..เงียบเหงา
ขุนเขาตะหง่านเงื้อม..........เยี่ยมจันทร์
สูงเด่นแต่เงียบงัน..............ท่ามฟ้า
สายหมอกหม่นครอบพัน.....บังยอด
ปิดกลบ,พรางอ่อนล้า..........ห่มล้อมศิขรินทร์ฯ
ยลยินเสียงเพรียกร้อง.........ร่ำหา
แลลับสุดสายตา.................หลบเร้น
รายรอบขอบพสุธา.............ว่างเปล่า
ความเงียบดังบีบเค้น..........ปิดห้วงจินตนาฯ
เย็นเยียบที่ปกห้อม.............บังสูรย์
คล้ายปกปิดอาดูร...............โศกเศร้า
เพียงยอดที่จำรูญ...............สวยแจ่ม
แต่แก่นในกับเคล้า.............คลุกด้วยอาวรณ์ฯ
ชะโงกเงื้อมเอื้อมดอกหญ้า....ลิบไกล
อยากเด็ดเชยชื่นใจ..............กลิ่นเจ้า
ยิ่งเอื้อมยิ่งห่างไป.................สุดกู่
เกินเก็บมาหยอกเย้า............คู่คล้องดวงแดฯ
แค่เพียงเพ่งพิศด้วย.............สายตา
ผ่านม่านหมอกเย็นชา..........ค่ำเช้า
ไร้เสียง,ซุกซ่อนครา.............สุรีย์ส่อง
ยากเกินจักวอนเว้า..............กล่าวถ้อยแถลงการณ์ฯ
2 มิถุนายน 2550 08:40 น.
ปราณรวี
กาลครั้งหนึ่งนานมากี่คราครั้ง
ยังฝังจำใจจิตติดยึดแน่น
บอกรักเธอเผลอไผล..ใยดูแคลน
กลับตอบแทนด้วยท่าทางที่หมางเมิน
สิบปีผ่านพ้นไปใจยังเจ็บ
ด้วยหนาวเหน็บเก็บไว้ใครห่างเหิน
กลับมา..ด้วยท่าทางก้าวย่างเดิน
ทุกดำเนินมั่นใจในตัวตน
มาพบเธอคนเก่าเราจำมั่น
ฝากสัมพันธ์บอกรักอีกสักหน
เฝ้าดูแลแคร์กันมั่นกมล
บอกรักจนเธอตายใจ..ให้รักมา
แล้วก็ถึงครั้งคราฉันลาจาก
น้ำตาเธอไหลพรากมากกังขา
ทำให้รักหักใจยากใยจากลา
เธอโศการ่ำไห้ใจตรอมตรม
ฉันตอบคำย้ำชัดไม่ขัดข้อง
โปรดจงมองย้อนไปใครขื่นขม
ไม่แยแสทิ้งใครใจระทม
โลกมันกลมถึงคราวเธอเศร้าเอง
ให้รับรู้รสชาติอนาถจิต
พ่ายแพ้พิษรักตรมถูกข่มเหง
ถูกทอดทิ้งกลิ้งไปไม่หวั่นเกรง
มาร้องเพลงโศกา..คงสาใจ..
ภาพ: h**p://img97.imageshack.us/
img97/4799/photo80580cd.jpg
คือคนแท้..ทุกบทต้องอดทน
แววตาเธอหม่นหมองจากร้องไห้
ทุกข์ยิ่งใหญ่เกินกว่าหาใครเห็น
หนทางแก้แพ้พ่ายหลายประเด็น
ใครจะเป็นเพื่อนปลอบจักขอบคุณ
เธอเมินหลบสายตามองฟ้ากว้าง
ที่เวิ้งว้างคลุมเครือใครเกื้อหนุน
ไร้ถ้อยคำอวยพรอ่อนละมุน
มีแต่ขุ่นขัดข้องหมองวิญญาณ์
เธอก้มหน้ามองดินด้วยสิ้นแล้ว
โลกหมดแววกำลังใจให้ฝันหา
จึงริบหรี่..ทุกข์ท้อทรมา
กลบดวงตา กลบใจให้มืดมิด
หากเธอหยุดร้องไห้เมื่อไรหนอ
ด้วยเพียงพอระบายหายข้องจิต
มองซิมองผู้คน..ค้นชีวิต
ที่ลิขิตมันได้ด้วยใจเรา
ไม่มีใครพูนสุขไปทุกด้าน
ล้วนต้องผ่านแง่มุมที่กลุ้ม,เศร้า
ผ่านปัญหาสารพันจนบรรเทา
สิ่งรุมเร้าต้องสู้..อย่ารู้แพ้
แม้ล้มลุกคลุกคลานกว่าผ่านพ้น
ด้วยอับจนหนทางจะสาง-แก้
อย่าท้อถอยน้อยใจคล้ายอ่อนแอ
เป็น"คนแท้"ทุกบทต้องอดทน
1 มิถุนายน 2550 04:15 น.
ปราณรวี
ฟ้าพร่างพราวดาวระยิบกระพริบแสง
ทุกหนแห่งแหล่งหล้าคราจันทร์ดับ
ดาวดวงน้อยคอยอยู่ไม่รู้ลับ
คล้ายจะขับนภาผ่องส่องแทนจันทร์
แม้พายุดุดันกั้นขวางไว้
ปิดฟ้ามืดแสนไกลให้โศกศัลย์
แต่หาใช่เช่นนี้ชั่วนิรันดร์
เพราะสักวันฟ้าจะใส..ไร้เมฆคลุม
เปรียบชีวิตของคนผจญทุกข์
ลิดรอนสุขเหมือนดั่งไฟมาไล่สุม
อาจทนท้อทรมานเข้ารานรุม
ดวงจิตกลุ้มร้าวรอนสะท้อนใจ
อย่าหวาดกลัวอุปสรรคหรือขวากหนาม
ใต้ฟ้าครามความหวังยังพร่างใส
เปรียบดวงดาวพราวตาบนฟ้าไกล
สิ่งใดใดไม่อาจพราง..สว่างวาว
จงยืดหยัดต่อสู้อย่ารู้หนี
ทุกชีวีมิมีใครไม่รู้หนาว
เพียงอดทนกมลหวังดั่งดวงดาว
สุกสกาวด้วยศรัทธา...เย้ยฟ้าดิน
รูป: h**p://www.physics.ccsu.edu/
larsen/Evening_Star.jpg