14 ตุลาคม 2550 20:15 น.
ปราณรวี
คราพายุโหมซัดพัดกระหน่ำ
ทะเลคร่ำคลุ้มคลั่งดั่งบ้าบิ่น
คลื่นก็สาดซัดโหมโถมแผ่นดิน
กว่าจะสิ้นแรงลมถมทับมา
ทั้งกรวดทรายที่เห็นกระเซ็นซ่าน
แต่โขดหินยังตระหง่านดูหรรษา
แค่ลมล้อคลื่นหยอกหรอกเพื่อนยา
เนิ่นนานมาชาชินถิ่นทะเล
อาจกัดกร่อนร่อนหลุดแค่จุดเล็ก
คล้ายดังเหล็กร้อนไฟไม่หันเห
แค่น้ำเซาะซ้ำซ้ำจนจำเจ
มิซวนเซโศกทรุดหยุดสัมพันธ์
ยามคลื่นลมอ่อนลงก็คงพบ
ความสงบกลับคืนชื่นสุขสันต์
หาดทรายพ้อล้อถ้อยร้อยจำนรรจ์
กลับรักกันดั่งเช่นเคยเป็นมา
ทะเลไม่เคยหลับแม้ลับแสง
ถึงอ่อนแรงแฝงไว้ใต้โลกหล้า
อาจเงียบเหงาเศร้าบ้างบางเวลา
หายเหนื่อยล้ากลับเป็นเช่นดังเดิม
ดั่งชีวิตลิขิตไว้ให้สุข-ทุกข์
มีเคล้าคลุกรุกไล่มาใส่เพิ่ม
อุปสรรคสอนใจให้เหิมเกริม
เหมือนต่อเติมภูมิต้านทานโรคร้าย
เพียงไม่ท้อ..ต่อสู้อย่ารู้ถอย
อดทนคอยแสงสว่างที่จางหาย
ไม่ช้านานตะวันส่องท้องฟ้าพราย
เห็นจุดหมายปลายทางเราที่เฝ้ารอ
13 ตุลาคม 2550 12:10 น.
ปราณรวี
เทศกาลเจเยี่ยมแล้ว....อีกปี
ถือฤกษ์งามยามดี........เริ่มต้น
ชำระจิตหมองศรี.........บริสุทธ์
เพียงเพื่อหวังหลุดพ้น...ว่างเว้นบาปกรรมฯ
หนึ่งถึงเก้าค่ำขึ้น......เดือนไทย
งดบริโภคสัตว์ใด......หมดสิ้น
ถือศีลเมตตาใน.......มนุษย์โลก
ชีวิตหยุดด่าวดิ้น.......หยุดสร้างมรณาฯ
งดพืชผักกลิ่นร้อน-....แรงฉุน
เพื่อก่อเกิดสมดุล......แห่งเจ้า
สิ่งเสพติดกามคุณ.....เพียรละ ด้วยเฮย
หลีกเลี่ยงเหตุรุมเร้า...มุ่งร้ายหายสูญฯ
สงบจิตสมาธิตั้ง........มั่นคง
อุทิศมวลอานิสงส์......แด่ผู้
ล่วงลับกลับเวียนวง...วัฏจักร
ท้ายสุดบังเกิดรู้........ผ่องแผ้วแววธรรมฯ
6 ตุลาคม 2550 08:23 น.
ปราณรวี
ในวิถึชีวิตที่คิดฝัน
ตราบจนมาเป็นฉันทุกวันนี้
ไม่แคร์-ง้อ-ขอร้อง หรือลองดี
เลวก็มีปะปนบ้าง..ช่างประไร
คิดอยากทำสิ่งใด..ก็ใคร่ทำ
หาก้าวล้ำย่ำเส้นของใครไม่
มีสมอง-สองมือ-คือแสงไฟ
เรี่ยวแรงพอหายใจให้ก้าวเดิน
ไม่งอมืองอเท้าคุกเข่าง้อ
เพื่อร้องขอสิ่งใดให้ขัดเขิน
อุปสรรคขวางหน้ากล้าเผชิญ
ไม่หลงเพลินติดบ่วงห้วงมายา
ทุกคำพูดจากปากออกจากใจ
ใช่เสกสรรค์ปั้นแต่งให้ใครกังขา
แม้ความจริงบอกไม่ได้ในบางครา
ทุกเวลาที่เหลือโปรดเชื่อใจ
จะกล่าวหาว่าฉันเห็นแก่ตัว
หาได้เคยเมามัวใส่ร้ายไม่
ไม่หักหลังกลับกลอกหลอกใครๆ
ความหยิ่งพอมีไว้ให้ทะนง
อุดมการณ์ของฉัน..
จะยึดมั่นคงไว้..ใช่ลุ่มหลง
พาชีวิตก้าวไปไม่พะวง
ย้ำ..ซื่อตรงแน่วแน่แก่ตนเอง
3 ตุลาคม 2550 23:18 น.
ปราณรวี
ขึ้นชื่อคฤหัสถ์ล้วน.........ครองตน
ยึดหลักธรรมฝึกฝน........ถ่องถ้วน
สิ่งใดชั่วร้อนรน.............หลบหลีก
คืออบายมุขล้วน............หกข้อพึงจำฯ
หนึ่งปลาบปลื้มกับน้ำ......เมรัย
ดื่มด่ำชุ่มฉ่ำใจ...............ค่ำเช้า
เสียสินทรัพย์บรรลัย.......ไม่บ่น
ขาดสติ,โรครุมเร้า..........ป่วยไข้ทรมานฯ
สองมืดค่ำอาสน์ร้อน........รนราน
ต้องออกนอกเรือนชาน....เที่ยวด้อม
เจ้าชู้อยู่ดักดาน...............บ่เลือก ใครเฮย
กิเลสกาเมล้อม..............หลากล้นคนชังฯ
สามหลงใหลไขว่คว้า.......บันเทิง
เตร็ดเตร่เร่ร่าเริง............เร่งเร้า
ปล่อยตัวปล่อยใจเหลิง.....โลดแล่น
เกินกว่าจะวอนเว้า...........แย่งยื้อกลับคืนฯ
สี่มั่วสุมรุ่มร้อน..............การพนัน
สมบัติก็ผกผัน...............หมดสิ้น
หนี้สินเพิ่มพูนพลัน........เกินกลบ
มวลมิตรก็พลิกลิ้น.........หลบลี้จากจรฯ
ห้าคบคนชั่วช้า..............นักเลง
จับกลุ่มไม่หวั่นเกรง......อวดกล้า
ใครขัดก็ข่มเหง.............ห้ำหั่น
ญาติพี่น้องอ่อนล้า..........ปล่อยแล้วลาไกลฯ
หกหยามเหยียดเกียจคร้าน...การงาน
สร้างกมลสันดาน...............จดจ้อง
กล่าวอ้างหลีกเลี่ยงพาล.......เบือนบิด
พรรคพวกแลเพื่อนพ้อง......ส่ายหน้าระอาใจฯ
หากละเลิกหักห้าม...........ปรามตน
ขึ้นชื่อวิญญูชน.................แม่นแล้ว
สิ่งใดย่อมเกิดผล..............ประกอบ การเฮย
ส่งจิตให้ผ่องแผ้ว..............พรากพ้นโพยภัยฯ
2 ตุลาคม 2550 11:48 น.
ปราณรวี
เพราะโลกร้อนย้อนมาหามนุษย์
เราเกือบหยุดสุขสรรค์ละหรรษา
อากาศแปรอารมณ์เปลี่ยนหมุนเวียนมา
เคยแย้มยิ้มพิมพ์ตาก็ราโรย
หน้าเคยอุ่นละมุนฝันก็พลันบึ้ง
ดูมึนตึงขึ้งค่อนอ่อนระโหย
คนอยู่ใกล้ให้กระดากอยากจะโกย
แทบร้องโวยทำไมหวาหน้าบึ้งจัง
เคยมากมีมวลมิตรสนิทแน่น
ก็โลดแล่นจากไปไม่เหลียวหลัง
มิตรภาพที่มีไม่จีรัง
ด้วยมนต์ขลังเสื่อมฤทธิ์พิชิตใจ
มาเถอะมาสร้างรอยยิ้มพิมพ์ใจเพื่อน
ให้กลาดเกลื่อนเยือนยลดลสมัย
เป็นสื่อแทนไมตรีมิลาไกล
โลกสดใสน่าอยู่ด้วยผู้คน
ละโมโหโกรธาอารมณ์ร้อน
ดับไฟฟอน ฝืน ฝึก ผนึกผล
โลกจะสวยงามตาน่ายินยล
เมื่อทุกคนแจกยิ้มพริ้มเพราตา