13 ตุลาคม 2552 23:48 น.
ปรางทิพย์
สร้างกำแพงแห่งใจไว้หลบซ่อน
ยามเมื่อตอนร้อนหนาวร้าวสับสน
โลกภายนอกกลอกกลิ้งสิ่งวกวน
เคยหมองหม่นพ้นหลุดดุจคนตาย
บนกำแพงแกร่งกล้าหนายิ่งนัก
หวังเป็นหลักพักภัยดั่งใจหมาย
อีกได้พรางบางใครใคร่ทำลาย
เปรียบดังคล้ายกายอยู่ไม่รู้ใจ
ในกำแพงแฝงซึ่งคำนึงฝัน
ร่ายรำพันสรรค์อ้อนแหละอ่อนไหว
อาจเงียบเหงาเศร้าบ้างหว่างฤทัย
เสียงหัวใจไพล่บอกย้อนยอกเกิน
หวังกำแพงแบ่งคันกั้นขื่นขม
มิให้ตรมจมหนักรักห่างเหิน
ชายหมายปองข้องเกี่ยวลดเลี้ยวเกิน
เพียงเพลิดเพลินเจริญใจไม่หวั่นเกรง
กำแพงใจใครหรือดั่งดื้อหยาม
คิดก้าวข้ามห่ามห้าวราวข่มเหง
ฟังคำเตือนเฉือนไว้ให้วังเวง
ดุจบรรเลงเพลงลาน้ำตาริน
ฤากำแพงแจงถ้อยรอยบาดหมาง
ทนอ้างว้างห่างไกลให้ถวิล
ยามอ่อนหวานหว่านย้ำพร่ำใจจินต์
พอหมดสิ้นบิ่นแตกแยกสองเรา
7 ตุลาคม 2552 22:29 น.
ปรางทิพย์
กอบปุยเมฆเสกเป็นดังเส้นด้าย
เก็บดาวรายพรายพร่างกลางท้องฟ้า
แล้วเรียงร้อยสร้อยงามอร่ามตา
ดั่งนภาคราเราเฝ้าชวนชม
กวาดสายหมอกซอกเขาเข้ารวมไว้
ทอแทนไหมใครเคยเชยสุขสม
ดึงรุ้งสายหมายย้อมพร้อมภิรมย์
สีผสมกลมกลืนผืนไหมงาม
หยิบตะวันปั้นแต่งแกร่งดังเพชร
เมื่อเจียร์เสร็จเม็ดเลี่ยมได้เหลี่ยมหวาม
รองน้ำค้างวางเรียงเคียงฟ้าคราม
ล้อมรวมตามท่ามแหวนไว้แทนใจ
หริ่งเรไรไพรร้องก้องขุนเขา
ดุจดั่งเย้าเร้าโรมประโคมไหว
ท่ามแสงจันทร์ผันพรอดกอดทรวงใน
หอมกรุ่นไอได้ชิดสนิทนาน
ณ ที่เก่าเราพิงอิงร่วมฝัน
ให้คำมั่นสัญญาวาจาหวาน
ธรรมชาติวาดหวังดังวิมาน
จิตสราญกานต์ตอบมอบใจกาย
ด้วยหัวใจใฝ่พร้อมจึงยอมสิ้น
บนลานหินผินหน้าคราจันทร์ฉาย
อารมณ์โหมโถมอยู่มิรู้คลาย
เราร่วมร่ายลายกลอนสะท้อนทรวง
2 ตุลาคม 2552 01:27 น.
ปรางทิพย์
ใจเอ๋ยใจใยรักเขาหนักหนา
ดุจชะตาพาเราเฝ้าร่วมฝัน
ดั่งดาวดวงห้วงฟ้ามารวมพลัน
เก็บรักมั่นกันไว้ใฝ่พนอ
รักเอ๋ยรักหนักแน่นสุดแสนหวง
มิหลอกลวงห่วงหาทุกคราพ้อ
แสนอบอุ่นกรุ่นฝันตะวันทอ
มิเคยพอคลอเคล้าเฝ้ารำพึง
ใจหนอใจใครวอนอ้อนให้หลง
พิศวงงงงวยด้วยคิดถึง
สายตาบอกนอกในใฝ่คะนึง
รักสุดซึ้งพึงแอบแนบทรวงใน
รักหนอรักจักลองตรองอีกครั้ง
แม้ผิดหวังยังปลอบมอบใจไว้
เปิดประตูปูทางซ่อนพรางนัย
หากสดใสใคร่รับกระชับทรวง
ด้วยใจรักภักดิ์มั่นและฝันหา
ดั่งนภาคราเคลื่อนเลื่อนบนสรวง
ดั่งดวงจันทร์ผันแสงแข่งดาวดวง
หมดทั้งห้วงปวงเทพเสพภิรมย์
ณ หัวใจใฝ่รักถักฝันหวาน
แม้อ้อยตาลหวานหยดอาจรสขม
อกไออุ่นกรุ่นหอมน่าดอมดม
ร่วมสุขสมชมชู้คู่เคียงครอง
28 กันยายน 2552 22:34 น.
ปรางทิพย์
ยามเหมันต์ผันมาอีกคราแล้ว
ต้นไม้แถวแนวไพรใบเปลี่ยนสี
เขียวเหลืองแดงแต่งป่าพนาลี
รอวันที่คลี่หม่นหล่นรวมกัน
ใบไม้เวียนเปลี่ยนผลัดสะบัดทิ้ง
เหลือเพียงกิ่งจริงดังหวังแข่งขัน
ใบแห้งเหี่ยวเที่ยวปลิวละลิ่วพลัน
ลาวสันต์วันใหม่ใกล้มาเยือน
ปล่อยต้นฝืนยืนเดี่ยวให้เปลี่ยวเหงา
หมดร่มเงาเศร้าใจใครจะเหมือน
โดนทอดทิ้งนิ่งคว้างหว่างปีเดือน
ลมฝนเลื่อนเคลื่อนไปไม่เหลียวแล
เมื่อเหมันต์ผันมาอีกครานี้
ดวงฤดีที่เฝ้าเหงาใจแท้
เย็นสายลมพรมพลิ้วหวิวดวงแด
น้องได้แต่แค่อุ่นกรุ่นเพียงกาย
ดั่งยามนี้ที่ป่วยด้วยพิษไข้
เหลียวหาใครไร้ว่างดูห่างหาย
คนเคยอ้อนป้อนยาคราหวังคลาย
หรือเขาหน่ายคล้ายเบื่อเมื่อรักจาง
ปล่อยให้น้องต้องตรมระทมนัก
ด้วยเจ็บหนักรักไกลใจอ้างว้าง
ต้องนอนซมจมไข้ฤทัยคราง
ใจบอบบางคว้างอยู่เพียงผู้เดียว
25 กันยายน 2552 22:08 น.
ปรางทิพย์
เมื่อราตรีคลี่บาน ณ ลานซึ้ง
ทั้งสองพึงจึงมีลีลาศฝัน
บรรจงส่ายร่ายรำลำนำกัน
แสนสุขสันต์วันสมภิรมย์ใจ
ต่างยื่นใจไมตรีมีความหมาย
ขยับกายส่ายคู่ดูอ่อนไหว
ประสานลมห่มรักยักย้ายไป
เริ่มวันใหม่ในห้วงท่วงงดงาม
บางท่วงท่าพาเหินเพลิดเพลินล้วน
จิตรัญจวนชวนพลิ้วให้หวิวหวาม
ขอเคียงคู่อยู่ใกล้ในนิยาม
ร่วมก้าวตามท่ามนวลมิรวนเร
ระบำฝันนั้นสว่างกลางใจสอง
สายตาปองจองไว้ไม่หันเห
ผสานรักภักดิ์คล้ายหมายทุ่มเท
คลายว้าเหว่เห่กล่อมพร้อมร่วมเดิน
สลับเท้าเข้าเพลงบรรเลงเร้า
ระบำเย้าเคล้าแนบแบบหงส์เหิน
ลีลาพลิ้วลิ่วหวานซ่านหยอกเอิน
ให้สะเทิ้นเขินอายคล้ายลำนำ
สองหนุ่มสาวก้าวสู่ประตูฝัน
นิจนิรันตร์สรรสร้างทางสุขล้ำ
เสียงเพลงแว่วแผ่วมาพาจดจำ
ดุจน้ำคำพร่ำเพรียกเรียกจากใจ