๏ แมกไม้ชายทุ่งลำธาร ท้องถิ่นกันดารตาวันเลื่อนลับดับทุ่ง๏ ฟอนฟืนไหม้ไฟหอมฟุ้ง ยกปลามาปรุงห่อนหุงปรุงรักปลักข้าว๏ ห้อมล้อมพร้อมเครื่องหวานคาว เชิญเถอะแม่สาวพ่อบ่าวป่าวญาติพี่น้อง๏ ก่องข้าวพราวผ่องปรองดอง ดอกเดือนเกลื่อนล่องส่องใจเพื่อนพ้องสัมพันธ์๏ ชีวิตวาดวงพงฝัน เติมต่อปอปั้นเสพสรรค์สืบสานผ่านมา๏ พลันนั้นเผลอล่วงเวลา แวดวงพัฒนาก็เผยโผล่วาดสาดฝัน๏ พี่น้องพ้องเพื่อนผลักดัน ดั้นด้นฝ่าฟันบากบั่นเบิกบานเมืองหลวง๏ คนต่ำซ้ำร้ายล่อลวง ติดกับรับบ่วงบอบช้ำระกำชีวิต๏ เชิญชวนทวนทบวิกฤติ กับแนวความคิดเสพติดตามการ “พัฒนา”๏ เติบโตโตกตึกตากฟ้า รุ่งเรือง-โรยราคุณค่าคำนึงถึงใคร๏ พ่อค้า-ชาวนา-นายใหญ่ ??? ผลประโยชน์ใด ???อยู่ไหนในความเท่าเทียม๏ คนรวยร่ำรวยเต็มเปี่ยม คนจนไหม้เกรียมช่องว่างถีบถ่างห่างชั้น๏ เถิดวาทะกรรมขายฝัน เร่หลอกบอกกันป่วนปั่นเพ้อฝันสังคม๏ ตึกตรองไต่สวนชวนชม ด้วยฉบังฯบ่มพร่างพรมถมในความคิด...
ประภัสสุทธ
7 / 7 / 57
๏ คลุ้งคละเขม่าควัน
กลั่นตะกอนกองไฟ
ระเบิดระบำตาย
เคลื่อนย้ายสลายร่าง
๏ กองศพกลบเกลื่อนกลาด
สีแดงวาดกวาดล้าง
ระบายร่ายร้องคราง
เวิ้งว้างสงครามใคร ?
๏ ไห้โหยโห่เหือดแห้ง
หมดแรงร้องอาลัย
เถิดถามท่านทั้งหลาย
ความตายจ่ายคำตอบ ?
....เ ถิ ด ถ า ม ท่ า น ทั้ ง ห ล า ย
ค ว า ม ต า ย จ่ า ย คำ ต อ บ.... ???
๏ เก็บกระเป๋าออกเดินทาง
เริ่มจัดวางความรู้สึก
บนเส้นทางสายระทึก
ฉันนึกหวาดหวั่นใจ
๏ ท่ามขบวนรถไฟฝัน
ร้อยพันหนทางกว้างใหญ่
ฉันจะทำได้หรือไม่
สิ่งใดฉันควรเรียนรู้
๏ เสียงรถบดรางเหล็ก
ใจดวงเล็กเริ่มสั่นสู้
หญ้าไหวเอนเบนลู่
ฉันชะเง้อดูเบื้องหลัง
๏ ผู้คนถามไถ่ทักทาย
มีมากมายไหมสิ่งหวัง
ปลายทางใดเป็นที่ตั้ง
ลองตั้งใจฟังให้ดี
๏ ระหว่างทางกลางผู้คน
หลายเหตุผลอยากหลบหนี
ซอกหลืบใดใดเสรี
หลับตาฝันดีดื่มด่ำ
๏ “ อย่าคำนึงเลยปลายทาง
อย่าเพิ่งวางเป้าหมายซ้ำ
เปิดตาปิดโลกสีดำ
จดจำปัจจุบันขณะ “
๏ เปิดหน้าต่างกางออกไป
โลกเคลื่อนไหวไหลจังหวะ
แสงสีทองส่องระยะ
ปะทะทุ่งปรุงความงาม
๏ สายลมห่มกอดฉัน
ราวป่านั้นมีคำถาม
บ้านเมืองมีนิยาม
เชิญค้นหาตามสบาย
๏ เดินทางด้วยรถไฟฝัน
ใจมุ่งมั่นเคลื่อนย้าย
ฉันไม่มีหรอกเป้าหมาย
มีเพียงกระหายเหตุการณ์
๏ เก็บกระเป๋าออกเดินทาง
กางประสบการณ์ออกอ่าน
จดบันทึกความกล้าหาญ
ทะยานอยากสู่การเรียนรู้…!!!
ประภัสสุทธ
7 / 7 / 57
๏ ขณะรุ้งพาดวงตรงขอบฟ้า ความสุขธรรมดาก็ปรากฏ ฝอยละอองกรองน้ำรินไหลรด ฉันยิ้มกับดอกไม้สดข้างทาง ๏ นกกระจอกออกรังหวังหากิน แมลงกรีดปีกบินอย่างเคว้งคว้าง ป่าบรรเลงเพลงไพรอย่างแผ่วบาง ชีวิตจึ่งก้าวย่างวางจังหวะ ๏ กอไผ่เบียดเสียดกออ้อล้อลม มะขามแผ่เงาร่มห่มมะระ ตำลึงผึ่งเครือหวานคลานปนปะ บนรั้วนั้นดื่นดะด้วยผักกิน ๏ กอกลุ่มเกิดพุ่มงามท่ามกลางป่า ออกดอกสีงามตากระจายกลิ่น ภมรผึ้งหึ่งแมลงสำแดงบิน พลันนั้นโลกได้ยินเสียงแมลง ๏ ขณะรุ้งพาดวงตรงขอบฟ้า ความสุขธรรมดาปรากฏแสง แม้นมืดมนหม่นฟ้าตาวันแล้ง ดวงใจยังลุกแดงแข่งตะวัน.
๏ สีส้มแสบ สาดแสง ส่องสดใส
ลมเลาะไล้ ใบพลิ้ว ปลิวใบไม้
ยามเย็นย่ำ ฉ่ำเย็น เล่นน้ำไหล
เชิญชีวิต เคลื่อนไหว ในนิเวศ
๏ เดินกระโดด โลดเต้น เล่นเป็นกลุ่ม
นั่นเด็กหนุ่ม ลุ่มน้ำ ในประเทศ
โน่นหาปลา ก่อไฟปิ้ง ตลิ่งเขต
ขุดมันเทศ มันเพา นั่งเผ่าไฟ
๏ จำปาขาว ชาวลาว เลาะเรือเล่น
แม่เนื้อเด่น เย็นจิต พิสมัย
อยากเอื้อนเอ่ย อ้างออก บอกความใน
พี่หลงใหล รักใคร่ ใฝ่นางนวล
๏ หอมแม่ดิน แม่น้ำ ตำนานเก่า
หอมเรื่องราว เรื่องเล่า เฝ้าสืบสวน
ลุ่มน้ำโขง โยงใย ให้คิดครวญ
ลุ่มน้ำหวน โหยไห้ ไหลเวลา