31 มีนาคม 2555 13:42 น.
ปติ ตันขุนทด
เมษาพารุ่มร้อน กายา
ใจใคร่ไปเสาะหา เล่นน้ำ
มาเหนือแอ่วไพรพนา เชียงใหม่
พักอยู่ตามโรงถ้ำ เพื่อเข้าสงกรานต์
31 มีนาคม 2555 12:18 น.
ปติ ตันขุนทด
ณ หุบเขาเนาพนานามผาตั้ง
มีผัวเมียเคลียคลอครองสัจจัง
เลี้ยงชีพยังอยู่ได้ด้วยไร่ดอย
กระท่อมน้อยคอยบังทั้งลมฝน
ถึงทุกข์จนขนก่อมิท้อถอย
เมียรักผัวครัวหาดาไว้คอย
เลี้ยงลูกน้อยเกิดสง่ากว่าหกปี
ลูกเป็นชายสายโลหิตจิตสดซื่อ
พ่อตั้งชื่อเชิดชาติฉลาดศรี
อยู่บรรพตวิทยาศึกษาดี
ปอหนึ่งสองสามสี่เรื่อยรี่มา
เพื่อนร่วมชั้นชื่อจรรยามารยาท
งามพิลาสนาฏเสน่ห์ดังเลขา
อยู่หมู่บ้านร้อยสี่ศรีพนา
เป็นธิดาเศรษฐีมีเงินทุน
ทั้งสองเขียนเรียนแข่งสำแดงปราชญ์
ชิงฉลาดในชั้นครูท่านหนุน
จบมัธบ่มวิชาเป็นนาบุญ
จนเริ่มรุ่นหนุ่มสาวคราวเดียวกัน
นายเชิดชาติถามว่าจรรยาเอ๋ย
เราคุ้นเคยกันมาในป่าสวรรค์
จบมอสามตามยากต้องจากกัน
เธอกับฉันจักไปที่ไหนดี
จรรยาว่าจักไปในเมืองหลวง
คนทั้งปวงต่างไปในกรุงศรี
ศึกษาต่อพอจบเปรียญตรี
ก็จะมีงานเงินเจริญคน
เธอจักไปไหนหนอขอสัญญา
จะห่วงหาฉันไหมในแห่งหน
ความหลังครั้งร่วมเรียนเพียรฝึกตน
จักลืมหล่นร้างไหมเมื่อไกลตา
นายเชิดชาติตอบว่าข้าจนยาก
จักลำบากกายใจที่ในป่า
เธอจะไปได้ดีมีวิชา
จงอุตส่าห์จนสำเร็จเป็นเพชรงาม
อันความรักความหลังครั้งคราวนี้
ถึงชีวีสิ้นลาภต้องหาบหาม
จักรักใคร่ใฝ่หาจรรยางาม
ปองรักตามติดชิดเป็นนิจไป
จรรยาฟังฝังจิตสนิทถนอม
งามละม่อมชื่นสัตย์อัชฌาสัย
อันสัจจาอาวรณ์ก่อนจากไกล
เธออย่าได้คืนคลอนถ่ายถอนคำ
ฉันเป็นหญิงจริงจิตไม่ปลิดเปลี่ยน
ไม่วกเวียนหวั่นไหวให้ใครขำ
ขอตั้งสัตย์หัทยารักษาธรรม
เป็นบุญกรรมนำสองได้ครองกัน
เชิดชาติชอบตอบว่าป่าดงดอย
จะเหงาหงอยคอยจรรยาแม้คราฝัน
ถึงทุกข์ทนจนหนักจักหักฟัน
จวบถึงวันสมสองได้ครองกัน
อันคืนวันผันผายเหมือนสายน้ำ
เชิดชาติทำไร่ดอยคอยสานฝัน
จรรยาเพียรเรียนจบพบทางพลัน
ต้องเหียนหันห่างผาตั้งครั้งดรุน
ลืมเชิดชาติขาดติดต่อพอพบใหม่
เปลี่ยนนิสัยฟุ้งเฟ้อเธอเงินหมุน
ทันสมัยในสังคมนิยมทุน
แอบอกอุ่นกับสามีมีเงินเดือน
กลับผาตั้งครั้งตรุษจีนรวยสินทรัพย์
จรรยารับให้ทุนบุญใดเหมือน
พบเชิดชาตินาฏรับว่าข้าแชเชือน
ขอโทษเพื่อนเถิดหนาอย่าเคืองเลย
เชิดชาติตอบปลอบว่าอย่าลำบาก
ความพลัดพรากเป็นธรรมดาข้าชาเฉย
แม้นเป็นคู่คงได้อยู่ประคองเชย
เมื่อลับเลยแผ่เมตตาอารีกัน
ดอยกับฟ้าข้าอยู่เป็นคู่สุข
ถึงเป็นทุกข์เหนื่อยล้าก็พาฝัน
เมื่อทุกข์กายหายไปใจสุขพลัน
เดือนตะวันเป็นเพื่อนเหมือนก่อนมา
จงอยู่ดีมีสุขอย่าทุกข์ร้อน
ความเก่าก่อนถือเป็นฝันกันเถิดหนา
รักผัวตัวครัวไฟอย่าไลลา
มีลูกยาสืบพงศ์เป็นมงคล
ฟังเจรจาอาวรณ์สะท้อนจิต
จรรยาคิดกลับใจก็ไร้ผล
อดีตกาลผ่านไปในสากล
สุดเรียกค้นคืนเห็นเป็นปัจจุบัน
นางอำลาเชิดชาติอนาถจิต
พ่อมิ่งมิตรสุขหนาอย่าเดียดฉันท์
ตรุษจีนหน้ามาเห็นเป็นเพื่อนกัน
ให้เหมือนวันร่วมเพียรเรียนวิชา
จะกล่าวถึงเม่ยรินปิ่นดงดอย
เป็นสาวน้อยเมี้ยนนามงามหนักหนา
บ้านเชิดชาติชิดใกล้แต่ไรมา
ต่างคบหาช่วยเหลือเมื่อมีงาน
นางหมายรักปักใจในเชิดชาติ
มิได้ขาดห่วงหาเรื่องอาหาร
เอาผักหนามตามยากฝากเจือจาน
สมัครสมานสานจิตมิตรไมตรี
บอกเชิดชาติไปขอพ่อบอกแล้ว
เป็นเพื่อนแก้วร่วมคาอย่าหน่ายหนี
ขอร่วมชาติปรารถนาเป็นนารี
คู่ชีวีสุขสวัสดิ์บำบัดภัย
เชิดชาติขอพ่อนางให้วางจิต
จักรักชิดเม่ยรินตราบสิ้นขัย
ทั้งทุกข์โศกโรคร้ายในกายใจ
เมื่อเป็นไรขอเป็นคู่อยู่เหลียวแล
งานมงคลมนต์เสน่ห์บุพเพสร้าง
ทั้งสองข้างเห็นชอบตอบกระแส
เชิดชาติแต่งเม่ยรินกินจอแจ
แขกโห่แห่ให้พรคำสอนใจ
ครั้นสำเร็จเสร็จค่ำนำเจ้าสาว
งามพริ้งพราวยิ้มย่องจิตผ่องใส
ส่งเข้าหอขอเจ้าบ่าวรับเอาไป
ช่วยชิดใช้รักษาพยาบาล
เชิดชาติเอ่ยเม่ยรินกินนรน้อย
ช่างชดช้อยชื่นตากว่ากล่าวขาน
พี่ขอฝากรากรักภักดีนาน
ตราบวายปราณมอดม้วยด้วยบุญกรรม
ฝ่ายเม่ยรานผินหน้ามาตอบถ้อย
จงรักร้อยเลี้ยงชุบอุปถัมถํ
เป็นปัญญาพาสว่างทางชอบธรรม
ช่วยชักนำปฏิบัติตัดโศกา
เชิดชาติวาดพาดนางไว้กลางตัก
จุมพิตพักตร์ดื่มเล่ห์เสน่หา
กอดกระหวัดหรัดรื่นชื่นวิญญาณ์
แนบกายาเยียดยัดถนัดนอน
เกิดกระเทือนเลื่อนลั่นสนั่นดิน
ทั้งโขดหินเผยอแยกแตกผันผ่อน
สิงโตกล้าผาตั้งคลั่งดอยดอน
แทรกสิงขรผ่อนขยับกลับไปมา
ฟ้าคำรณฝนหลั่งหลังตั้งเค้า
นางรองเอาฝนสาดตามปรารถนา
จวบรุ่งสางต่างตอบถ้อยร้อยกิจจา
ตามประสาโลกมนุษย์ไม่หยุดลง
อันชีวิตกิจประจำต้องทำกิน
ในท้องถิ่นไพรพนาป่าระหง
สองสมชิดคิดปรึกษาพากันลง
ไปถางพงปลูกข้าวของชาวดอย
หอมหัวใหญ่ได้ราคาพากันปลูก
รักพันผูกเคียงข้างไม่ห่างถอย
ผัวถางถกยกหนักเมียรักคอย
ชิดใช้สอยปลูกผักกตักน้ำกิน
ทุกวี่วันหมั่นสร้างทางกสิกิจ
สุจริตสร้างเสริมเพิ่มทรัพย์สิน
ฟ้าเมฆฝนหล่นหลั่งพร่างพรมดิน
นางเม่ยรินเชิดชาติคลาคลาดจน
เสร็จจากงานบ้านน้อยคอยสองรัก
เข้าครองพักแฝงแฝดหลบแดดฝน
ฤดูเดือนเคลื่อนคล้อยค่อยเวียนวน
นฤมลเม่ยรินกินเปรี้ยวดอง
นางบอกผัวตัวรักว่ามีลูก
ยิ่งพันผูกพูนเพิ่มเฉลิมฉลอง
เชิดชาติจูบลูบเมียเคลียคลอครอง
ฟังที่ท้องปากว่าข้าอาทร
เราทั้งสองต้องไปให้สมภาร
ท่านประทานพรขลังและสั่งสอน
วัดผาตั้งหลังเขาเนาเนินดอน
คืนนี้นอนพรุ่งนี้หนาข้าพาไป
นางนอนแอบแนบผัวยิ้มหัวหลับ
ดาวเดือนดับตื่นนิทราเห็นฟ้าใส
จัดจังหันอันหอมพร้อมกันไป
กราบกรานไหว้ท่านสมภารขอปันพร
หลวงตาเห็นเอ็นดูในหมู่มนุษย์
ไม่สิ้นสุดความรักที่จักถอน
เกิดเจ็บตายกายขลุกทุกข์สืบจร
จึงสั่งสอนเอาพระตรัยไว้ติดตัว
มีพุทโธธรรมโมสังโฆมั่น
ทานศีลอันบุญประเสริฐเทิดไว้หัว
อันชั่วโฉดโกรธร้ายละอายกลัว
อย่าเมามัวอบายมุขคลุกเคล้าตน
ผัวรักเมียเมียรักผัวกลัวพลาดผิด
ต้องพูดคิดแต่ดีมีเหตุผล
อย่าหึงหวงหุนหันกันอึงอล
ทั้งสองคนจึงจักได้เต็มในพร
ลูกเกิดกายชายหญิงจริงประจักษ์
แม้นว่ารักต้องเพียรเวียนสั่งสอน
ส่งเสริมสิทธิ์วิทยาเป็นอาภรณ์
เมื่อจากจรลูกจะได้ใช้เลี้ยงกาย
ทั้งสองกราบนมัสการซาบซ่านจิต
จำภาษิตศึกษาปัญญาฉาย
ลากลับบ้านผ่านเหมือนเก้าเดือนปลาย
เกิดลูกชายเม่ยรินสมอินทรีย์
จะกล่าวถึงจรรยาคราอยู่กรุง
นางรวยรุ่งธุรกิจติดวิถี
ส่งคนไปใต้หวันงานเงินดี
แต่สามีแอบผลาญร้าวรานใจ
ผัวลักลอบชอบใจในหญิงอื่น
นางขมขื่นฝืนหน้าพูดปราศรัย
ขอเลชิกร้างห่างลากันคลาไคล
ตามแต่ใครใฝ่จิตคิดเลือกทำ
พ่อของนางทางการท่านจับผิด
เพราะชิดติดยาบ้าคณาหนำ
ศาลลงโทษถึงคุกจุกประจำ
จรรยาน้ำตารินไม่สิ้นทรวง
คิดเตลิดเชิดชาติซึ่งขาดกัน
จะพลิกผันรักเก่าครั้งเฝ้าหวง
ขอคืนใหม่ไม่เหเรรวนลวง
จะเติมตวงชดใช้ให้พอเพียง
ถึงตรุษจีนจรมาบ้านผาตั้ง
น้ำตาหลั่งรินตกอกเป็นเสี่ยง
ขาดคนรักพักอยู่เป็นคู่เคียง
จะถามเถียงรักคืนมาชื่นใจ
ไปเชิญชวนเชิดชาติเหมือนญาติกัน
ร่วมสังสรรเสกศรีวันปีใหม่
นางเม่ยรินกินแหนงคลางแคลงใจ
แต่อดไว้กลัวเสียการงานปรีดี
นางบอกผัวตัวว่าอย่ามาดึก
เพราะคิดนึกกลัวเสือเป็นเหยื่อหมี
จะทำผิดคิดผิดริดรอนดี
ให้เป็นที่ฟูมฟกอกตรอมตรม
เชิดชาติไปได้กินดิ้นตามเพลง
ร้องบรรเลงหลายประสานขับขานขรม
เพื่อนร่วมรุ่นอุ่นใจได้เกลียวกลม
กลับบประสมสืบสานคืนวานวัน
จรรยาชวนเชิดชาติชั้นดาดฟ้า
สนทนาความเก่าเล่าความฝัน
จะได้ไหมให้หวนทวนรักกัน
จะยึดมั่นสัญญาถ้าอภัย
เชิดชาติอึ้งจึงถามตามฉงน
เราสองคนต่างเลยลากว่าแก้ไข
เธอมีผัวตัวฉันนั้นเสียใจ
จึงจากไปแต่งงานมี่บ้านเรือน
จรรยาว่าอย่าร้างกับผัวแล้ว
เธอเป็นแก้วปรารถนากว่าเป็นเพื่อน
ไม่อาจหักห้ามจิตคิดลืมเลือน
จักย้อนเยือนได้ไหมขอใจคืน
เชิดชาติว่าอนิจจาข้ายังรัก
แต่ต้องหักใจไว้ไม่ฝ่าฝืน
อยากจะกอดสอดสองต้องกล้ำกลืน
กลัวเดินยืนบาปบ้าอายฟ้าดิน
จรรยาตอบมอบไมตรีไม่หนีแล้ว
ไม่กลัวแคล้วคนด่าว่าติฉิน
ถึงอกหมองต้องโศกาเป็นอาจิณ
ใครหยามหมิ่นก็จะรับไม่กลับกลาย
เชิดชาติท้อขอเวลาข้าครุ่นคิด
จะกลับชิดเสน่หาข้าใจหาย
ข้ามีเมียเสียสัตย์จะพลัดพราย
แม่เพื่อนชายตัดเถิดหนาข้าคิดกลัว
ฝ่ายเม่ยรินดิ้นไม่หลับกระสับส่าย
นอนเดียวดายตรองตรึกนึกถึงผัว
จนดาวเดือนเคลื่อนคล้อยคอยพันพัว
คิดหมองมัวโศกสลดระทดใจ
จึงตามไปได้เห็นเป็นประจักษ์
ว่าผัวรักพูดเพ้อคำเผลอไผล
จรรยาจ้องมองหมิ่นพูดกินใจ
กล่าวคำไขขอเชิดชาติขาดเม่ยริน
นางตัดพ้อขอผัวตัวฉันเศร้า
ถ้าจะเอาต้องคิดติดทรัพย์สิน
ผัวไม่รักจักพาลูกหากิน
ตามดอยดินอยู่เดียวไม่เกี่ยวกัน
เชิดชาติออกบอกลาจรรยามิตร
พร้อมสะกิดเม่ยรินให้ผินผัน
กลับบ้านบึ่งถึงหมอนลงนอนพลัน
เม่ยรินนั้นซุกแอบแนบเคียงครอง
แล้วพูดว่าข้าหวงเป็นห่วงพี่
นางตัวดีจะฉกชิงดังสิ่งของ
ถือประเสริฐเลิศดีมีเงินทอง
มาคิดปองผัวข้ามันกล้าเกิน
เชิดชาติฟังชั่งใจได้ครวญคิด
แม่มิ่งมิตรห่วงหาข้าสรรเสริญ
แล้วโอบกอดคอดกายที่ชายเพลิน
ปะโขดเขินเนินป่าผกาบาน
ภมรซุกคลุกเคล้าดื่มเอารส
กำซาบซดโอชาหาหอมหวาน
เสนอสนองสนิทสนมภิรมย์นาน
พิศดารปั่นป่วนนวลผกา
พายุโหมโถมถนัดซัดกลีบกลิ่น
กระเทือนดินหินแยกแตกจากผา
ฝนอุทกตกพลั่งหลั่งโลมมา
สองนิทราแนบสนิทจิตผูกพัน
17 มีนาคม 2555 17:22 น.
ปติ ตันขุนทด
ไปเกาหลีเยี่ยมท้าว กิมจิ
นางยิ่งลักษณ์งามริ เริ่มสร้าง
สัมพันธ์มั่นขันติ เติมแต่ง
ชวนท่านลงทุนจ้าง พี่น้องคนไทย
17 มีนาคม 2555 17:06 น.
ปติ ตันขุนทด
เคารพคนที่ใช้ เหตุผล
แถลงแก่ทุกชน ช่วงชั้น
สัจธรรมไม่สับสน งามส่อง
เหตุย่อมมีผลนั้น บ่งชี้สัจจริง
12 มีนาคม 2555 15:14 น.
ปติ ตันขุนทด
ครอบครัวครองอยู่ด้วย รักกัน จริงเอย
ผัวคู่เมียสัมพันธ์ ห่วงร้อย
ถือสัตย์มั่นเสกสรร ทรัพยฺ์มั่ง มีนา
ตราบเฒ่ามรณาคล้อย สู่ด้าวแดนสวรรค์