23 มีนาคม 2546 10:28 น.
ประการังสีฟ้า
วันนี้อากาสดี ฉันต้องตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะไปเข้าค่ายภาษาอังกฤษตามที่ตัวเองสมัครไว้ บรรยากาศวังเวงน่าดู กลิ่นฟางแฉะๆลอยมากับสายลมและเมฆที่กำลังเคลื่อนตัวหลีกทางให้กับแสงอาทิตย์ ตี 4 เป็นเวลาที่พวกเราทุกคนมารวมกันหน้าลานที่โรงเรียน อาจารย์บอกว่าวันนี้เรามาเข้าค่ายกัน แปดวัน เก้าคืน ให้ทุกคนทำตัวดีๆ และเรามีวิทยากรเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากนาๆประเทศ มาแนะนำ พวกเราตบมือต้อนรับ ตอนแรกนึกภาพเอาไว้ในใจว่าแต่ละคนคงแก่ๆอ้วนๆโหดๆ เสียงนักเรียนหญิงหลายคนฮือฮา เพราะผิดคาด เทรนเนอร์ของเราดูจากหน้าตาแล้วอายุคงไม่เกิน 20 ซักคน ว้าว เพื่อนของฉันคนหนึ่งร้องเสียงหลง เธอดูคนนั้นสิ หล่อมั้ย ฉันหันไปทางเดียวกับที่เพื่อนชี้ ตาเราประสานกัน ใจฉันเต้นแรงมาก อืม เค้าน่ารักนะ ฉันเก็บอาการที่แอบชื่นชมเค้าไว้ในใจ ซักพักเค้าเข้ามายืนใกล้ฉันจนเกือบชิด ตัวฉันแข็งทื่อ ในใจเต้นแทบจะระเบิด แล้วเค้าคนนั้นก็ค่อยๆใช้มือหยิบอะไร บางอย่างจากหัวของฉัน แล้วเค้าพูดเป็นภาษาไทยแบบกระท่อนกระแท่นว่า บนหัวคุณมีอะไรก็ไม่รู้ เพื่อนๆพากันมองเค้าและฉันอย่างงๆ ฉันเองก็งงเหมือนกัน และแล้วเค้าก็มายืนที่หน้าลานพร้อมกับแนะนำตัว เป็นภาษาอังกฤษ หนึ่งรอบ และภาษาไทยหนึ่งรอบ ใจฉันนั้นชื่นชมเค้าจัง เค้า อายุ แค่ 18 แต่พูดอังกฤษเก่งนัก เค้าชื่อเทนโชเป็นคนญี่ปุ่นน่าตาน้ารัก สูงพอประมาณ เป็นนักเรียนโครงการแลกเปลี่ยน ว้าว เก่งจังเป็นฉันคงไม่สามารถทำได้ในขณะที่อายุ 18 ฉันเองก็ได้แต่ชื่นชม กฎของค่ายคือ ทุกคนต้องพูดภาษาอังกฤษ ใครพูดไทย ปรับคำละบาท พวกเราเลยฟุตฟิตฟอไฟกับนักเรียนแลกเปลี่ยนอีก 20 คน ที่มาในฐานะเทรนเนอร์ อย่างเมามัน เย็นวันต่อมา อาจารย์ให้เวลาอาบน้ำคนละ 5 นาที ทั้งที่คนเยอะห้องน้ำน้อย ห้องน้ำก็สกปรก ดำๆๆเหม็น ฉันตัดสินใจเข้าไป ข้างในมีหลากหลายห้องน้ำแต่มีเสียงคนอาบน้ำดังมาจากห้องข้างๆเพียงห้องเดียว ฉันกำลังยืนมองดูตัวเองในกระจก สิ่งที่ฉันไม่คิดว่าจะเกิดก็เกิดขึ้น คนที่เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำนั้น คือเท็นโช หนุ่มญี่ปุ่นผู้น่ารัก เอ็กคิวมี นั่นเป็นประโยคแรกที่ผู้หญิงเด๋อด๋า อย่างฉันจะเอ่ยแค่ เอ็กคิวมี ขอโทษ เอ่ยอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ เค้าเข้ามาใกล้ๆใกล้และใกล้ทั้งที่ตัวเค้านุ่งผ้าขนหนูเดินออกมาจากห้องน้ำตัวเปียกโชกผมเปียกเสื้อผ้าชุดเดิมที่อยู่ในมือก็เปียก แล้วเค้าเข้ามาใกล้ใกล้ ใกล้มาก ใจฉันเต้นโครมคราม เค้าหยุดยืนตรงหน้าฉัน แล้วเปล่งวาจาที่เหมือนน้ำที่ชุ่มย็นทำให้ฉันหายประหม่าได้ คะคะคุณพูดไทยก็ได้นะ ผมพูดไทยได้ เป็นกันเองดี เวลาคุณทำท่าทางตื่นเต้นนี่น่ารักนะครับ เดี๋ยวผะผะผมไปรออยู่ข้างนอกนะครับ จะไปยืนจับประตูให้ เพราะห้องน้ำ ที่คุณจะเข้าประตูล็อกไม่ได้ อีกอย่างคุณไม่ต้องกลัวเพื่อนๆจะเห็นหรือแซวนะ เพราะห้องน้ำนี้เค้าขียนไว้ข้างหน้าว่าของเทรนเนอร์ และเขียนชื่อผมกำกับ ผมคิดว่าคุณคงยังไม่ทันสังเกตสินะ เพราะห้องน้ำนี้เป็นของผมคนเดียว แต่คุณก็เดินเข้า หรือว่าหัวใจคุณพามา เค้ายิ้มบางๆเมื่อพูดจบ ฉันก็ได้แต่ยิ้มเช่นกัน ผ่านไปวันแล้ววันเล่าวันนี้เค้าให้สมาชิกจับกลุ่ม ฉันได้เป็นนักเรียนในกลุ่มของเค้า เค้าเทรนฉันอย่างดี ทำให้เราได้ใกล้กันมากขึ้น ฉันไม่แน่ใจว่าฉันรู้สึกอย่างไรกับเค้า ฉันคงไม่รักเค้าใช่มั้ย ฉันเฝ้าถามตัวเอง คงไม่ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ฉันพยามทำตัวเหินห่างเพราะกลัวว่าความสนิทจะทำให้ฉันรักเค้าจริงๆ เค้ามองฉันอย่างสงสัย พยายามยิ้มให้ แต่ฉันก็เมินทุกที แต่ทุกครั้งที่เมินฉันก็เจ็บปวดมาก แล้วทำไม ก็ไม่ได้รักนี่นาจะจ็บปวดไปทำไม ไม่ไม่ไม่ เราไม่รู้สึกอะไร ฉันเริ่มห่างและห่างเค้า จนวันสุดท้าย วันสุดท้ายที่เราได้อยู่ค่าย ตอนกลางคืนมีงานจัดเลี้ยงดินเนอร์ทุกคนต้องแต่งตัวแฟนซีราคาถูก ประมาณว่าใช้วัตถุดิบใกล้ตัว ฉันเองใช้ใบไม้ในการแปลงโฉม ใส่กระโปรงสีฟ้าที่บางปลิวทุกครั้งที่ต้องลม แล้วนำใบไม้ใบหญ้าถักมาแปลงโฉม ส่วนเค้า คนคนนั้น มาในชุดธรรมดามีผ้าขนหนูบาดไหล่ เค้าเดินมาพร้อมกับบรรดานักเรียนแลกเปลี่ยนต่างชาติอีก 20 กว่าคน เค้าตรงเข้ามาหยุดยืนตรงที่ฉันอยู่ห่างกันแค่ 2 ก้าว แล้วเค้าพูดว่าซาโยนาละ ฉันได้แต่มองตามแบบเศร้าๆ คงถึงเวลาที่ต้องจากแล้วสินะ ถึงเวลาเต้นแล้ว อาจารย์เปิดเพลงเพื่อให้เด็กในค่ายสามารถเต้นอย่างสนุก จะเต้นอะไร ก็ได้ แต่ถ้าใครไม่ขยับขึ้นมาเต้นจะถูกให้โชว์เดี่ยว ตอนนั้นเพื่อนๆขึ้นไปเต้นกันหมด รวมทั้งเค้าคนนั้นก็เต้นกับเพื่อนๆ ส่วนฉันเห็นว่ามีคนเยอะคงไม่มีใครมาเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่เลยไม่สนใจ นั่งหลบมุม ที่ไหนได้อาจารย์เห็นเข้า เลยเรียกฉันขึ้นมาโชว์เดี่ยวสองเพลง ฉันบอกว่าจะให้หนูเต้นอะไรหล่ะคะ หนูเต้นแบบที่เพื่อนๆเต้นในเทคไม่เป็น (ความจริงเป็นนะ แต่อายเค้าคนนั้น) ตอนนี้ทุกคนหยุดเต้นเพื่อยืนดูฉันเต้นคนเดียวเป็นการทำโทษ สายตาคนกว่าร้อยมองมาที่ฉัน ฉันแทบอยากจะตายๆไปซะในตอนนั้น แล้วเค้าคนนั้นก็เปล่งเสียง ให้ผมเป็นคู่เต้นกับเค้าได้มั้ยครับ ผมอยากสนุก โถ่อีตาบ้า นั่นแหละยิ่งเป็นที่สนใจของคน โอ๊ย ... ผมขอเต้นรำครับ อะไรนะ เต้นรำฉะฉะฉันเต้นไม่เป็นนี่ยะ ในที่สุดเราก็ได้มาเต้นรำด้วยกัน เป็นอะไรที่น่าอายมากกว่าโรแมนติกซะอีก ฉันเต้นไปเหยียบเท้าไปเค้าก็ได้แต่ยิ้ม แต่ก็สร้างความประทับใจให้ฉันมากมาย รุ่งสางเค้าและฉันคงต้องแยกกันแล้ว เค้าเข้ามาใกล้ๆและเอ่ยคำลากับฉัน เพื่อนๆในค่ายเข้ามาขอถ่ายรูปเค้ากันใหญ่ ฉันก็ยืนมองและยิ้ม เค้าจับมือฉันขึ้นมาเขียนเบอร์เมล์และเบอร์โทรศัพท์ใส่บนฝ่ามือ แล้วอมยิ้มบางๆฉันก็ยิ้มตอบ ฉันถามเค้าว่าคุณจะกลับโรงเรียนยังไง เค้าบอกว่า เดี๋ยวเพื่อนที่มากับผมจะมารับครับ ซักพักเค้ารีบขอตัวบอกว่าเพื่อนจะรอนาน เราได้แต่ส่งยิ้มในการจากลา ขณะที่ฉันกำลังจะกลับบ้าน แวบหนึ่งของสายตา ฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งร้องเรียกเท็นโซเสียงใสเค้าพูดภาษาญี่ปุ่น วิ่งเข้ามากอดแขนและกระโดดกอดเค้าหอมแก้มอีกที เค้าสวยมาก สวยกว่าฉันเยอะ ขาวๆๆอวบๆๆสวยน่ารักทีเดียว ที่สำคัญเค้าคนนั้นเป็นใคร คงเป็นแฟนเค้าสินะ ฉันได้แต่ยืนมองภาพนั้นอย่างเนิ่นนานและน้ำใสๆก็ไหลลงสู่ฝ่ามือ ฝ่ามือที่เค้าเขียนอะไรอะไรไว้ให้ ตอนนี้เค้าจากไปแล้ว ขึ้นรถไปด้วยกัน เค้าไม่เห็นฉัน ผ่านไปเนิ่นนานฉันพยายามที่จะลืมแต่ลืมไม่ได้ ผ่านไปนานกว่าปีฉันคิดถึงเค้ามาก เลยโทรไปในเบอร์ที่เค้าให้ เบอร์นี้ระงับการใช้งาน เสียงรายงานมาตามสาย ฉันเลยเมล์ไปเมล์ก็ถูกตีกลับ ฉันโทรไปที่โรงเรียนของเค้า ...... ประทานโทษนะคะเค้าหมดโครงการแลกเปลี่ยนแล้วค่ะเพิ่งบินกลับประเทศ ไปได้ สองเดือนเองค่ะ ฉันแทบทรุด แต่เพราะเค้าคนนั้นส่งผลทำให้ในวันนี้ฉันไม่มีหัวใจให้ใครอีกเลย......
(แต่สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจเค้ารักฉันหรือว่าแค่เพียงแค่เป็นมิตรกับฉันกันแน่).....................................................
2 มีนาคม 2546 20:43 น.
ประการังสีฟ้า
ความรัก ความรักคืออะไร ฉันเองก้อแค่อยากจะรู้ ทุกวันนี้คนรอบๆตัวฉันนั้น ยอมร้องไห้ ยอมทำตัวงี่เง่า ยอมไม่กิน ไม่นอน ยอมอดอาหารเพื่อ จะได้ดูดี เพียงเพื่อให้คนที่รักเป็นสุขใจ ฉันเลยแค่งง ปนสงสัย ว่าเจ้าความรักนี้มันมีดีอะไรนักมันสามารถเปลี่ยนคนที่เข้มแข็งให้ เป็นคนชี้แง เปลี่ยนคนที่อ่อนแอ ให้กลายเป็นคนอ่อนโยน ฉันอยากรู้จริงๆว่ามันคืออะไร จนวันนี้ฉันเองก้อยังไม่เข้าใจว่าทำไมนะ มีผู้คนตั้งมากมาย พร้อมที่จะเจ็บเพื่อมัน พร้อมที่จะปวดร้าวใจ หรือแม้แต่ยอมที่จะทำอะไรที่ไม่เข้าท่า เพียงแค่คำคำเดียวที่ดูแล้วแสนจะไร้ค่า (รัก) รัก เหรอ อยากรู้จังใครเป็นผู้สร้างคำและความรู้สึกนี้ขึ้นมา ก้อไม่รู้ ทำไมนะคนที่มีความรักตกอยู่ในห้วงแห่งความรู้สึกนี้ มีแต่เจ็บและปวดร้าว แต่ก้อทวีคูณจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ มีน้อยรายนักที่จะไม่เจ็บปวด มีน้อยคนนัก ที่จะยิ้มแย้มอิ่มเอิบกับมันจริงๆ แต่มีอีกหลายคนที่ มักจะเป็นกังวลเมื่อแฟนไปกะคนอื่น ทั้งที่ไม่เป็นแฟนกันยังจะสบายใจกว่านี้ มีอีกหลายคนที่ทำตัวน่ารักแสนดีเมื่อเป็นเพื่อนกัน พอเปลี่ยนมาเป็นแฟน ความเอาแต่ใจเพราะคิดว่าเขา รักเราเรารักเขาก้อเริ่มมากขึ้น เมื่อตอนแค่รู้จักกันก้อแค่แสดงออกแต่มารยาทที่ดีๆ เป็นแฟนกันไปซักพัก คำว่า ไอ้ เริ่ม หลุดปาก แต่ทำไมก้อไม่รู้ โดยฉะเพราะ ผู้หญิงตอนนี้ กระแสเป็นเมียน้อยเยอะมาก การเสียตัวก่อนวัย ก้อเยอะ ยอมเจ็บปวดใจ เอาตัวเข้าแลกก้อเยอะ ไม่เข้าใจว่าทำไม ทั้งที่จริง พวกผู้ชายเพศพ่อ ก้อแค่ สรรพสิ่งมีชีวิตบนโลกที่ทำตัวห่วยๆ ตอนเป็นแฟนเรียกน้องจ๊ะน้องจ๋า แต่งไปไม่ทันไร เรียกอีแก่ ตื่นเช้ามาอาบน้ำแต่งตัวจะไปทำงาน พอเราแต่งตัวช้าหน่อยก้อหงุดหงิดรำคาญ ทั้งที่เราตื่นเช้ากว่า ที่ช้าเพราะ ไหนจะทำกับข้าวหุงข้าว ทำอาหาร อาบน้ำแต่งหน้า ดูแลบ้าน พอเราอาบน้ำไม่ทันก้อบ่น พอเรามาแต่งหน้าบนรถก้อระอา เริ่มเกิดอาการเบื่อหน่ายและทำท่าระอากับความช้าของเรา ทั้งที่ทีเค้าเอง ตื่นมาก้ออาบน้ำแต่งตัวหล่อมีเวลาเยอะกว่าเรา พออาหารเสร็จก้อนั่งรอกิน กินเสร็จก้อเร่ง พอเค้า สตาร์ทรถไหนเราจะวิ่งไปเปิดประตูไปล็อกบ้าน ไหนจะ ดูความแน่นหนาของกลอน ทั้งที่เค้าแค่นั่ง แล้วก้อสตาร์ทรถรอ พร้อมกับเร่งเรา พอกลับมาถึงบ้านคุณลองคิดดูสิว่าถ้าแต่งงานกันไปแล้ว เราไม่ทำงานบ้าน ไม่ซักผ้าให้ ไม่รีดเสื้อผ้าไม่ทำอาหารไม่สอนการบ้านลูก แล้วเค้าผู้ชายเพศผู้จะทำมั้ย อาจจะทำนะแต่น้อยยิ่งนัก แล้วถ้าเราไม่ทำ เค้าก้อเบื่อเรา วันหนึงเวลาเค้ามีใหม่ วันที่ผิวเราเริ่มเหี่ยว เค้าก้อเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นข้ออ้าง หาว่าเราไม่ทำหน้าที่ให้ดี ทั้งที่เค้าเองก้อไม่ทำแต่ว่าไม่ผิด เพียงเพราะเค้าเป็นผู้ชาย เค้ามีหน้าที่หาเงิน แล้วเราหล่ะผู้หญิงสมัยนี้เค้าหาเงินเองได้เยอะกว่าที่คุณผู้ชายหาได้ทั้งชาติอีก พอเราทำหน้าที่ที่แสนดี เวลาเค้าจะมีใหม่เค้าก้ออ้างว่า เพราะคุณน่ะดีเกินไป คุณน่าจะมีอนาคตที่ดีกว่านี้ ดูๆๆเพศพ่อเค้าอ้างกันนะ ถ้าคิดว่าดีเกินไปแล้วมันผิด มายุ่งกะอีชั้นทำไม ประเภทคนแบบนี้ ถอยห่างๆเลย ผู้หญิง เจอที่ไหน รีบหนีนะคะ ยุคนี้ผุ้หญิงไม่ต้องพึ่งชายแล้ว ถ้า ไม่จำเป็นจริงๆมีแค่แฟนก้อพออย่าแต่งงานเลยนะ ขึ้นคานสิดี จริงมั้ย ถ้ามีแล้วมันทำให้เราเจ็บ ทำให้เงินเราจ่ายเยอะขึ้น ทำให้เรากระวนกระวายเป็นทุกข์เป็นร้อน แล้วคุณจะมีทำไมกัน มีน่ะมีได้ แต่คุณต้องเผื่อเลือกไว้มากๆนะ ถือคติดูหลายคน และดูนานๆ คบทีเอาแบบสับลางจนเมื่อยแบบนั้นแหละดี และที่สำคัญคบนานๆ เอาให้หนังเหี่ยวเหงือกแห้งไปข้างนึงเลย นั่นแหละดีๆๆๆๆๆๆ