30 กันยายน 2552 11:11 น.
ปติ ตันขุนทด
***เดือนวาวสกาวแจ่มฟ้า เต็มดวง
เดือนพี่วาวเดือนสรวง ผ่องหน้า
เดือนงามเด่นเย็นทรวง เยือนส่อง
เดือนเลื่อนลาลับฟ้า พี่กลั้นอาวรณ์
***เดือนเพ็ญเย็นเยี่ยมฟ้า เพลินชม
เดือนแจ่มจับอารมณ์ พี่ยิ้ม
เดือนจรอยู่ขอบพนม นภาต่ำ
เดือนเร่ตกอกปิ้ม ป่วยม้วยมรณา
***เดือนแรมหยุดแต่งแต้ม เวหา
เดือนค่อยเลือนลับลา หน่อยน้อย
เดือนดับดั่งชีวา อับคู่
เดือนอย่าคลาดคลาคล้อย แห่งห้องเรือนจน
***เดือนมาฆะเปี่ยมพร้อม พระสงฆ์
เป็นแต่อริยวงศ์ เก่งกล้า
ประชุมเยี่ยมพุทธองค์ เอมอิ่ม
ทรงสั่งสอนโลกหล้า แต่ล้วนเลิศธรรม
***เดือนวิสาข์ร่ำร้อง อาลัย
พระสู่นิพพานไกล แจ่มห้อง
พุทธองค์หนึ่งเดียวใคร เทียมเท่า
เป็นปู่ครูเทพไท้ กว่าท้าวทุกพรหม
30 กันยายน 2552 09:03 น.
ปติ ตันขุนทด
***ปาณาติบาตเศร้า มรณา
ไยฆ่าพรากชีวา อื่นคล้อย
สัตว์อื่นจบโลกา หวังอยู่ ยืนแฮ
ตราบชั่วอายุร้อย เช่นผู้จองผลาญ
***อทินทานลักแล้ว ฤาฟู
มีแต่พบริปู ต่อต้าน
ตำรวจส่งสายดู เห็นจับ
ศาลสั่งจำคุกคร้าน บ่นเศร้าภายหลัง
***กามังรักคู่ผู้ เคียงครอง
เสพส่ำกามผิดหมอง หม่นไหม้
หญิงชายต่างหมายปอง มัดมั่น
เติมแต่งวิวาห์ไว้ อื่นห้ามลักโลม
***มุสาโยมว่างเว้น แลดี
พูดแต่คำสัตย์ศรี เชื่อได้
สับปลับย่อมราคี ขมขื่น
คนบ่นับถือไหว้ แก่ผู้ลมลวง
***สุราตวงดื่มแล้ว ยะโส
สติต่ำทำวางโต เพื่อนพ้อง
รุกรานก่อเฉโก ชนหมู่
พาลเผ่าพงศ์ผิดข้อง เร่งแก้กลับตน
29 กันยายน 2552 15:10 น.
ปติ ตันขุนทด
***นามรูปกายร่างล้วน ปรวนแปร
คงแต่บาปบุญแบ บ่มสร้าง
สูงศักดิ์ต่ำตาแล เลวไพร่
ใครบ่อาจเอาอ้าง มั่นไว้อัตตา
***ทุกข์ใดในต่ำใต้ โลกา
ทุกข์แก่เจ็บกายา ค่ำเช้า
ทุกข์พรากห่างสุดา เดียวพี่
ทุกข์แต่กิเลสเร้า รุ่มร้อนทุกคน
***ตัวตนตามแต่งแต้ม เติมงาม
ตัวย่อมยึดยอมตาม โง่เหง้า
ลาภยศใช่ยืนยาม ยันอยู่
มีเสื่อมคลายทรามเศร้า บ่นห้ามฤาไหว
***มนุษย์พรหมยมโลกนั้น ภพไตร
เวียนว่ายกระแสไป อ่อนล้า
พุทธองค์เอ่ยธรรมนัย สัจสี่
พาหมู่สัตว์เบิกฟ้า ล่วงพ้นทุกข์ภูมิ
***ศีลปัญญาสว่างล้ำ ทิพย์ญาณ
นำส่องสัตว์สันดาน ผ่านเศร้า
ตัดเสี่ยซึ่งพาลมาร มวลหมู่
เห็นแจ่มอริยเจ้า แม่นแท้นิพพาน
29 กันยายน 2552 11:28 น.
ปติ ตันขุนทด
***แววดาวแววเด่นฟ้า เมืองบน
แววเยี่ยมปัญญายล ส่องหล้า
แววศีลส่งศักดิ์ตน เอมโอ่
แววพี่งามระย้า สู่พื้นโลกา
***พิศโพยมพรายพร่างพร้อย แววดาว
แสงส่องประกายพราว แจ่มฟ้า
เพลินชมอยู่ทุกคราว ดาวเด่น
ดาวอย่าเลือนลับหล้า พี่ร้องอาลัย
***แววดาวดาษพ่างพื้น เกตุนภา
ดาวเปล่งจับนัยนา พี่จ้อง
ดาวใจอย่าลับลา แรมเลื่อน
ดาวอื่นฤาเปรียบน้อง หนุ่มหน้าดาวเดิม
***ดาวดินเป็นปิ่นเจ้า จอมคน
ดูเด่นแววดาวดล แห่งห้อง
ดาวเยือนอิ่มอวลกมล อกพี่
ดาวบ่แลดุจน้อง อย่าร้างแรมโรย
***แววดาวลาพี่แล้ว ลืมเลือน
ดาวบ่เป็นมิตรเตือน คู่เต้น
ดาวไกลไป่ยลเยือน คืนเก่า
ดาวอยู่ดีลับเร้น คู่เคล้าคนรวย
28 กันยายน 2552 15:32 น.
ปติ ตันขุนทด
***สัมมาทิฏฐิแท้ ปฐมมรรค
เป็นบทนำประจักษ์ สว่างจ้า
เห็นชอบดั่งใจภักดิ์ คงมั่น
นำสู่นิพพานหล้า ผ่องพ้นโลกีย์
***สัมมาสังกัปป์ป้อง จิตเขลา
ยืนนั่งเดินดูเอา จิตรู้
คิดพูดอย่าดูเบา บุญส่ง
ละบ่วงบาปทนสู้ สิ่งเร้าโลโภ
***สัมม์วาจากล่าวอ้าง กุศล
พูดแต่ดีกับคน ทุกผู้
พูดชอบดั่งมนต์ดล ใจชื่น
ทุกส่ำสัตว์เสพรู้ อิ่มแท้คำงาม
***สัมม์กัมมันตะต้อง ตรงเต็ม
ทำแต่บุญสุนทร์เอม อิ่มท้อง
ละโลภล่วงเลาะเล็ม สินอื่น
หาใส่ตัวถูกต้อง เช่นเชื้ออรหันต์
***สัมม์อาชีวะไว้ เป็นสุข
ชีพไป่แปรเป็นทุกข์ บาปได้
อาชีพที่เข็ญขุก ละล่วง
กินอิ่มสุจริตไว้ ขุ่นข้องเคืองหาย
***สัมม์วายามะนั้น ครองคง
สืบกิจสำเร็จลง ผ่องหน้า
เพียรละสิ่งปรุงหลง บาปบ่วง
เพลินแต่ภาวนากล้า ล่วงพ้นกามคุณ
***สัมมาสติตั้ง เต็มกาล
พิศเพ่งไตรลักษณ์ญาณ เชี่ยวแท้
วิปัสส่งสำราญ ปีติ
รู้เท่าทันอาจแก้ ชั่วช้ากิจกรม
***สัมมาสมาธิล้ำ โลกา
สานสู่ทางโสดา เด่นผู้
เป็นแนวเนื่องมรคา โกกุตร์
เต็มเปี่ยมเป็นยอดรู้ เช่นชั้นอริย์ชน