14 กุมภาพันธ์ 2551 18:05 น.
บุษบาริมทาง
แม้การต่อสู้จะดำเนินต่อไป แต่กำลังของพระอินทร์ก็ล่าถอยลงไปเรื่อยๆ
"อึ...ท่านยอมแพ้ซะเถอะ"เคียร่าพูดเย้ยใส่
"ไม่มีวัน"พระอินร์กัดฟันพูด แต่...พระอินทร์ก็ล้มไปกองกับพื้น เพราะร่างกายของพระองค์อ่อนแรงลง เคียร่าเดินมาใกล้ จ้องหน้าพระอินทร์ด้วยสายตาที่เชยชา
"เราบอกแล้วไง...ว่าให้ท่านยอมแพ้ซะ"พระอินทร์เงยหน้าสบตากับตาคู่งามนั้น
"เราบอกท่านแล้วเหมือนกันว่าไม่!"พระอินทร์ลุกขึ้นจ้องหน้าเคียร่ากลับ ดาบของพระอินทร์เปล่งแสงสีทองออกมา ลมเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ
"ย้า!!!!!!!!!!!!!"ทั้งสองกระโจมเข้าหากัน
ผ่านไป 10 ปี ณ บนสวรรค์
"กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!"
"องค์หญิงธาราเป็นอะไรไปเพคะ"เทพนางกำนันที่คอยดูแลองค์หญิงธาราสะดุ้งตื่นทันทีที่ได้
ยินเสียงองค์หญิงกรีดร้อง
"เรา...คือเราฝันร้ายน่ะ"องค์หญิงธาราธิดาของพระอินทร์และสายธารชายาของพระอินทร์ผู้มีใบหน้างดงามสดใสจนหาที่ติมิได้
"พาเราไปหาเสด็จแม่หน่อยซิ" "เพคะ"นางกำนันรีบพาองค์หญิงไปหาสายธารที่ห้องบรรทมทันที
"เสด็จแม่"ธาราสวมกอดแม่ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะทันทีที่ไปถึง
"ลูกมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ถึงมาหาแม่...ดึกดืนป่านนี้แล้ว หือ"สายธารลูบผมลูกอย่างเอ็นดู
"ลูกฝันร้ายอีกแล้วเพคะ "ลูกฝันว่าเสด็จพ่อจะฆ่าลูก"สายธารใจหายทันทีที่ฟังลูกเล่า ใช่! ธาราฝันแบบนี้มาตั้งแต่เธออายุ 10 ปี และเมื่อเธออายุประมาณ 19 ปี รูปร่างหน้าตาของธาราก็ยิ่งคล้ายเคียร่า ปีศาจที่เคยถูกพระอินทร์ท้าสู้และถูกพระอินทร์ฆ่าตาย ทำให้โลกนี้กลับมาปลอดภัยจากเคียร่าอีกครั้ง และด้วยหน้าตาของธาราที่เหมือนเคียร่านี่เอง ทำให้ทุกคนล้วนเข้าใจว่า ธาราคือคนคนเดียวกับเคียร่าที่กลับชาติมาเกิดนั้นเอง ทำให้สายธารเข้าใจว่าสาเหตุที่ธาราฝันแบบนี้มาตลอดก็เพราะเธออาจเป็นเคียร่าที่มีความแค้นฝังใจนั้นเอง!
13 กุมภาพันธ์ 2551 18:18 น.
บุษบาริมทาง
ฟ้ามืดมัว เหล่าเทพต่างค่อยๆเคลื่อนทัพมุ่งหน้าไปดินแดนปีศาจ ซึ่งฝั่งตรงข้ามที่อีกฟ้ากหนึ่งก็เตรียมขบวนไว้รอเช่นกัน
"ฝ่าบาท...ทอดพระเนตรซิพระย่ะค่ะ พวกเคียร่ามันมีมังกรร่างยักษ์ด้วย"เทพตนหนึ่งกล่าว
"อย่างนี้พวกเราก็แย่ซิ"เทพอีกตนเสริม
"ไม่หรอก...หากเราร่วมใจกัน เราเชื่อ...ว่า ยังไงเราก็ต้องชนะ"พระอินทร์กล่าวหนักแน่น
"...เริ่มเถอะ..."พระอินทร์กล่าว ไม่นานเสียงกลองก็ดังขึ้นเหมือนเป็นสัญญาณว่าพร้อมแล้ว ทางฟ้ากเคียร่าเองก็พร้อมเช่นกัน
"พวกท่านโปรดจำไว้...โลกใบนี้ อยู่ในมือพวกท่านแล้ว ไม่ว่าอยู่หรือตายเราก็ต้องปกป้องโลกนี้ให้รอดพ้นจากเคียร่าให้ได้"พูดจบพระอินทร์ก็ชูดาบคู่ใจขึ้น
ไม่นานสงครามก็เกิดขึ้นระหว่างเทพและปีศาจ การต่อสู้ดำเนินต่อไป แต่ยิ่งสู้พระอินทร์ก็ยิ่งพ่ายแพ้ สายพระเนตรของพระอินทร์ที่มองมาจากด้านหลังของช้างเผือกขนาดใหญ่
เหลือบไปเห็นเคียร่าตนหนึ่งที่รูปร่างหน้าตางามผุดผ่อง แต่ก็มีวิชามาก ในใจของพระอินทร์คิดว่าบางทีนางอาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะสามารถสลายอำนาจเคียร่าได้ ว่าแล้วพระอินทร์ก็ลงจากหลังช้างมุ่งหน้าไปหาเคียร่าตนนั้นทันที่
"เราขอท้าประรองกับท่าน"
"ได้ซิ..."นางส่งยิ้มที่แสนเยือกเย็นให้ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองก็เริ่มขึ้น ฝีมือของทั้งสองชั่งสูสีเสียเหลือเกิน
12 กุมภาพันธ์ 2551 19:36 น.
บุษบาริมทาง
ณ ดินแดนที่สงบและร่มเย็น ซึ่งอยู่สูงเกินกว่าที่มนุษย์เราจะเอือมได้ นั้นคือสวรรค์ สูงขึ้นไปจนสุดแดนสวรรค์ พระอินทร์ผู้มีบุญยาธิกาอาศัยอยู่ ที่ท้องพระโลงของพระตำหนัก เหล่าเทพชั้นสูงมากมายต่างรอการประชุมในวันนี้ บนแท่นสีทองที่สลักลวดลายไว้อย่างสวยงามปูทับด้วยพรมสีขาวอันอ่อนนุ่ม เป็นที่สำหรับประทับของพระอินทร์ พระอินทร์ที่นั่งอยู่บนนั้นสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจ
"ฝ่าบาท"เทพตนหนึ่งเอ่ยขึ้น
"ท่านมีอะไร หรือ"
"ตามที่กระหม่อมตามสืบดู กระหม่อม...ก็ ไม่เห็นหนทางที่จะสังหารเคียร่าได้เลย พระย่ะค่ะ" ใช่แล้วการประชุมในครั้งนี้คือเรื่องของ ปีศาจเคียร่า ซึ่งเป็นปีศาจที่ชั่วร้าย ทุกคืนที่พระจันทร์สีแดงเต็มดวง พวกเคียร่าก็จะออกสังหารเด็กที่เป็นมนุษย์เพื่อดื่มเลือดเป็นอาหาร การกระทำของเคียร่าเป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณ สวรรค์จึงจำเป็นต้องล้างเผ่าพันธุ์เคียร่า แต่เมื่อคิดดูแล้วก็ไม่มีวิธีไหนจะสามารถสังหารเคียร่าได้เลย เพราะเคียร่าเป็นปีศาจผู้ไม่มีวันตาย และนี่เองคือสาเหตุที่ทำให้พระอินทร์กังวลใจ
"เรา...ควรทำสงครามกันดีไมพระเจ้าค่ะ"เทพตนหนึ่งเสนอ
"แต่เราไม่ต้องการทำสงคราม ท่านก็รู้การทำสงครามเป็นเรื่องที่ต้องสูญเสียอะไรมากมาย และที่สำคัญถึงจะทำสงครามกันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเคีร่าฆ่ายังไงก็ไม่ตาย"
"แต่เราไม่มีทางเลือก เราต้องลองดูนะพระย่ะค่ะ"
"นั้นซิ...ฝ่าบาท หรือฝ่าบาทมีวิธีที่ดีกว่านี้"เทพตนหนึ่งสนับสนุน พระอินทร์เริ่มเห็นด้วย แต่พระองค์ก็ไม่อยากให้เกิดการนองเลือด แต่พระองค์ก็ไม่รู้จะหาวิธีไหนได้อีก
"อืม...เห็นที เราก็ว่าควรจะเป็นตามนั้น"
"แล้วเราจะเริ่มปีไหนดีพระเจ้าคะ"
"อีก 2 วัน"คำตอบของพระอินทร์ทำให้ทุกคนเงียบกริบ