15 มิถุนายน 2549 17:47 น.
ประภัสสุทธ
ขุนเขากระซิบผ่านไร่นา
ลมผ่านเวิ้งฟ้าทักทายหิน
หยดน้ำกระโดดแลบเลียดิน
ชื่นฉ่ำแทบถิ่นฤดูกาล
*------------------------------------------------------------------*
แตกยอดชูช่อก้านจากต้นกล้า
หลายปีใช้เวลาเพิ่มลำต้น
สูงใหญ่ในป่าหนาหลายชั่วคน
กลับล้มด้วยเลื่อยกลเพียงเสี้ยววัน
*-----------------------------------------------------------------*
ฟ้าแห้งดินเหือดป่าไม้หาย
น้ำแล้งลมส่ายสะพัดไหว
ผู้คนอดอยากล้มตายไป
ผ่านปีไกลไกลจึงกลับคืน
20 กุมภาพันธ์ 2549 11:32 น.
ประภัสสุทธ
เย็นย่ำบนหนทางดินชื้น
ใกล้ค่ำตอนกลางคืนเกือบหนาว
กวาดตาตามถนนทอดยาว
เห็นเพียงความว่างเปล่าเปลี่ยวเงา
หญิงชายยืนอยู่หว่างกลางพื้น
ถ้อยคำโยนหยิบยื่นปราศัย
เนิ่นนานคนทั้งสองจากไป
ทิ้งรอยรองเท้าไว้เปรอะดิน
คนแล้วและคนเล่าจากมา
ต่างเบียดเหยียบดินหนาแฉะน้ำ
เหยียบลงจนดินยุบซ้ำซ้ำ
ก้าวพ้นจนดินต่ำย้ำรอย
20 กุมภาพันธ์ 2549 11:09 น.
ประภัสสุทธ
บอกฉันในความคิดที่สับสน
มีโลกและผู้คนอยู่บ้างไหม
ฉันเห็นแต่กระดาษปลิวลอยไป
ท่ามกลางความเคลื่อนไหวไร้ตัวตน
บอกฉันในความคิดที่สับสน
คำกล่าวอันโสมมมีใช่ไหม
สาดโคลนโยนความกันเรื่องจัญไร
คือเหตุแห่งวิสัยทุกทุกคน
บอกฉันในความคิดที่สับสน
คนรวยกับคนจนต่างกันไหม
มากเงินเขาว่ารวยหรืออย่างไร
ต่ำต้อยคนทั่วไปเขาเรียกจน
บอกฉันในความคิดที่สับสน
บทบาทของตัวตนฉันอยู่ไหน
ร่ำเรียนเช้ายันค่ำเส็งเคร็งไป
หนังสือถือแกว่งไกวพลิกไปมา
11 ธันวาคม 2548 20:58 น.
ประภัสสุทธ
ลมลู่ปลิดใบแห้งกิ่งไม้
ร่วงลอยละลิ่วย้ายเสียดพื้น
เปรียบคล้ายชีวิตคนขมขื่น
ก่อเกิดแตกดับคืนเรื่อยไป
ลมลู่ปลิดใบแห้งกิ่งไม้
หล่นถมใบตายตายกลาดเกลื่อน
ทิ้งขั้วร่วงหล่นหล่นแชเชือน
บางคราวมองดูเหมือนแย่งชิง
ลมลู่ปลิดใบแห้งกิ่งไม้
กิ่งโล้นยืนเดียวดายหม่นหมอง
ยืนต้นกลางแสงจันทร์รองรอง
ไร้ใบกั้นแดดส่องเดือน-ตะวัน
ลมลู่ปลิดใบแห้งกิ่งไม้
มายมากตีความหมาย"ใบ"นั้น
ต่างมองต่างแง่มุมเดียวกัน
นั่งเหม่อมองทุกวันผ่อนคลาย
11 พฤศจิกายน 2548 14:16 น.
ประภัสสุทธ
อุ่นหนาวห่มไผ่ผิงเทียน
ทางเท้าโล่งเตียนดินหนา
พลุกพล่านเวียนไปวนมา
เพื่อพบสบตาคุยกัน
กระดานเปื้อนยิ้มเขียนขีด
อักษรสีซีดตัวหนา
คือสื่อส่งผ่านสายตา
คนึงคิดหาผ่านใจ
ถอดเสื้อเตะบอลคลุกฝุ่น
ลูกกลมหมุนหมุนกลิ้งช้า
แย่งบอลตกหลุมเฮฮา
ค่ำลงร่ำ - ุ ราจากไป