23 กันยายน 2550 11:25 น.
ปราณรวี
อยากเรียงร้อยถ้อยคำลำนำกล่าว
บรรยายบอกเรื่องราวทุกข่าวสาร
ให้โลกรู้แจ่มแจ้งแถลงการณ์
ถึงการงานพ่อหลวงปวงชาวไทย
พระทรงงานเหนื่อยหนักรักษ์ประเทศ
ทุกขอบเขตทั่วแคว้นแดนไหนๆ
ถึงกันดารลำบากยากเพียงใด
พระเสด็จดำเนินไปใคร่เยี่ยมเยือน
ชลประทาน..งานน้ำชุ่มฉ่ำเห็น
ฝนหลวงเด่นเย็นทั่วไทยใครไม่เหมือน
โครงการณ์พระราชดำริมิลืมเลือน
ทรงย้ำเตือนพัฒนาอย่างถาวร
เศรษฐกิจพอเพียงหล่อเลี้ยงชีพ
อย่าเร่งรีบจนหลงพระทรงสอน
งานเกษตรคือหลักปักดงดอน
รู้กินนอนอย่างประหยัดปัดยากจน
ไทยเป็นไทยอยู่ได้ในวันนี้
ด้วยชาติมีศูนย์รวมใจ..ไม่สับสน
ทรงเป็นหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่ในสากล
ผู้มากล้นคุณูปการงานพัฒนา
ร้อยลำนำคำเล่าเพื่อกล่าวขาน
ถวายพระพรพระภูบาลกันทั่วหล้า
ด้วยสำนึกระลึกในพระเมตตา
จึงสัญญาเป็นคนดีศรีแผ่นดิน
21 กันยายน 2550 16:50 น.
ปราณรวี
เมื่อทบทวนครวญใคร่ในวันเก่า
ทุกเรื่องราวผ่านไปไม่หวนกลับ
ทั้งสุขเศร้าเหงาใจไกลลาลับ
เพียงซึมซับเสี้ยวหนึ่งที่ซึ้งทรวง
บางเศษส่วนสดใสในความคิด
ยังฝังติดตราตรึงคะนึงหวง
แต่ที่ซุกซ่อนไว้ในแดดวง
คือคำลวงร้อยเล่ห์เพทุบาย
ที่ไม่ลบ กลบ ลืม..ใช่ปลื้มจิต
ช่วงชีวิตหมองหม่นจนใจหาย
เหมือนสูญเปล่าเวลา..น่าเสียดาย
รอบๆ กายคือหมอกควันที่ฉันเจอ
เกือบหมดแรงแสงล้าเข้าตาอับ
ทุกข์ท้อจับขับไล่ใจเพ้อเจ้อ
จนเนิ่นนานผ่านผันวันละเมอ
หยุดพร่ำเพ้อเดียวดายหายกังวล
ได้พบเห็นเป็นสัจธรรมค้ำชีวิต
ที่เคยคิดว่าสุดท้อก่อสับสน
คือภูมิต้านทานโรคโศกทุกข์ทน
ให้ผู้คนเข้มแข็งด้วยแรงใจ
ได้เรียน รู้ หลบ หลีก อีกมุมหนึ่ง
หลายสิ่งซึ่งหาเรียนรู้มาก่อนไม่
ประสบการณ์ผ่านมาแล้วลาไป
แสนยิ่งใหญ่ค่าล้ำให้จำนาน
เป็นแบบเรียนสูงค่าน่าจำจด
ใช้กำหนดแนวทางวางรากฐาน
ต่อนี้ไปไม่ย่อท้อทรมาน
กับเหตุการณ์แบบเก่าที่เราเจอ
19 กันยายน 2550 15:50 น.
ปราณรวี
เป็นแหล่งกำเนิดเกิดเลือดเนื้อ
ให้อุ่นเอื้ออาทรตอนเหน็บหนาว
แหละชุ่มเย็นผ่อนคลายในทุกคราว
ที่รอนร้าวรุ่มร้อนตอนทุกข์ตรม
ให้เล่าเรียนเขียนอ่านการศึกษา
พัฒนาความรู้สู่เหมาะสม
เพื่อเผยแพร่กว้างไปในสังคม
ตามอุดมการณ์นี้ที่ตั้งใจ
หนี้ชีวิตติดค้างอย่างใหญ่หลวง
ทั้งหลายปวงตอบแทนแม้นทำได้
ด้วยภาคภูมิรุมเร้าเราภายใน
ความเป็นไทยไม่เปลี่ยนแปลงหรือแสร้งทำ
ปลุกสำนึกตรึกตรองมองทั่วถ้วน
หมู่เราล้วนครวญใคร่ในอุปถัมภ์
กตัญญูรู้คุณเกื้อหนุนนำ
เติมชุ่มฉ่ำน้ำใจให้แผ่นดิน
อีกมากมายผู้คนยังจนยาก
เพียงลำบากค่อยลดจนหมดสิ้น
ที่เจ็บป่วยฟื้นหายคลายดวงจินต์
ทุกท้องถิ่นสุขสันต์กันทั่วไป
เติมความรักสามัคคีดั่งพี่น้อง
หากปรองดองผูกสมัครและรักใคร่
ชาติจะมั่นคงอยู่คู่คนไทย
ไม่มีใครแบ่งแยกให้แตกกัน
ร่วมเทิดทูนยึดมั่นสถาบันหลัก
รวมใจภักดิ์แน่วแน่ไม่แปรผัน
ให้คงอยู่คู่ไทยไปนิรันดร์
ร้อยผูกพันบ้านเกิด...เทิดเมืองนอน
18 กันยายน 2550 15:52 น.
ปราณรวี
นั่งเหม่อมองท้องฟ้าคราเย็นย่ำ
ทุกข์กระหน่ำน้ำตาพารินไหล
ได้แต่ทอดถอนจิตคิดคราใด
โอ้ดวงใจไหวหวั่นแต่นั้นมา
คงลืมเราแล้วหนอที่รออยู่
ก้าวไปสู่ทางใหม่ไม่เหลียวหา
ปล่อยให้คอยน้อยใจในชะตา
กับบ้านนาว้าเหว่เตร่ตรอมตรม
ไหนเจ้าเคยสัญญาว่าจะกลับ
ไม่เลยลับลาไกลให้ขื่นขม
กี่เนิ่นนานเฝ้ารอทอระทม
เหมือนดิ่งจมห้วงทุกข์สุขลางเลือน
ยิ่งนับวันฝันจางจนห่างหาย
เดือนก็กลายหลายทีปีก็เคลื่อน
คือฝันร้ายเจ้าหายหน้าไม่มาเยือน
ดังถูกเฉือนหัวใจเลือดไหลริน
จากมีหวังหวังก็หมดรันทดนัก
จากเคยรักรักก็หายไปหมดสิ้น
จากเคยใกล้ก็ไกลห่างร้างดวงจินต์
จึงชาชินกับขยาด..เลิกหวาดกลัว
.....อีกไม่นานเลิกขยาดจากหวาดกลัว
ด้วยรู้ตัวทั้งชีวิตใกล้ปลิดปลง.....
.
10 กันยายน 2550 13:03 น.
ปราณรวี
เกิดเป็นคนบนวัฏสงสาร
ซมซานหนีหน้าหาได้ไม่
กรรมใหม่กรรมเก่าเฝ้าตามไป
รุกไล่ถาโถมเข้าโรมรัน
จากเกิดจนแกร่งทุกแห่งหน
ปะปนหลายหลากมากสีสัน
เดี๋ยวยิ้มดี๋ยวไห้ได้จาบัลย์
รุ่งวันเปลี่ยนไปให้แปลกนัก
ชีวิตมิใช่จะหวานฉ่ำ
หรือตกระกำจนช้ำหนัก
มีเกลียดชิงชังทั้งมีรัก
มีหนักมีเบาคลุกเคล้าไป
อาจร้อนผ่อนคลายแล้วหายร้อน
หรือนอนหนาวเหน็บเก็บพิษไข้
อาจโศกทุกข์ทนหม่นฤทัย
แล้วสุขมาใหม่ไม่จีรัง
ขอเพียงหัวใจไม่ย่อท้อ
อดทนสู้ต่อพอมีหวัง
มองสิ่งรอบข้างอย่างจริงจัง
แล้วตั้งจิตมั่นให้สัญญา
จะก้าวเท้าย่างอย่างมีสติ
รู้ดำริครวญใคร่ไม่กังขา
ก่อกรรมดีละเหตุเวทนา
ส่งชีวาข้ามห้วงบ่วงกรรมเวร