8 กรกฎาคม 2551 13:56 น.

ว่างเปล่า..

ประภัสสุทธ

จากนุ่งเสื้อขาวกลายเป็นสี

สี่ปีเฝ้าค้นหาไร้จุดหมาย

คำตอบที่พบยังวุ่นวาย

ตัวตนยิ่งแห้งหายลงห่าเหว				
19 เมษายน 2551 11:37 น.

ในความเงียบงัน.

ประภัสสุทธ

เงียบเงียบเหงาเหงามองไม่เห็น
ห้วงยามย่ำเย็นก็ลมพัด
ควันเคว้งพ่นพวยปลิวสะบัด
จากมวนเครื่องสลัดอารมณ์
เทียวนั่งเทียวเดินกระทั่งนอน
บุหรี่ขี้ตะกอนทิ้งมวนกลม
ก้นแล้วก้นเล่าที่ถูกถม
เพื่อกลบอารมณ์กระจัดกระจาย
ใช่เพียงสำนึกที่วิ่งพล่าน
ยังจิตวิญญาณที่เคยหาย
คืนกลับชั่วมวนบุหรี่ปลาย
ก็กลับก็กลายเมื่อมอดมวน
เพียงความเคลื่อนไหวของห้วงยาม
คลี่คลายคุกคามอย่างทั่วถ้วน
ค้นหาจิตวิญญาณทุกทุกมวน
เงียบนี้เมื่อลมหวนคงต่างไป..				
5 กุมภาพันธ์ 2551 13:02 น.

ภูเวียง..

ประภัสสุทธ

จะนอนคืนค้างค่ำ                        เมื่อตาวันต่ำที่ป่าเขียว
มีหมอนกับเสื่อผืนเดียว              กับใบไม้เหี่ยวเกลื่อนดิน
นอนฟังเสียงกรอบแกรบ            กับเสียงแหบจิ้งหรีดใต้หิน
น้ำค้างหยดยังได้ยิน                   ปล่อยว่างทั้งสิ้นทุกสิ่ง
ทบทวนความอยากและทางเดิน  อันใดหนักเกินก็ขว้างทิ้ง
ค้นหาตัวตนที่แท้จริง                  เอาป่าอิงพิงพักใจ
อ้อยอิ่งเหมือนแดดสาย               ตื่นสบายใต้ฟ้าใส
เริ่มต้นกับวันใหม่                      เป็นอีกใครอีกคน
เมื่อตาวันต่ำที่สันภู                     จะกลับสู่ความสับสน
หากเดือนหงายในเมืองคนจน    จะมาหลุดพ้นที่ภูเวียง				
22 มกราคม 2551 17:09 น.

ลมหัวกุด.

ประภัสสุทธ

ค่อนจะแจ้ง                     
ลมแยงเย้ยหยอกหมอกหนา
น้ำค้างลู่เม็ดหยดระย้า         
พริบพราวเกลื่อนคันหญ้าระยับ

แดดแย้มฟ้า                     
สว่างท้องนาไกลลิบลับ
กิจกรรมกิจการจึงขยับ        
ลางลงจอบลางลงสับกลางดิน

ชาวนาหน้าแล้ง                
หน้าก่ำแดงออกแรงเหงื่อริน
จะลงฟักปลูกแฟงเอาไว้กิน   
ท่าว่าฝนโปรยกลิ่นจะมาแล้ว

ลมมาโผย
ผันหัวกุดค่อยค่อยแผ่ว
คลุ้งกล้าฟักหมากแฟงตายเป็นแถว  
เมื่อลมแผ้วก็พบเพียงผงดิน

ตาวันต่ำ
ดาวดาษค่ำย่ำเช้าไม่จบสิ้น
แต่น้ำตาชาวนายังเหลือริน
ผิจะนองแผ่นดินเพื่อทำนา

ข้าวในครก
กอบมาตกก้นครกพร้อมน้ำตา
จะนึ่งข้าวแทนของเครื่องบูชา
วอนฝนฟ้าหล่นมาชำระดิน				
15 มกราคม 2551 16:06 น.

ในความทรงจำของ ชนพ.

ประภัสสุทธ

ชนพ.
ซุ้มสร้างเรื่องราวร้อยความฝัน
ตรงมุมตึกคึกคักคราวรวมกัน
ต่างยิงยิ้มอิ่มความฝันอุ่นเอมใจ

ชนพ.
เชิญเถิดนั่งลงพักใต้ร่มไผ่
ก็ยอป่าอีกไม่นานคงแตกใบ
แล้วเงาไม้จะแผ่ใหญ่ให้ร่มให้เย็น

ชนพ.
ล่วงผ่านไปดั่งเคยเห็น
ที่ออกค่ายก็ออกค่ายไม่เคยเว้น
ที่กินเหล้าและนั่งเล่นก็เป็นไป

ชนพ.
อีกกี่คราวและอีกคราว พ.ศ.ไหน
ความรักและมวลมิตรในจิตใจ
คงกุมเกาะเป็นเยื่อใยรกเรื้อรัง

ชนพ.
ต้อนรับผู้มาใหม่มากแรงหวัง
กายท่านแรงเหงื่อก็รินมีพลัง
เชิญก่อทางต่อความหวังที่ยังคอย

ชนพ.
มีบางสิ่งทิ้งไว้ให้เป็นร่องรอย
ในความคิดหรือห้วงนึกทุกท่วงถ้อย
เป็นเรื่องเล่ายามเหงาหงอยตอนชรา...				
ไม่มีข้อความส่งถึงประภัสสุทธ