11 มีนาคม 2547 11:20 น.
ป.ปิ่น
ความฝันของคนแต่ละคนคงไม่จำเป็นต้องเหมือนกันหรอกว่ามั้ย ฉันเองก็มีความฝัน แต่ฉันไม่กล้าพอที่จะไขว่คว้าฝันนั้น ฉันจะเล่าถึงความฝันของฉันสมัยยังเป็นเด็กเล็กๆ ฉันฝันไว้ว่า ฉันได้พยายามเรียนภาษาอังกฤษให้ดีที่สุดจนสามารถพูดได้คล่องแคล่ว เมื่อฉันโตขึ้นฉันได้ทำงานอยู่ในบริษัททัวร์ เป็นไกด์ให้ชาวต่างชาติ ฉันจะเก็บเงินให้ได้เยอะๆ และเมื่อฉันแก่ตัวลง ก็จะออกท่องเที่ยวไปทั่วโลก ศึกษาภาษาของแต่ละประเทศ พร้อมกับศึกษาการดำเนินชีวิตของคนในประเทศนั้นไปด้วย ฉันคงมีความสุขมาก ถ้าทำฝันนั้นให้เป็นจริง แต่เรี่ยวแรงที่ฉันจะไต่ฝันไปมันช่างริบหรี่ไปทุกวัน เหมือนแสงเทียนที่ใกล้จะดับ ความท้อแท้เริ่มครอบคลุม ฉันคงไปไม่ถึงฝันแล้ว
ถ้าหากว่าคุณคือคนหนึ่งที่มีความฝัน ขอให้ทุกคนอย่าท้อแท้แบบฉัน จงสู้ต่อไป ทำฝันให้เป็นจริงนะ
การที่เราจะมีแรงต่อสู้และไปให้ถึงความฝันนั้น อาจจะต้องการกำลังใจ และทุกคนที่ต้องไต่ฝันก็ต้องมีกำลังใจ ที่จะต่อสู้ต่อไปเหตุผลที่ฉันไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะไต่ฝัน ก็เพราะฉันขาดกำลังใจ หากแต่ได้รับก็เป็นแค่กำลังใจจอมปลอมเท่านั้น ไม่ได้ออกมาจากใจจริงของผู้ให้ มันเป็นแค่เพียงลมปาก เป็นแค่คำพูดเท่านั้น
9 มีนาคม 2547 10:16 น.
ป.ปิ่น
เมื่อฉันอายุได้ 6 ขวบ ฉันได้ย้ายโรงเรียนมาเข้าป.1 ที่จังหวัดอยุธยา เปิดเทอมวันแรก ฉันเดินเข้ามาในรั้วแห่งนี้ เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างที่ฉันรู้สึกได้ว่า จะมีคนๆนึงที่จะให้ความอบอุ่นแก่ฉันได้ ฉันเดินตรงเข้าไปดูรายชื่อ "อ้าเจอแล้วนี่ไงอยู่ห้องป.1/2 ด้วย" ฉันเดินหาห้องจนในที่สุดก็เจอ ฉันเดินเข้าไปในห้องเพื่อหาที่นั่ง "อืมที่ตรงนั้นจาว่างมั้ยน๊า"ฉันคิดในใจ ลองเข้าไปถามดีกว่าเนอะ ว่าแล้วฉันจึงเดินตรงรี่เข้าไปถามเด็กผู้ชายที่นั่งข้างๆเก้าอี้ตัวที่ว่างนั้น " ขอโทษนะค่ะ ตรงนี้ว่างรึป่าวค่ะ " เสียงตอบรับกลับมาว่า " ว่างครับนั่งได้เลยครับ " เสียงนี้ฟังดูอบอุ่นมาก ฉันจึงเอากระเป๋าวางลงและนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวนั้น ฉันจึงถามผู้ชายคนนั้นว่า "ตัวชื่อไรเหรอ" เสียงตอบกลับมาว่า"เราชื่อปอนด์ ตัวละ" อูยย์เค้าถามชื่อเราด้วย ฉันจึงรีบตอบไปว่า "เราชื่อปาล์มนะ" ปอนด์พูดต่อ "ปาล์มเหรอชื่อเพราะจังนะ" แล้วหลังจากนั้นฉันกับปอนด์ก็เป็นเพื่อนสนิทกันมาจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 เราอยู่ห้องเดียวกันมาตลอด และพร้อมกับความสัมพันธ์ของเราก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นความรัก จนวันหนึ่งปอนด์ได้บอกกับฉันว่า "ปาล์มเรารักปาล์มนะ ปาล์มละรักเราบ้างมั้ย" ฉันอายจึงไม่กล้าตอบปอนด์จึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน จนมาถึงวันเกิดฉัน วันนี้ฉันรู้สึกแปลกๆ ที่เค้าเรียกกันว่าลางสังหรณ์ แต่มันจาเป็นลางร้ายหรือลางดีฉันก้ยังไม่สามารถล่วงรู้ได้ ตกดึก แม่ของปอนด์มาที่บ้านของฉัน ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก เธอหน้าซีด ตาแดงและบวมเป่ง ฉันจึงตรงเข้าไปถามว่า"น้าแป๋วปอนด์ละค่ะ เค้าไม่มาด้วยเหรอ" ้เธอได้ตอบฉันมาว่า"หนูจ๊ะปอนด์เค้าถูกรถชน ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลจ๊ะ" วินาทีที่ฉันได้ยินประโยคนี้เหมือนตกอยู่ในหลุมดำแห่งความมืด มันมืดมิดไปหมดจนไม่รู้จะทำยังไง พอรู้สึกตัวอีกครั้งก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ฉันรีบเข้าไปถามนางพยาบาลว่า "ปอนด์อยู่ไหนค่ะ" นางพยาบาลหน้าซีดก่อนที่จะตอบมาว่า "เสียใจด้วยค่ะคุณปอนด์เสียชีวิตเมื่อ 5 นาทีที่แล้ว" หลังจากฌาปนกิจศพปอนด์เสร็จ น้าแป๋วได้นำได้อารี่ของปอนด์มาให้ฉัน และบอกกับฉันว่า "ปาล์มปอนด์เค้าฝากแม่ให้เอามาให้หนูนะจ๊ะ" ฉันจึงรับไว้และเปิดออกอ่าน
14 ก.พ. 47
วันนี้ผมได้บอกปาล์มว่าผมรักปาล์มและรอคำตอบว่าปาล์มจะบอกรักผมไหม แต่ผมถามเธอ เธอก็ไม่ตอบ เฮ้ยไม่เป็นไร ผมจะรอเธอจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ
15 ก.พ. 47
วันนี้ผมก็ยังรอฟังคำว่ารักจากปาล์ม แต่ทำไมนะเค้าจึงไม่ยอมบอกผมซักที
16 ก.พ. 47
วันนี้เป็นวันเกิดของปาล์มด้วย ผมกะจะหาซื้อตุ๊กตาหมีให้ปาล์ม จะไปซื้อที่ร้านกิ้ฟช็อบแถวในเมืองดีกว่า ปาล์มต้องดีใจแน่ๆ เห็นบอกว่าอยากได้นักหนาตุ๊กตาเนี่ย
ฉันอ่านจบ ฉันเพิ่งรู้ว่าจริงๆแล้วปอนด์รอแค่คำว่ารักจากฉัน ทำไมนะปอนด์ ทำไมเธอไม่ตื่นขึ้นมาฟังฉันบอกก่อนละ ตอนนี้ฉันพร้อมที่จะบอกเธอได้ว่า ฉันรักเธอนะปอนด์ แต่มันคงจะสายไปแล้ว ยังไงฉันก็อยากให้เธอรอฉัน รออยู่ที่โลกที่มีเพียงแค่สองเรา แล้วฉันจะไปบอกเธอที่นั่น โลกแห่งความรัก รอฉันนะปอน
4 กุมภาพันธ์ 2547 10:27 น.
ป.ปิ่น
ช่วงเปิดเรียนแรกๆของชั้นม.1 ฉันรู้จักกับเพื่อนที่จบจากต่างร.ร. 3 คน ตูน ฟาง และฟ้า ทั้งสามมีเพื่อนเก่าอยู่อีกห้องชื่อตุ้ม ตุ้มเป็นเด็กเรียนมากๆ เขาได้รับรางวัลต่างๆมากมายทางวิชาการ เขาถือว่าเป็นคุณหนูเลยล่ะ ฟ้าแนะนำตุ้มให้รู้จักกับฉัน "ปิ่นนี่ตุ้มเพื่อนเก่าเรานะ" ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้เมื่อได้ยินชื่อนี้คือ คุ้นชื่อ คุ้นหน้าเหมือนเคยพบเจอกันมาก่อน ฉันพยายามคิดว่าเคยเจอที่ไหนรึป่าวแต่ก็คิดไม่ออกสักที วันเวลามันผ่านไปเร็วนัก พร้อมกับความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับตุ้มก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน จากไม่เคยคิดอะไรกับตุ้มเลย ตอนนี้มันเริ่มเปลี่ยนแปลง เรารู้สึกว่าตุ้มน่ารัก นิสัยดี เป็นเพื่อนที่ดีคนนึง และนานวันเข้าฉันก็เริ่มรู้ตัวเองว่าชอบตุ้มเข้าแล้ว จนวันนึงฉันจึงต้องบอกกับตุ้มว่า " ตุ้มเราปลื้มตัว " ตุ้มถึงกับตกใจนิดๆแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ จากวันนั้นฉันคิดว่าตุ้มคงจะทำตัวออกห่างเรามากขึ้นแต่ทำไม เวลาเราบอกตุ้มไปแล้ว ยิ่งทำให้เรามีโอกาสใกล้ชิดมากขึ้น ได้คุย ได้หยอกกันเล่น แต่นานวันเข้าความสัมพันธ์ระหว่างเราดูเหมือนจะดีขึ้นก็จริงแต่ฉันก็รู้ว่าตุ้มกำลังรอใครบางคนอยู่ เขารอผู้ชายคนนี้มาตั้งแต่อนุบาล ฉันพยายามจะช่วยเขาให้เขาได้มีโอกาสได้บอกกับคนที่เขารอ แต่ทำไมคนที่เขารอถึงไม่ได้รอเขา และยังหลอกฉันอีกว่า เขากำลังรอตุ้ม ฉันเริ่มโกรธคนที่เขารอไม่รู้สิว่าเพราะอะไร ตุ้มเป็นเพื่อนที่ดีคนนึง เขาดูเป็นห่วงฉันมากเวลาฉันร้องไห้ เสียใจ และท้อแท้ บางเรื่องที่ฉันพยายามจะปิดเขาไว้เวลาฉันเสียใจ เพราะฉันไม่อยากให้เขาเป็นห่วงฉันมากกว่านี้ จนมาถึงวันเกิดฉัน ฉันอยากจะบอกกับเขาว่า ฉันอยากได้ของขวัญวันเกิดจากเขามากที่สุด แต่ไม่รู้ว่าเขารู้ได้ยังไง วันเกิดฉันเขาเอาของขวัญมาให้ ช่างวิเศษจริงๆ มันเป็นสมุดบันทึกปกแข็งเล่มสีฟ้า น่ารักเล่มหนึ่ง ฉันคิดว่าฉันจะเขียนระบายความรู้สึกเวลาโกรธ เศร้า ท้อแท้ และฉันจะไม่บอกความรู้สึกเหล่านี้กับตุ้มอีกแล้วเพราะฉันไม่อยากทำให้ตุ้มต้องคิดหนักไปกับฉันด้วย
ฉันอยากบอกว่าขอบคุณความห่วงใย กำลังใจที่ตุ้มให้ ขอบคุณมากนะ
3 กุมภาพันธ์ 2547 22:50 น.
ป.ปิ่น
ฉันพยายามหาคำตอบกับคำถามนี้ บางทีฉันก็ต้องตอบว่าคือการให้ แต่บางทีมันก็กลับกลายเป็นการบ่ายเบี่ยง
การบ่ายเบี่ยงในที่นี้หมายถึงการบ่ายเบี่ยงที่จะทำให้คนที่เรารักมีความสุข คนที่เรารักได้สมหวังกับคนที่เขารัก
เรื่องของความรักระหว่างฉันกันเขาเกิดขึ้นเมื่อเปิดเทอมวันแรกของชั้นม.1 ไม่รู้สิว่าทำไม ตั้งแต่วันแรกในไดอารี่
ของฉันก็มีชื่อเขา นานวันเข้าความรู้สึกที่ฉันสัมผัสมันทำให้ฉันยิ่งรู้ว่าตัวเองรักเขาเข้าแล้วและก็ไม่อยากเสียเขาไป
ฉันเคยคิดอยู่เสมอว่าจะบอกเขาดีไหม? แต่ในที่สุดฉันก็ต้องบอกกับเขา แต่คำตอบที่ได้รับ เขากลับบอกว่า มันเป็นไป
ไม่ได้หรอก เขากำลังรอคนๆนึง รอมากว่า 7 ปี และเขาก็จะรอตลอดไป คำตอบที่ฉันได้รับมันทำให้รู้สึกสะเทือนใจนิด
ๆแต่ทำไมไม่ค่อยรู้สึกเสียใจเลย บางทีอาจจะเป็นเพราะฉันไม่ได้หวังให้เขามารักมั้ง ตั้งแต่วันนั้นคำว่ารัก ฉันคิดว่ามัน
เป็นการบ่ายเบี่ยง บ่ายเบี่ยงที่จะทำให้คนที่เรารักมีความสุข ฉันพยายามหาโอกาสให้เขาและคนที่เขารอ เจอกันให้มากที่
สุด โดยที่เขาไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่เขาทั้งสองเจอกัน มันเป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้น และฉันก็เป็นผู้อยู่เบื้องหลังตลอด
ตอนนี้ฉันรู้สึกกลัว กลัวว่าถ้าเขารับรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีฉันเป็นเบื้องหลัง กลัวว่าเขาจะโกรธ ฉันจะทำยังไงดีนะ?