1 ตุลาคม 2557 12:57 น.

ตำนานรักดอกเหมย

ปติ ตันขุนทด

ส่วนตัวนาย เหวย เซี๊ย กัง พ่อค้ายาเสพติดที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนโลกคนนี้  ต่อมาได้ถูกทางการไทยจับตัวได้ที่จังหวัดเชียงใหม่  ในขณะที่หลบมาอยู่ที่บ้านเมียน้อย เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2531  เขาถูกสายข่าวดัดหลัง แจ้งตำรวจ กก.7 กองปราบปราม  และ เจ้าหน้าที่ ปปส. จับกุมตัวได้ขณะแฝงตัวเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน โชตนานิเวศน์ ตรงข้ามสนามกอล์ฟล้านนาเชียงใหม่  ตามหมายจับที่1000/263 คดีครอบครองเฮโรอีน

ระหว่างคดี ทนายได้ยื่นขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปขึ้นศาลสหรัฐ  ในชั้นอุทธรณ์ แต่ก่อนที่ทางการไทยจะส่งตัวไป เหวย เซี๊ย กัง ก็ ได้รับการช่วยเหลือจากนายพลทหารผู้หนึ่ง จนแหวย เซี๊ย กัง หายตัวไป จากเรือนจำ ต่อมาอีกหลายปี ร.ต.อ.เฉลิมอยู่บำรุง รองนายกฯ  รับผิดชอบงานยาเสพติด กล่าวไว้เมื่อ เดือนกันยายน 2554 ว่า  "ทราบจากหลานของ เหว่ย เซียะ กัง ว่า การหลุดพ้นจากโซ่ตรวนครั้งนี้  เหว่ย เซียะ กัง ซื้ออิสรภาพไปด้วยเงินจำนวน 30 ล้านบาท  แต่ไม่ระบุว่าจ่ายให้กับใคร"

"ส่วนนายสุรชัย เงินทองฟู หรือบังรอน ได้หลบหนีการจับกุม ไปอยู่กับ เหวย เซี๊ย กัง และนาย ภาพ 70 ไร่ พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ ของไทย ก็เหมือนกับ เหวย เซี๊ยกัง คือทั้งที่ตำรวจจับตัวได้แล้ว  แต่ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน

และเรื่องนี้ไม่มีนักข่าวของไทยคนไหนกล้าที่จะขุดคุ้ยข่าว  ทั้งที่คนพวกนี้เป็นนักค้ายาระดับโลก เพราะวงการนักข่าวไทยรู้กันดีว่า คนพวกนี้ ได้รับการปกป้องจากในวัง และมีข่าวว่าทั้งบังรอน  และภาพ 70 ไร่ ก็ได้หลบหนีไปอยู่ในคฤหาสน์หรูของเหวย เซี๊ย กัง  ในอิทธิพลของพวกว้าแดงในเขตเมืองยอนของพม่า  ซึ่งต่อมา เหวย เซี๊ย กัง ก็ให้คนมาสร้างข่าวว่าได้ขายคฤหาสน์หรู ไปในราคา 1,500ล้านบาท

ดยส่วนใหญ่จะถูกส่งไปยังอเมริกาและยุโรป  และการเดินทางไปต่างประเทศของคนในครอบครัวนี้ ก็จะนำยาไปส่งด้วย โดยทำควบคู่ไปกับกรณียกิจที่ใช้เอามาเป็นข้ออ้าง  และการส่งยาของพวกก็จะทำได้ง่าย เพราะจะได้รับเอกสิทธิ์ ในการที่ไม่ต้องถูกตรวจค้นทั้งสนามบินภายในประเทศและสนามบิน ในต่างประเทศ

กิจในกรุงลอนดอน

และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่การส่งยาเสพติดของพวกไทยที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษต้องผิดพลาด เพราะเกิดจากเมียของเขา   การส่งยาในครั้งนั้น เมียเขาด้ร่วมมือกับ ลูกสาวเจ้าของบริษัท ไทยแพง  ที่ตั้งอยู่ใน อ.สันกำแพงจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ส่งออก เครื่องทองเหลือง โดยยัดยาเสพติดไปในเครื่องทองเหลือง  โดยในครั้งนั้น ตู้ที่เก็บเครื่องทองเหลืองที่ถูกส่งมาจากเมืองไทย  จะได้รับเอกสิทธิ์ยกเว้นในการตรวจค้น เมียเขาจึงนำลูกๆทั้งหมด 5คนไปรับของที่สนามบินฮีทโธรว์ ด้วย

พลาดเพราะสุนัข

แต่บังเอิญมีสุนัขตำรวจ ตัวหนึ่งภายในบริเวนสนามบินที่ถูกฝึกมา ให้ตรวจดมยาเสพติดโดยเฉพาะ ตำรวจผู้ดูแลเกิดผูกไว้ไม่แน่น  เดินหลุดออกมายัง Termenal ภายในสนามบินที่มีตู้เก็บเครื่องทองเหลือง นี้ตั้งอยู่ ทำให้สุนัขเห่าและไม่ยอมไปไหน จนตำรวจผู้ดูแลตามมาเจอ  ก็รู้ว่าต้องมียาเสพติดแน่ แต่ก็ไม่กล้าเปิดเพราะมีเอกสิทธิ์ และตำรวจคนนั้นก็ตัดสินใจโทรแจ้งไปยังหน่วยตำรวจพิเศษ สก๊อตแลนด์ยาร์ด และทำการตรวจอย่างละเอียด ก็เจอยาเสพติด สมเด็จพระราชินีอลิซาเบทจึงต้องสายตรงมา จนทางการไทยต้องส่งคนมาเคลียร์กับทางอังกฤษเพื่อปกปิดข่าว  ต่อมาทางการอังกฤษที่จับตัวลูกสาวเจ้าของบริษัทไทยแพงไว้  ได้ถูกทางการไทยขอให้ส่งตัวกลับมาเข้าเรือนจำในประเทศไทย พอมาอยู่ได้ไม่กีวัน ก็มีรถของสำนักมารับตัว  และหายไปจนกระทั่งทุกวันนี้ (คาดว่าถูกนำไปฆ่าปิดปาก)  และด้วยสาเหตุนี้เองที่ทำให้เมียเขากระป๋อง  และบรรดาลูกชายสี่คนก็ถูกถอดยศไปด้วย จนทุกวันนี้

กิจในอิตาลีและฝรั่งเศษ

ต่อมาเรื่องการค้ายาของครอบครัวเป็นข่าวขึ้นมาอีก  ในครั้งนั้นหลี่สิงได้ถือหุ้นลมของบริษัทขายตรงขนาดใหญ่  ที่ชื่อซูเลียน (Zhulian) ซึ่งมีสาขาทั่วโลก หลี่สิงก็ต้องไปเปิดงาน แจกโล่ มอบรางวัล ทำกิจกรรมร่วมกับบริษัทนี้เป็นประจำ  จนครั้งหนึ่งหลี่สิงดินทางไปประเทศอิตาลี และทีมงานถูกจับยาเสพติดได้  นักข่าวอิตาลี่จึงนำเสนอจนเป็นข่าวใหญ่มากในอิตาลีว่า  พ่อ แม่ของหลี่สิงเป็นเจ้าของยาเสพติดล๊อตนี้  ทำให้สำนักต้องส่งคนมารีบปิดข่าวกันอุตลุด และมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่าสำนักต้องเสียเงินให้กับทางการ อิตาลีในการที่ไม่ต้องดำเนินคดีกับหลี่สิง และปิดปากสำนักข่าวอิตาลี รวมแล้วเป็นเงินนับร้อยล้านบาท

ต่อมาในสมัยรัฐบาลนายสิทธิ์ อาชีวะ ในปี 2553  โดยหลี่สิงและทีมงานไปพลาดท่าถูกจับได้ที่ฝรั่งเศสอีกครั้ง ที่สนามบิน ทำให้หลี่สิงต้องถูกทางการฝรั่งเศสกักตัวไว้สอบสวนภายในสถานทูต  ทางราชสำนักไทยจึงส่งนาย ษิต ภิรมยา รมต.ต่างประเทศไปแก้ตัว กับทางการฝรั่งเศสว่า เป็นเพราะเด็กติดต้นขั้วกระเป๋าผิดใบ  พร้อมทั้งสั่งให้ทีมงานของหวิน ชอบชิด  และการบินไทย  จัดการแก้ไขข้อมูลทั้งทางคอมพิวเตอร์และต้นฉบับพร้อมสำเนาผู้โดยสาร  และสัมภาระให้เรียบร้อย อย่าให้โยงถึงครอบครัวของเขาเป็นอันขาด  โดยโยนความผิดไปให้พนักงานลำเลียงกระเป๋าขึ้นเครื่อง อ้างว่าต้นขั้วที่ติดกระเป๋าหลุด ก็เลยหยิบมาแปะ ไม่ได้ตรวจให้ดีก่อน  ทั้งๆที่เป็นผู้โดยสารเครื่องบินชั้นหนึ่ง ซึ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ  จึงไม่ค่อยมีใครเชื่อข้ออ้างนี้ เลยให้ธิ ทองกุล ไปปล่อยข่าวว่า  เป็นกระเป๋าของษิณ เพราะดูไบกำลังมีปัญหาขาดเงิน  ทำให้ษิณสินต้องการใช้เงิน จึงต้องค้าแป้ง

แต่ยาเสพติดในล๊อตที่ถูกจับได้นี้ เป็นล๊อตที่ใหญ่มาก ทางการฝรั่งเศสจึงให้ประกันตัวกลับเมืองไทยได้เพียงสองคนรวมทั้ง หลี่สิงด้วย แต่ผู้ติดตามหลี่สิงทั้ง 28 คน ยังถูกทางการฝรั่งเศสจับตัวไว้ และยังติดคุกอยู่ที่ฝรั่งเศสจนกระทั่งบัดนี้ และการนำตัวหลี่สิงกลับไทย และการปิดข่าวที่ฝรั่งเศสในครั้งนี้อีกเช่นกัน ที่ทางสำนักไทย ต้องสูญเสียเงินเพื่อแลกเปลี่ยนกับทางฝรั่งเศษอีกครั้งเป็นจำนวนมหาศาล

และนี่เป็นเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ที่ลูกหลานถูกจับได้ จนตกเป็นข่าว แต่คงมีอีกหลายครั้งที่สามารถเล็ดรอดการตรวจค้นไปได้  เพราะคนตระกูลนี้ มีเอกสิทธิ์ โดยการใช้ข้ออ้างกิจป่วย ในการเดินทางออกต่างประเทศ

2 ตุลาคม 2557 10:23 น.

ตำนานรัก ดอยแม่สะลอง

ปติ ตันขุนทด

พ.ต ท.  ประชา  พูนวิวัฒน์   ได้มาอยู่ร่วมกับกองพล  93  และสร้างตำนานรัก

อันลือลั่นไว้ในที่นี่  เป็นความรักในขบวนการฝิ่น  รักเพื่อน  รักผู้หญิง  รักชีวิต

เปิดเส้นทางยาเสพติด ตำนานรักโดย ออกญา เพชรบุรี

แหล่งที่มาของยาเสพติด

ยาเสพติดที่ดีที่สุดของโลกถูกผลิตในรัฐฉานของพม่า ที่มีชายแดน ติดกับมณฑลยูนานของจีน พวกนี้ก็คือพวกว้าแดง โดยใช้เมืองยอน เป็นแหล่งผลิต โดยพื้นที่นี้เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับ การปลูกฝิ่น โดยพวกปลูกฝิ่นจะเรียกตัวเองว่าเป็นพวกโกกั้ง หรือ เจิ้งคัง  เป็นพวกชาวจีนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐาน คำว่าโกกั้ง มีความหมายว่า  เป็นดินแดนที่มี 9 ดอย หรือมีดอย 9 ยอด มีแม่น้ำธิงหล่อเลี้ยง  มีหลายชนเผ่าอาศัยอยู่ ชาวโกกั้งประกอบด้วย คนจีน ลีซอ  ละหยู (มูเซอร์) ปะหล่อง อีก้อ (อาข่า อาหนี อยู่ที่เมืองลา) และไต

การเข้ามาของกองพล 93

ต่อมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อพรรค ก๊กมินตั๋ง ที่นำโดย จอมพล เจียงไคเช็ค ได้พ่ายแพ้ต่อ พรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่นำโดยประธาน เหมาเจ๋อตง จึงได้ถอยทัพไปตั้งรัฐบาลใหม่ ยังเกาะฟอร์โมซา (ประเทศไต้หวันในปัจจุบัน) โดยการถอยร่นนั้น  เจียงไคเช็ค ได้วางกำลังของตนเองไว้ที่มณฑลยูนนาน 2 กองทัพด้วยกัน คือ กองทัพที่ 8 และกองทัพที่ 26 ซึ่งแต่ละกองทัพประกอบด้วย 2 กองพล โดยที่กองพล 93 เป็นหน่วยหนึ่งที่ขึ้นตรงต่อกองทัพที่ 26 ทำหน้าที่ดูแลพื้นที่ดังกล่าวไว้เพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังของอีกฝ่าย ไล่ตามกองกำลังที่เคลื่อนย้ายไปยังเกาะฟอร์โมซาได้ทัน

ในเวลาต่อมากองทัพที่ 8 และกองทัพที่ 26 ก็ถูกกองทัพของฝ่าย พรรคคอมมิวนิสต์ตีแตกพ่ายและถอยลงมายังพื้นที่พม่าตอนบนใกล้กับ พรมแดนมณฑลยูนนานของจีน กองทัพที่ 26 ได้ถูกกองกำลัง ของจีนคอมมิวนิสต์ตีแตกพ่ายอีกครั้งและได้ถอยร่นไปยังลาวและเวียดนาม อีกส่วนก็ถอยเข้ามายังรัฐฉานของประเทศพม่า ผ่านทางรัฐฉาน ด้านเมืองเชียงตุง แล้วผ่านมาทางขี้เหล็กของประเทศไทย โดยมีกองกำลังนับหมื่น คน จำนวนทหารที่อยู่ในส่วนนี้ส่วนใหญ่แล้ว เป็นกำลังพลที่มาจากหน่วยกองพล 93

ในปี 2504 รัฐบาลพม่าดำเนินการปราบปรามกองกำลังทหารจีนพลัดถิ่น เหล่านี้อย่างจริงจัง ทำให้กองกำลังของนายพลหลี่ หมี พ่ายแพ้ และกองทัพที่ 1, 2 และ 4 จำนวน 4,349 คน ได้ถูกส่งตัวไปไต้หวัน คงเหลือแต่กองทัพที่ 3 ของนายพลหลี่ เหวิน ฝาน และกองทัพที่ 5  ของนายพล ต้วน ซี เหวิน ที่ไม่ไม่ต้องการกลับไปไต้หวัน  และได้นำกำลังอพยพหนีการกวาดล้างของพม่าเข้าสู่ภาคเหนือ ของประเทศไทย โดยไต้หวันประกาศจะไม่สนับสนุนช่วยเหลือ กองกำลังที่ตกค้างเหล่านี้อีก ในที่สุด กองทัพที่ 3 ก็มาถึงอำเภอฝาง  จังหวัดเชียงใหม่ และกองทัพที่ 5 มาปักหลักอยู่ที่ดอยแม่สลอง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย

ต่อมาสหรัฐอเมริกาเกิดความวิตกกังวลต่อสถานการณ์การแพร่กระจาย ของคอมมิวนิสต์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีการสร้างแนวยับยั้งคอมมิวนิสต์ จากธิเบตถึงประเทศไทย สหรัฐจึงได้สนับสนุนกลุ่มทหารเหล่านี้ รวมทั้งยังขอความร่วมมือกับรัฐบาลไทยให้สนับสนุนด้วย เมื่อเป็นดังนั้น จึงทำให้ กองพล 93 ของเจียงไคเช็ค ตกค้างอยู่ในประเทศไทย ประมาณ 3 หมื่นคน

รัฐบาลไทยให้การสนับสนุน

ในหมู่บ้านของกองกำลังทหารจีนคณะชาติที่ตกค้างนั้น มีการตั้งโรงเรียน การสอนภาษาจีนที่ดอยแม่สะลอง ต่อมากองบัญชาการทหารสูงสุด ของไทยได้เสนอให้สัญชาติไทยแก่บุคคลเหล่านี้ โดยที่คณะรัฐมนตรี มีมติในวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2521 โดยจัดตั้งคณะกรรมการขึ้น เพื่อพิจารณาให้สัญชาติแก่อดีตทหารจีนคณะชาติ

ทั้งนี้รัฐบาลไทยในปี 2527 ได้ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลัก ในการแปลงสัญชาติแทนกองกองบัญชาการทหารสูงสุดที่เป็น หน่วยงานหลัก ซึ่ง พื้นที่บางส่วนเช่น บ้านเปียงหลวง บ้านถ้ำง็อบ  อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่บนดอยแม่สะลอง บ้านแม่แอบ บ้านผาตั้ง จังหวัดเชียงราย ส่วนที่บ้านหัวลาง และบ้านนาป่าแปก จังหวัดแม่ฮ่องสอน กลายเป็นหมู่บ้านที่อยู่อาศัยของอดีตกองทหารจีนคณะชาติ  หรือกองพล 93 และจีนฮ่ออพยพในปัจจุบัน

เมื่อกองพล 93 ได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลุกฝิ่น  และอาศัยที่เป็นคนจีนด้วยกันจึงได้ประสานงานกับกลุ่มโกกั้งที่อยู่ ในรัฐฉานหรือที่เรียกว่ารัฐว้าของพม่า โดยที่ทหารเหล่านี้ยังไม่มีอาชีพ อื่นใด จึงทำให้ กองพล 93 ดำรงชีวิตด้วยการรับจ้างลำเลียงฝิ่น  การตั้งด่านภาษีเถื่อนและการค้าอาวุธสงคราม ณ เวลาในขณะนั้น กองพล93ได้มีการประสานงานกับรัฐบาล และทหารไทย  ที่ทางอเมริกาสนับสนุนให้ต่อต้านคอมมิวส์นิสต์

1 ตุลาคม 2557 09:50 น.

นิทานเรื่อง คนดี

ปติ ตันขุนทด

      ยาเสพติดจากมาเลเซียกับความร่ำรวยของสส.พรรคประชาธิปัตย์

ส่วนยาเสพติดอีกสายหนึ่งบางส่วนถูกผลิตในประเทศมาเลเซีย  ส่งเข้าไทยที่ ต.มูโน๊ะ อ.สุไหโกลก จังหวัดนาราธิวาส  มี สส.พรรคประชาธิปัตย์ นายสุระ   แว และน้องชายนายสุระชื่อนายอาซ     อะแซ  โดยคนผู้นี้เป็นหัวหน้ากลุ่มกองกำลังติดอาวุธ เป็นกลุ่มที่คุ้มครอง การลำเลียงทั้งยาเสพติด อาวุธสงครามและน้ำมันเถื่อน  จากนั้นก็ประสานงานในการขนส่ง โดยร่วมมือกับ รถของห้องเย็น  แพปลาสมบัติ ในจังหวัดปัตตานี และยาเสพติดจากมาเลเซียนี้  จะขายกันในบริเวณสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดสงขลาฯลฯ มักจะไม่ไม่ข้ามเขตไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี  และพ่อค้ายารายใหญ่อีกคนหนึ่งในเขตนี้ มีชื่อว่านายเส่ง  มีตำแหน่งเป็น สจ.นาราธิวาส ในปี 2553

สส.ส่วนใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ ส่วนใหญ่ล้วนร่ำรวย มาจากการค้ายาเสพติด เช่นนายอภิ สุภา นายไตรภูมิ คีรีวรรณ นายเทพ สุบรรณ นายวอน   เสนา    นายชำ เศรษฐี  นายเทพ เสนา นายสุระแว   นายนิ มณีบุญ ฯลฯ  โดย สส.พวกนี้ ที่มีกิจการค้าเป็นของตัวเองในธุรกิจอื่นๆ  ก็ล้วนได้เงินทุนมาจากการค้ายาเสพติดและของเถื่อนทั้งสิ้น เช่นนายนิ   มณีบุญ ที่มีโรงงานผลิตปลาโอใหญ่โต  และทีมฟุตบอลสงขลายูไนเต็ด

ส่วนที่ดินสวนปาล์มหลายพันไร่ ที่เนิน 491 ในอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ที่มีนายเทพ สุบรรณ นายสุ   สุวรรณา นายชำ   เศรษฐี เป็นเจ้าของ ก็เป็นสวนปาล์มที่ได้เงินทุนมาจากการค้ายาเสพติดอีกเช่นกัน

***นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  คนดีคือคนดี  คนชั่วคือคนชั่ว
1 ตุลาคม 2557 12:48 น.

นิทานเรื่อง ในลำน้ำโขง

ปติ ตันขุนทด

ในส่วนของทหารไทยก็มีความสำพันธ์กับทหารกองพล93 มาตั้งแต่อดีต  โดยร่วมกันค้าฝิ่นมาตั้งแต่สมัยจอมพลผิน ชุณหะวัณ  พลเอกเผ่า ศรียานนท์ ต่อมาก็ยุคของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์  โดยเฉพาะพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ก็เป็นเพื่อนสนิทร่วมค้า ยาเสพติดกับขุนส่าพ่อค้ายาระดับโลก โดยเจ้ายอดศึกซึ่งเป็นหลานแท้ๆ ของขุนส่าก็รับช่วงต่อในการค้ายาเสพติดกับทหารไทยมาจนถึงปัจจุบัน

ส่วนพื้นที่ในการปลูกฝิ่นในประเทศไทย มีที่ดอยปุย-ดอยอินทนนท์- ดอยอ่างขาง-ดอยแม่สลอง-ดอยตุง-ดอยกิ่วฝิ่น-ดอยแม่ตะมาน- ดอยในจังหวัดแม่ฮ่องสอน-ดอยที่สันป่าเกี๊ย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ฯลฯ  และการปลูกฝิ่นส่วนใหญ่จะปลูกโดยชาวเขาเผ่าแม้ว(ม้ง)  เมื่อมีคนเข้าไปถามชาวเขาเหล่านี้ ว่าฝิ่นบนดอยเป็นของใคร 

และยังมีอีกคดีหนึ่งที่ทางตำรวจได้จับตัวนายอูลริค วูล์ฟกัง พ่อค้ายาเสพติดระดับโลกอีกรายได้ที่พัทยาเมื่อวันที่ 2พฤศจิกายน 2549  โดยก่อนที่ตำรวจพัทยาจะนำตัวนายอูลริค ไปฟ้องศาล  นายอูลริค วูล์ฟกัง ก็หายตัวไปจากโรงพักอย่างไร้ร่องรอย สำหรับคดีนี้ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายอูลริค วูล์ฟกัง  มีข่าวว่าได้ถูกลงโทษ แต่จริงๆแล้วไม่มีใครถูกลงโทษเลย เ ป็นเพียงข่าวเพื่อหลอกประชาชนเท่านั้น และนายตำรวจเหล่านั้น มีข่าวว่าได้เงินไปคนละหลายล้านบาท

ในจังหวัดเชียงราย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก็คือคดีที่ทหาร  9 นาย  ที่นำโดย พ.ต.พงษ์ บำรุง หน.ฝ่ายข่าวกรอง ได้ร่วมกับ นายหน่อคำ ราชายาเสพติดชาวพม่า เจ้าของฉายาโจรสลัดแห่งลุ่มแม่น้ำโขง กระทำการฆ่าหมู่ 13 ศพ ลูกเรือจีน บริเวณแม่น้ำโขง ช่วงอ.เชียงแสน จ.เชียงราย  เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2554 ซึ่งคดีนี้เป็นที่สะเทือนขวัญและเป็นข่าวใหญ่โต ในประเทศจีน ทำให้ชาวจีนโกรธแค้นมาก

โดยในคดีนี้การสอบสวนทั้งจากตำรวจไทยและจีนในตอนแรก มีทั้งพยานและหลักฐานชัดเจนว่า ทหารทั้ง 9  ได้เป็นผู้ร่วมฆ่า 13 ศพ ลูกเรือจีน และได้มีการดำเนินคดี ทหารทั้ง 9 นาย โดยพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.ที่เข้ามาดูแลคดีนี้แล้ว  แต่แล้วข่าวก็เงียบไป โดยไม่มีแม้แต่ทางพนักงานสอบสวนจะส่งฟ้อง ในชั้นอัยการ

แต่เรื่องนี้ผู้เขียนบังเอิญได้รู้จักกับตัวแทนรัฐบาลจีนคนหนึ่ง  ได้บอกกับผู้เขียนว่า การประชุมของพรรคคอมมิวส์จีนในระดับมณฑล  และผู้บัญชาการทหารในนครปักกิ่ง ได้พูดคุยกันในที่ประชุมว่า จีนจะทำทุกวิถีทางในการนำตัวนายหน่อคำ และ 9 ทหารไทย มาลงโทษให้ได้ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย แต่แล้วเรื่องก็เงียบไป  ต่อมาก็มีแต่นายหน่อคำและพรรคพวกเท่านั้นที่ถูกทางการจีน จับได้และสั่งประหารชีวิต

และข่าวที่เงียบไปในคดีทหารนี้  ก็น่าจะมาจากการเยือนจีนด้วยตัวเอง หลังจากเกิดคดีนี้ไม่นาน  โดยคนของรัฐบาลจีนที่บอกกับผู้เขียนในตอนแรกนั้น ได้ตั้งข้อสังเกตุว่า ผลประโยชน์บางอย่างไปแลกกับรัฐบาลจีน  เพื่อไม่ให้ทหารไทยต้องตกเป็นจำเลยไปด้วย

พล.ต.ท.สมรักษ์ บุญมาก  ยังร่วมมือกับนายหมง  นามณี  อยู่เบื้องหลังการตายอย่างมีเงื่อนงำของนายสันติ ชัยวิรัตนะ  อดีต รมช.มหาดไทย เจ้าของฉายา รัฐมนตรีถนนควายเดิน  ที่ไปแย่งประมูลการก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียในจังหวัดเชียงราย

โดยมีนายสำลำ   ปกรณ์ ผู้ว่าเชียงรายตอนนั้นรู้เห็นด้วย  โดยมือปืนคือนายจำรัส ผ้าเจริญ (สมพงษ์พรรณ)หรือลุงหนวด  ลูกน้องคนสนิทของนายหมง   และนายจำรัส มือปืนคนนี้ ก็คือคนที่นายหน่อคำใช้ให้ไปวางแผนร่วมกับทหารกองกำลัง สังหารโหดพ่อค้าชาวจีน 13 คน บริเวณแม่น้ำโขง ช่วงอ.เชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2554

ยัดยาเสพติดเพื่อแย่งเมีย

นอกจากนี้ ในปี 2544 มีกำนันคนดังแห่งอ.เชียงแสน  ชื่อนายฤทธิรงค์ มานะมนตรี หรือกำนันตี๋ เป็นผู้ที่มีเมียสวยชื่อนางมล  เป็นอดีตนางงามเชียงราย พล.ต.ท.สมรักษ์ บุญมาก จึงยัดข้อหา โดยตั้งข้อสงสัยว่ากำนันตี๋ เป็นผู้ลักลอบค้ายาเสพติด  จึงสั่งให้ตำรวจวิสามัญกำนันตี๋ เพื่อที่จะแย่งเอาภรรยา แต่กำนันตี๋ไม่ตาย  หนีไปอยู่กับครูบาบุญชุ่มที่ฝั่งพม่า ทำให้พล.ต.ท.สมรักษ์   บุญมาก  วิสามัญลูกน้องกำนันตี๋ตายแทน เพื่อปิดคดีที่บริเวณห้างบิ๊กซี เชียงราย  และเมียคนสวยของกำนันตี๋ก็ถูกตำรวจโจรสมคิดย่ำยีมาจนกระทั่งบัดนี้  ต่อมากำนันตี๋ได้กลับไทยโดยได้รับเลือกตั้งให้มาเป็นนายกเทศมนตรี เทศบาลเวียงเชียงแสน เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2550  และเปลี่ยนชื่อเป็นนายพลภพ มานะมนตรีกุล

ทหารพยายามจะเปิดเส้นทางค้ายาเสพติดใหม่

นอกจากยาเสพติดใน 4 เส้นทางนี้แล้ว ทหารยังมีความพยายาม ที่จะเปิดเส้นทางค้ายาเสพติดใหม่ ขึ้นอีกหนึ่งช่องทาง คือช่องทาง ที่ติดกับพม่าในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน  และที่นี่ทหารก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ แก่งระจาน นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และหัวหน้าอุทยานคนนี้ ก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีสั่งฆ่าครูป๊อด หรือนายทัศน์กมล โอบอ้อม เมื่อวันที่ 10 กย. 2554 และผู้ต้องสงสัยในคดีการหายตัวไป ของผู้นำกระเหรี่ยง

โดยครูป๊อดก่อนตาย ได้เคยเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า  นายชัยวัฒน์ร่วมมือกับทหารค้ายาเสพติดกับชนกลุ่มน้อยในพม่า และสาเหตุที่เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกแบบ ฮิวอี้ - แบล็คฮอว์ก และ เบลล์ 3 ลำ ตกที่แก่งกระจาน ในวันที่ 17-19  และวันที่ 24 กรกฎาคม 2554 ตามลำดับนั้น เป็นการตกเพราะอุบัติเหตุ เพียงลำเดียวคือ เบลล์ ที่ตกในวันที่ 24 แต่อีก 2ลำก่อนหน้านั้น  ถูกชนกลุ่มน้อยยิงตก เพราะมีการหักหลังกันในเรื่องค้ายาเสพติด โดย ฮ.ลำแรกที่มีทหาร 5 คน ไปนั้น ถูกยิงตกในระยะต่ำ  แล้วชนกลุ่มน้อยก็ฆ่าตัดคอ หลังจากนั้นก็วิทยุหลอกให้ทหารหน้าโง่ไทย นำเงินมาไถ่ตัว โดยไม่บอกว่าได้ฆ่าทหารทั้ง 5คนนั้นไปแล้ว  พอ ฮ.ลำที่สองมีทหารไปกันทั้งหมด 8 นาย นักข่าวอีก 1คน ที่นำโดย พลตรี ตะวัน เรืองศรี นำเงินมาไถ่ตัว ก็ถูกชนกลุ่มน้อยหลอกมา ฆ่าจนหมด โดยแทบทุกศพถูกตัดหัว

ซึ่งในเรื่องนี้นายทัศน์กมล โอบอ้อม หรือครูป๊อด นอกจากจะเล่าเรื่อง การค้ายาเสพติดให้กับผู้เขียนแล้ว คงไปเล่าให้ให้คนอื่นๆได้รับรู้ด้วย  เพราะโดยส่วนตัวครูป๊อดไม่ถูกกับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร  หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พอเหตุ ฮ.ของทหารตก ได้เพียงเดือนกว่า ครูป๊อด ก็ถูกยิงตาย และหนึ่งในผู้ต้องหาจ้างวาน ที่ตำรวจจับได้ก็เป็นคนขับรถของนายชัยวัฒน์ ซึ่งคาดว่าเป็นการฆ่าปิดปาก และคดีของนายชัยวัฒน์ และมือปืน ก็รอดกฎหมายไทยอีกเช่นเคย

นิทานเรื่องนี้  สอนให้รู้ว่า  ยาเสพติดเป็นสิ่งไม่ดี

Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปติ ตันขุนทด
Lovings  ปติ ตันขุนทด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปติ ตันขุนทด
Lovings  ปติ ตันขุนทด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปติ ตันขุนทด
Lovings  ปติ ตันขุนทด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงปติ ตันขุนทด