14 พฤษภาคม 2548 02:53 น.
บุปผาไพร
หลังจากที่เย็นวันนี้ปลายฟ้าได้ติวคณิตกับนายอู๋แล้ว ก็คุยกันว่าพรุ่งนี้นายอู๋จะติวอังกฤษให้เธอเปลี่ยนกันติวและระหว่างทางขึ้นหอเธอก็เห็นเงาคนดำๆอยู่ข้างๆเสา อันที่จริงครั้งแรกเธอก็คิดว่ามันเป็นแค่เงาแห่งความมืดธรรมดาแต่ยิ่งเข้าไปใกล้ๆมันกลับปรากฏร่างชัดขึ้นชัดขึ้น จนแน่ใจว่าเป็นรูปร่างของคนแน่
ใครน่ะ........ใคร
เงียบ..............
ใคร...หรือว่า..........หรือว่า.............ผี!
ไม่ทันคิดเหนือสิ่งอื่นใดเธอเตรียมหันหลังวิ่งทันทีที่เงานั้นเคลื่อนไหว
ช่วยด้วยผีจับแขน!
เธอร้องไปหลับตาไป
ปลาย..........พี่ปลาย
เอ๊ะเสียงนี้.....คุ้นๆ
อ้าว..แหะๆ..........เต้นั่นเอง
ครับผมเอง .........ผมเหมือนผีนักหรือ
เปล่านะ.........ไม่หรอก
เปล่าไม่ใช่.......ใครว่าล่ะว่าเต้เหมือนผี..........ออกจะน่ารัก ........แล้วมาทำไรอ่ะเย็นแล้วนะ
ผมมาหาไม่ได้เหรอพูดด้วยน้ำเสียงปนน้อยใจ
เปล่า ได้สิ ได้อยู่แล้ว แหมทำเป็นน้อยใจนะ
มีอะไรรึเปล่า
ผมต้องมีอะไรด้วยหรือถึงมาหาปลาย...ไม่สิพี่ปลายได้
เอ๊ะมีอะไรรึเปล่าเราไปทำอะไรให้น้องเต้โกรธรึเปล่านะก็ตกลงกันแล้วนี่ว่าไม่เรียกพี่น้องเพราะอันที่จริงก็อายุเท่ากัน แต่ปลายเรียนเร็วกว่าไป 1 ปีเท่านั้นเอง และหลังจากที่เต้บอกรักเธอ ก็ตกลงให้เรียกกันธรรมดานี่
เต้.........เต้มีไรรึเปล่า........หรือโกรธอะไรปลาย
น้ำเสียงผมบอกขนาดนั้นเลยหรือฮ่ะ
ผมน้อยใจปลายจริงๆนะ..........ภาพที่ผมเห็นมันไม่เหมือนกับที่คุณเคยเล่าให้ฟังเลยว่าคุณกับนายอู๋ไม่ถูกกัน ไม่เหมือนเลยสักนิด..........แล้วคุณจะให้ผมคิดยังไง
ใช่น่ะสิ......ก็เราตกลงกันแล้ว .........ไม่ใช่เหรอ
จริงสิ .......เราตกลงกันแล้ว
ว่าแต่เราหิวจัง อืม..... นายกินข้าวยังล่ะ
นายเป็นไรแน่นะเต้........เรารู้นะว่านายไม่สบายใจ น้อยใจเรา.....แต่....เราไปทำอะไรผิดมาล่ะ?
อืม.....ก็กะว่าจะพาปลายไปกินข้าวน่ะ
อันที่จริงไม่ต้องมาทุกวันก็ได้นะบ้านนายอยู่ห่างจากนี่ตั้ง 4 โล
ปลายไม่อยากให้ผมมาแล้วเหรอ
ปลายไม่อยากให้ผมมาจริงน่ะเหรอ
เปล่าเราเกรงใจนายน่ะ
คนเป็นแฟนกันทำไมต้องเกรงใจกันด้วยล่ะ
จริงสิเราเป็นแฟนกับเต้.........ไม่ๆนี่เราคิดอะไรนี่......เราก็เป็นแฟนกับเต้อยู่แล้วนี่
อืม จริงด้วย........รอแป๊บนะ
อืม......แล้วปลายจะไปไหนล่ะ
เราจะไปชวนอู๋ไปด้วยน่ะ ไม่รู้ว่าเค้ากินข้าวยัง เมื่อกี้เราก็เพิ่วติวกับเขามา
สองคนเหรอ
ทำไมเต้ถามยังงั้นอ่ะ....รึว่า....ไม่ไว้ใจเรา....รึหึง...งั้นบอกความจริงดีกว่าจะได้หึง.........แต่ไม่ได้เดี๋ยวเต้จะไม่สบายใจ
เปล่าหรอก มีเพื่อนอีกน่ะ
เหรอ ..........
เงียบ...................
รอแป๊บนะ
ทำไมต้องโกหกเราด้วยล่ะปลาย.......ทำไม
ปลาย
ฮึ
เราไปกันสองคนไม่ได้หรอ
เต้ต้องมีไรแน่เลย
ได้ไหม
แต่ว่า............
เราพูดเล่นน่ะ.........ไปสิไปชวนเค้าสิเดี๋ยวเราไปรอที่รถนะ
ไม่ดีกว่า
ฮึ !......ไรนะ
ไม่ดีกว่างั้น เราไปกันเลยดีกว่า
....................................................................................................
เต้เป็นไรรึเปล่า.......เราไม่เห็นเต้พูดไรเลยสักคำ
ตอนนี้ปลายฟ้ากับเต้นั่งอยู่ในร้านก๋วยเตี๋ยวข้างๆกับแม่น้ำยม บรรยากาศตอนนี้ช่างเหมาะกับการที่คนที่เป็นคู่รักกันได้อยู่ใกล้ชิดกันยิ่งนัก
เปล่าหรอก
ปากก็พูดไปแต่ใจสิกลับไม่ใช่........ทำไมนะทำไมเขาต้องรู้สึกปวดใจแค่เห็นปลายฟ้าอยู่กับนายอู๋ ไม่หรอกเขาแค่ติวกันไม่มีอะไรแน่.......แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าทำไมปลายฟ้าต้องโกหกเขา.......ทำไมที่ผ่านมาทำไมต้องโกหกกันด้วย........รึว่าเธอไม่ได้คิดที่จะรักเขาเหมือนที่เขารักเธอ
ปลายเราถามอะไรหน่อยได้ไหม
อืมได้สิ
เธอไม่รู้รึไงนะว่าฉันเจ็บปวดแค่ไหนยิ้มอยู่ได้........แต่ก็เพราะรอยยิ้มของเธอนี่ล่ะที่ทำให้เขารักเธอตั้งแต่แรกพบตั้งแต่ที่เขาย้ายมาที่นี่
ไม่มีอะไรหรอก
ทำไมนะทำไมเราไม่กล้าถามนะ.........เรานี่ช่างขี้ขลาดจริงๆ
อ้าว......เป็นงั้นไป
อันที่จริงเราอยากถามปลายว่า.........ว่า........
ว่า.............ปลายฟ้าทำหน้าทะเล้น
ว่า......อ้อปลายจะสอบเอ็นเมื่อไหร่
อ๋อนึกว่าเรื่องไร..........ก็อีกเดือนครึ่ง
เดือนครึ่ง
อืม
เดือนครึ่งที่เธอต้องใกล้ชิดเขา.........ฉันจะทนได้แค่ไหนกันนะ
ทำไมเหรอ
ทำไมปลายไม่ออกจากหอแล้ว........ไปอ่านที่บ้านล่ะ
เต้........เราตกลงกันแล้วนะแล้วปลายก็จะไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด เต้ก็รู้นี่นาว่าทำไม
แต่ปลายเราไม่อยากให้ปลายอยู่ที่นี่แล้ว
เต้........มีเหตุผลหน่อยดิ
เงียบ..........................
เราว่าเราเลิกพูดกันเรื่องนี้ดีกว่านะ
เต้มีเหตุผลอะไรกันนะ..........บอกมาสิแล้วเราจะได้เอาไปคิด.......ไม่..........ตามใจมากไปเดี๋ยวจะได้ใจ
เดี๋ยวเราไปส่งนะ
เต้โกรธแล้วแน่เลย
อืม
ปะ
...................................................................................
ฝันดีนะเต้
อืม
ยิ้มอยู่ได้นะปลายเธอไม่รู้เหรอว่าเราน่ะเจ็บปวดแค่ไหน ให้เราฝันดีน่ะเหรอ เราจะหลับตาลงรึเปล่ายังไม่รู้เลย เธอยังจะให้เราหลับฝันดีเหรอ.........เธอใจร้ายจัง
เต้นี่แปลกๆแหะ.........เราพูดอะไรเกินไปรึเปล่านี่ ..........งั้นเดี๋ยวคืนนี้โทรไปราตรีสวัสดีกว่า
กลับแล้วเหรอปลาย
นายอู๋นั่นเอง มานั่งทำอะไรหน้าห้องเรานะ
อืม.......นายมีไรเหรอ
เปล่า.........คืนนี้อากาศดีนะไปเดินเล่นกันมะ
จริงด้วยบางทีเราอาจจะคิดมากไปก็ได้ นายอู๋ก็เป็นผู้ชายเราลองปรึกษาดีกว่าว่าจะทำไงดี บางทีเราอาจคิดมากไปก็ได้นี่
13 พฤษภาคม 2548 13:54 น.
บุปผาไพร
เหลือเวลาอีก 2 เดือนที่ปลายฟ้าจะได้อยู่ในสถาบันแห่งนี้ ตอนนี้เธอย้ายเข้ามาอยู่ในหอพักกับเพื่อนๆแล้ว ปลายฟ้าได้พักอยู่ห้องเดียวกับเนตรนภา และนิดหน่อย ส่วนคนอื่นๆก็พักแบบเดียวกันไป ห้องละ 3 คน และทุกๆเย็นจะมีอาจารย์ที่สอนประจำโรงเรียนเปลี่ยนกันมาติวให้ จากวันที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่หอพัก จนวันนี้ก็เข้าวันที่ 8 แล้วและเพื่อนๆก็กลับไปเยี่ยมบ้านกันในวันเสาร์อาทิตย์นี้เหลือก็เพียงคนที่อยู่ไม่กี่คน ตอนนี้ปลายฟ้าก็ต้องอ่านหนังสือทุกวัน ถึงแม้เธอจะขี้เกียจก็ต้องพยายาม อันที่จริงเวลาเพียง 2 เดือนมันไม่พอด้วยซ้ำที่จะอ่านหนังสือ แต่เป็นเพราะในเวลาเรียนเธอตั้งใจฟังอาจารย์สอนจนเข้าใจก็เลยทำความเข้าใจกับหนังสือได้ดีกว่าคนอื่นๆ
ปลายตัวไม่กลับจริงๆเหรอ...ไม่คิดถึงบ้านมั่งเหรอเนตรนภานั่นเอง
นี่ไม่ต้องเลยยายเนตร.........เราไม่ได้ไม่คิดถึงแต่เราว่าเวลามันไม่มีแล้วล่ะ...แล้วอีกอย่างนะกลับบ้านไปเราก็ไม่ได้อ่านสู้อยู่ที่นี่ดีกว่า.....จริงมะ
อันที่จริงก็อยากกลับอยู่หรอกแต่ว่า..................มันมีเหตุผลน่ะแกอย่ารู้เลย
เหรอ...คนอย่างแกนี่นะขยันด้วย(ไม่อยากเชื่อ)
อืม .........แล้วพบกัน
บาย
บาย
กว่าจะไปได้เนอะยายเนตร....ไปนั่งอ่านใต้ต้นหางนกยูงดีกว่าฮิๆๆ..........ดูเหมือนเด็กเรียนจริงๆเลยเรา
บรรยากาศตอนบ่าย 3 ใต้ต้นหางนกยูงอันร่มรื่นแผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุม ทำให้บริเวณใต้ต้น ที่มีโต๊ะหินอ่อนวางไว้3โต๊ะ ช่างร่มรื่น บรรยากาศน่าอ่านหนังสือยิ่งนัก
เรานี่ช่างเหมือนเด็กเรียน..........เหมือนนางเอกเลย.....ฮิๆโฮ่ๆ
แต่ว่าพอสายลมพัดผ่านมันทำให้คนที่คิดว่ากำลังอ่านหนังสือฟุบลงกับโต๊ะทันที
น่านอนจริงแหะ....แต่เราต้องอ่านหนังสือนี่.......เอาเถอะเดี๋ยวตื่นแล้วค่อยอ่านก็ได้นี่
มารขี้เกียจเข้าสถิตอีกแล้วฉัน......เทวดาหล่อๆจ๋าช่วยฉันที
ขอนั่งด้วยคนนะ
นายอู๋!
อืม........นั่งดิ
ที่อื่นมีไม่ไป ............ตาบ้านี่
อ่านวิชาไรเหรอ
ไม่เห็นรึไงยะ ก็เขียนว่าคณิตศาสตร์อยู่นี่
อังกฤษมั้ง
คงรู้แล้วสิยะว่าฉันอยากให้นายไปไกล.........ถึงนายจะหล่อน่ารักแค่ไหน....ฉันก็ไม่ชอบนายหรอกยะเพราะใจฉันมอบให้น้องเต้ไปแล้ว....โฮ่ๆๆๆ..........เอ.....แต่เค้าไม่ได้มาจีบเรานิ......แป๊ว
เธอนี่ตลกดีนะ ก็เห็นอยู่ว่าคณิต........ไม่นึกว่าเธอจะอารมณ์ขัน
เอากะเค้าครับท่าน........ช่างไม่รู้ตัวเสียเลย
อืมเราตลกอย่างนี้เสมอล่ะ
พูดไปได้ไงว่ะตู..........มารยาโครต.....
เราก็อ่านคณิตเหมือนกันแต่ว่าไม่เข้าใจก็ทำไงได้เราไม่เก่งอย่างปลายนี่
พูดพร้อมกับมองมาที่เราด้วยสายตาสุดซึ้ง ........แสนประทับใน.......นี่ถ้าฉันกับนายอู๋ไม่เคยมีบัญชีความแค้นกันมาก่อนฉันจะต้องคิดว่านายนี่ต้องมาจีบฉันชัวร์......บัญชีความแค้นอะไรน่ะหรือเดี๋ยวจะบอกให้ทราบเจ้าค่ะ..........เริ่มแต่ที่ฉันเอานายนี่เข้าห้องปกครองโฮ่ๆมันก็แกล้งฉันโดยบ่ายวันหนึ่งนัดไปที่บันไดของชั้นสองที่ปกติตอนบ่ายไม่ค่อยมีคน...ไอ้เราก็นึกว่านายนี่จะเอาไงก็ว่ามา เป็นไงเป็นกัน นายนี่ให้เราไปคนเดียวด้วยนะ เราก็ไม่กลัวโฮ่ๆคนมันเก่ง พอไปถึงนายนี่ก็คุยว่าไม่ให้ฉันยุ่งกะมันอีก ไอ้ฉันก็บอกไปว่าถ้านายไม่ทำผิดฉันก็จะไม่ทำไรนายหรอก.....และแล้วไม่รู้มืออันแข็งแรงมาจากไหน.........ทุกท่านคงคิดว่าฉันคงโดนตบสิไม่ใช่ มันจับเข้าที่แขนทั้นสองข้างของฉันพร้อมกันนั้นก็จับตรึงกับผนังแล้วก็จะ.......จะ........จูบฉัน...พูดแล้วแค้น...แต่ยังไม่ทันทำไรฮิๆ...อาจารย์ก็เดินผ่านมาแล้วก็เห็นเหตุการณ์ แล้วก็ถามว่าทำไรกันน่ะ........ทุกท่านคงคิดว่าจบแล้วสิไม่ค่ะ...นายนี่ตอบว่า..เรื่องของคนเป็นแฟนอย่ายุ่ง..........เอากะเค้าดิ....เราก็อาศัยจังหวะเผลอค่ะสองเท้าอันแข็งแรงก็ป๊าบ!เข้าเป้าค่ะ .......ผลปรากฏว่าปล่อยค่ะท่าน...มือโดนปล่อย เราก็ไม่คิดอะไรล่ะ รีบวิ่งมาทันที......แต่แปลกไม่เห็นอาจารย์เรียกพบเราเลย แล้วหลังจากนั้นนายนี่ก็ชอบแกล้งเราอีก........ลืมบอกค่ะตอนนี้เราเป็นแฟนกับน้องเต้แล้วนะ....แต่ก็มีอุปสรรคค่ะคือเรากับน้องเต้ไม่ได้หวานชื่นกันอย่างที่คิดเพราะมีนายอู๋บอระเพ็ดมาขัดขวางตลอดคิดแล้วเศร้า...
เราก็ไม่เก่งอังกฤษเหมือนนาย
ออกจากพะวังความคิด
เอางี้ดีไหมปลายช่วยติวคณิตให้เรา...แล้วเราจะติวอังกฤษให้
ปลายนะปลายนะ.....สายตาอ้อนวอนสุดแล้วนะนี่
งั้นเรามีของแถมถ้าปลายติวให้เราเราจะไม่แกล้งปลายอีก........
พอใจรึยังล่ะปลาย........เธอพอใจหรือยัง
อืม น่าสนงั้นก็ได้
ดีต่อไปนี้ฉันจะได้มีช่วงเวลาแห่งความสุขกับน้องเต้สุดรักของฉัน...แหมเรานี่ฉลาดจริงๆมีแต่ได้กับได้
ดีเลยงั้นเรามาเริ่มกันเลยนะ
นายอู๋พอนายทำอย่างนี้นายจะรู้ตัวไหมนะว่านายน่ะน่ารักกว่าแต่ก่อนมาก........นายน่าจะเป็นอย่างนี้มานานแล้วนะไม่น่าเลย...........คิดอะไรนี่เรา
แต่เราไม่เคยติวให้ใครอ่ะ ติวไม่เป็นอ่ะทำไงดีอ่ะ
โดนว่าแน่เลย
ไม่เป็นไร..เอาเป็นว่าถ้าเราไม่เข้าใจตรงไหนเราจะถามนายแล้วกันนะ
เวลาเธอทำหน้าตาโนเนะเธอน่ารัก...รู้หรือเปล่าปลายฟ้า.......อันที่จริงเธอน่ารักทุกเวลาหล่ะ..โดยเฉพาะเวลาโกรธ..........
นี่นายยิ้มไร.........ยิ้มเยาะฉันหรือไงย่ะ
เปล่าซะหน่อย .......คิดมากไปได้
เออก็เรามันคนคิดมากนี่ เชอะ...ยังกะตัวดีนักล่ะ ชอบแกล้งผู้หญิง......แล้วยังมาทำหน้าตายต่อหน้าฉันอีก.......ตานี่เหลือเกินจริงๆ
อืมปลายตรงนี้น่ะ ที่เราไม่เข้าใจ
ไหนๆ .......อุ้ย!
ตายล่ะหว่าหน้าผากชนกัน........หน้าผากเราปูดไหมนี่
เป็นไรมากมั้ย
หุๆๆๆๆๆฮ่าๆๆๆๆ
มีอะไรนายอู๋ถามงงๆ
ก็นายดูนี่พูดพร้อมยื่นกระจกให้
ตายล่ะ
ก็จะไม่ให้ตายได้ไงล่ะหัวนายอู๋โนออกยังงั้น.......ช่วยไม่ได้ก็เราหัวแข็งนี่
เธอนี่หัวแข็งชะมัด
ช่วยไม่ได้
เราดีใจที่ทำให้เธอหัวเราะได้ปลาย..........แค่ได้ยินเธอหัวเราะหรือยิ้มเราก็มีความสุขแล้ว
นี่นายมองไรย่ะ ฉันน่ะไม่โนอย่างนายหรอก
ตานี่น่าขำชะมัด.........มองอยู่ได้รึว่า..รึว่า...จะแค้นอีก....ตายล่ะหว่า
เออ.เราขอโทษ
ฮึ!.......ไม่เป็นไรไม่ใช่ความผิดของเธอ
แปลกแหะนายนี่วันนี้มาไม้ไหนนี่
แต่ไม่ว่ายังไงวันนั้นทั้งวัน หากมีใครผ่านมาใต้ต้นนกยูงแห่งนี้ก็จะพบกับคนสองคนช่วยกันติวหนังสือ และมีเสียงหัวเราะผ่านลอยมากับสายลมไม่ขาด สองคนนั้นจะรู้ไหมนะว่าไม่ห่างกันนั้นมีผู้ชายอีกคนหนึ่งได้ยินเสียงนี้เสียงของผู้หญิงที่เขารักผ่านมากับสายลม แต่เมื่อได้มาเจอเธอ เขาก็ไม่กล้าแม้แต่เดินเข้าไปหา สักก้าว
10 พฤษภาคม 2548 23:52 น.
บุปผาไพร
หลังจากวันนั้นปลายฟ้ากับเพื่อนก็มาตรวจเวรกันตามปกติแต่ที่ไม่ปกติก็เห็นจะเป็นปลายฟ้านี่ล่ะไม่รู้เป็นไง อยากจับผิดเหลือเกิน จนในที่สุดก็เอาเจ้าอู๋เข้าห้องปกครองได้ แต่ก็ไม่ใช่เพราะเธอแกล้งหรอก ก็นายอู๋น่ะทำความผิดเองนี่
ไอ้ปลายไม่รู้แกทำได้ไง แกไม่กลัวเหรอวะ...หมอนั่นน่ะน่ากลัวออก
ทำไมจะไม่กลัวล่ะเนตร ....แต่ถ้าไม่มีใครกล้า โรงเรียนก็ไม่รู้จะมีคณะกรรมการได้อย่างไร
โฮ่ๆ......ไม่กลัวหรอก
แกเจ๋งว่ะ
อืม
ปลายฟ้ากับเนตรนภาพูดกันไปขณะที่เดินไปยังหน้าเสาธง
ว่าแต่แกเถอะ......อ่านหนังสือยังใกล้สอบเอ็นแล้วนะโว้ย
แกไม่ต้องพูดเรื่องปวดหัวเลย
อันที่จริงปลายฟ้าเป็นผู้หญิงที่เรียนเก่งมากในชั้น แต่ติดอยู่ตรงที่เธอขี้เกียจเท่านั้นล่ะ ...........ถ้าไม่อย่างนั้นเธอก็คงเก่งกว่านี้อีก ..............สมองดี.........แต่ขี้เกียจ
พี่ปลายครับตรวจเวรแต่เช้าเลยนะครับ
ว้ายน้องเต้สุดหล่อ
อ๋อ.......น้องเต้ วันนี้ไม่ใช่เวรพี่หรอกจ๊ะ
อ้าวแล้วพี่ไปไหนล่ะครับ
พี่จะไปนั่งเล่นหน้าเสาธงน่ะจ๊ะ
เหรอครับ...........งั้นวันหลังผมไปนั่งด้วยได้ไหมครับ
เอ๊ะตาเด็กนี่ชักไงๆ
ได้สิจ๊ะได้อยู่แล้วสำหรับน้องเต้
นี่โดนม่อเสียเลย....หุๆ
นี่แกจะม่อเด็กรึจ๊ะ
หุบปากเลยไอ้เนตร
ใครว่าล่ะจ๊ะเนตร .........เราน่ะรักใครรักจริง
พูดพร้อมหันไปหาน้องเต้............เอาเข้าไปตู
เหรอจ๊ะ
พี่ไปก่อนนะจ๊ะน้องเต้
........................................................................................
นี่ไอ้ปลายฉันไม่เข้าใจเลยแกคิดจะทำอะไรกันแน่
ก็เปล่า
ก็เปล่า.....แล้วแกไปยุ่งกับน้องเขาทำไม
ก็เปล่าไง....ก็เค้าเห็นเป็นรุ่นน้องก็ต้องดูแลหน่อยดิ จริงมะ...........เอาน่าอย่าคิดมาก
หลังจากวันนั้นที่ปลายได้คุยกับน้องเต้ก็คุยกันทุกวัน เพราะทางที่จะมาหน้าเสาธงนั้น ห้องน้องเต้ก็คือทางผ่านนั่นเอง
อ้อได้ข่าวว่าพักนี้นายอู๋ก็มายุ่งกะแกบ่อยไม่ใช่หรือวะ
ไม่หรอกนี่.........ก็แค่มันอาจแค้นที่เค้าเอามันเข้าห้องปกครอง...ก็แค่นั้น
มันอาจชอบแกก็ได้นะ
ชอบบ้าอะไรล่ะ.......................มันเกียจจนอยากแกล้งฉันดิไม่ว่า
หุๆ...แกคิดงั้นเหรอ
อืม
แกคิดงั้นจริงอ่ะ
อืม
ใช้อะไรคิดวะไอ้เนตร
หุๆ
ขอผมนั่งด้วยคนได้ปะครับพี่ปลายพี่เนตร
ว้ายน้องเต้สุดหล่อนั่นเอง
ได้จ๊ะได้
ไม่ต้องรีบพูดก็ได้ไอ้ปลาย
ไม่ต้องพูดสักเรื่องก็ได้นะได้เนตร
งั้นเดี๋ยวเราเอาสมุดการบ้านไปส่งก่อนนะเนตรพูดเหมือนตัดรำคาญ
อืมฝากด้วยนะโว้ย
อ้าว
ไม่ต้องอ้าวหรอกวันนี้ข้าขอแล้วกัน...โอกาสกำลังดี
ก็ค่าลอกไง
จะหลีเด็กดิไม่ว่า
หุๆ
ไปเถอะไม่ต้องทำเป็นรู้ทันหรอกน่า
ก็ได้วันนี้วันเดียวน่ะโว้ย
อืม...
รีบไปสิ
หลังจากที่เนตรนภาออกไปแล้วปลายฟ้ากับเต้ก็คุยกันถึงเรื่องต่างๆ ถ้าเธอไม่คิดว่าน้องเต้เป็นรุ่นน้องเธอก็คงคิดว่าเต้จีบเธอแน่ๆ
..................................................................................
หลังจากวันนั้นวันที่น้องเต้เข้ามาคุยกับปลายฟ้าก็ผ่านมา1 เดือนแล้วและแล้ววันเวลาก็ผ่านไป วันสอบกลางภาควันสอบปลายภาค จนเทอมนี้ก็เทอมสุดท้ายแล้วที่ปลายฟ้าจะได้อยู่ในสถาบันแห่งนี้
นี่วันนี้ไปเล่นปิงปองกันมะ ตอนกลางวันน่ะ
ไปดิไม่พลาดหรอก
นี่ปลายแกไม่เครียดกับการสอบเอ็นที่กำลังจะมาถึงบ้างเลยเหรอ
นิดหน่อยนั่นเอง พักนี้นิดหน่อยดูเคร่งเครียดกับการเรียนมากกว่าทุกคนอาจเป็นเพราะว่าเธอหวังเอาไว้มากก็ได้ ว่าจะต้องเข้ามหาลัยให้ได้ อันที่จริงปลายฟ้าก็อยากเข้าให้ได้เหมือนกัน .......แต่เธอก็ขี้เกียจเกินกว่าที่จะอ่านในตอนนี้
แหมเหลือเวลาอีกตั้ง2เดือนแน่ะ
อย่าทำให้เราใจเสียดิ........ปลายฟ้าคิด
ตอนนี้เราอยากสนุกกับชีวิตให้เต็มที่ เพื่อเวลาต่อไปเราจะได้ไม่ต้องเสียใจไงว่าเราทำอะไรไม่เต็มที่กับช่วงเวลา
จะเข้าใจไหมนิ..........แหมเรานี่ช่างปรัชญาจริงๆ
ตามใจ
อย่าเครียดน่าหน่อย เดือนหน้าเราก็ย้ายเข้ามาในหอพักของโรงเรียนแล้ว เวลานั้นเราก็จะได้ติวกันเต็มที่....เป็นไง
นั่นน่ะดิเนตรสมทบ
.......................................................................................
10 พฤษภาคม 2548 22:15 น.
บุปผาไพร
มันผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะเวลาที่เธอจากเขามา1ปีหรือ10เดือนแต่ที่รู้มันนานมากแล้วล่ะ นานจนหัวใจมันเริ่มที่จะลืมเลือน นานจนภาพแห่งความสุขเหล่านั้นมันลางเลือนเต็มทีแต่มันก็ไม่หายไป มันยังประทับตราตรึงอยู่ในใจตลอดเวลา
.........................................................................................................................................................
ปลายทำไรอยู่น่ะเพื่อนสนิทของปลายฟ้านั่นเอง
ก็ดูน้องๆที่เข้ามาใหม่กันนะดิ
ก็ดูแต่น้องๆ ไม่รู้รึไงว่าอาจารย์เค้าเรียกประชุมคณะกรรมการ
เหรอ...แล้วเมื่อไหร่ล่ะ
ก็เดี๋ยวนี้ไง ว่าแล้วว่าแกต้องลืมเนตรนภาส่ายหัวหลุกหลิก
เหรอ..หุๆ...โทษทีเพื่อน...ปะงั้นไปกัน
อันที่จริงเราไม่ได้ลืมหรอกเพื่อนแต่เรากำลังดูน้องๆที่หน้าตาจิ้มลิ้มอยู่น่ะ......โทษทีนะ
เฮ้อ...ไม่รู้ว่าเราคิดได้ไงนี่ ....ฐานสารภาพรักนิดหน่อยเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น
ก็เราจะได้ใช้โอกาสไงจีบรุ่นน้องเลยเป็นไง...ปลายฟ้าคิด
ไอ้ปลายแกนะแกนิดหน่อยบ่นอีกรอบ
นี่อย่าบ่นเป็นคนแก่เลยน่ะ......แกก็ยังไม่มีแฟนนี่หน่อย....แกก็ใช้โอกาสนี่หาแฟนเลยเป็นไง
อย่ามาพูดเล่นนะไอ้ปลายแกเป็นคนคิดจะเอาฐานนี้ ......คิดเลยไอ้เนตรก็เป็นไปด้วย
เฮ้อแกสองคนนี่จริงๆเลย
..............................................................................................................................................
ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับงานรับน้อง ฐานของเราได้รับความสนใจเป็นอย่างดี
ฉันไม่รู้ว่าแกเอาอะไรมาคิดว่ะ ให้เค้าสารภาพรักกัน..........
อืม........ไม่รู้น่ะดีแล้วเนตร
ฉันกับเนตรมักจะไปตรวจเวรตอนเช้าๆเสมอ ก็เราสองคนได้ถูกจับคู่ให้เป็นคณะกรรมการนักเรียนคู่กันน่ะดิไม่รู้ .........แต่ก็ดีเพราะคงไม่มีใครเข้ากันได้เหมือนเราอีกแล้วล่ะ
เฮ้ยไอ้ปลาย................นั่นมันน้องเต้นี่หว่า
อืมจริงด้วย.........น่ารักดีวะ
เมื่อผ่านหน้าน้องเต้เราก็ยิ้มให้พร้อมกับ หาทางพูดคุยสนิทด้วย
นี่แต่งตัวให้เรียบร้อยหน่อยน้อง
ก็มันไม่รู้จะพูดไรนี่หว่า
ครับๆพี่
น่ารักจริงเชียว
ตรวจเวรแต่เช้าเลยนะพี่....ปลาย
หว่ารู้จักชื่อเราได้ไงนิ
ไอ้ปลายมาได้แล้วแกมาดูห้องนี้นี่
ขัดจังหวะจริงไอ้เนตรนิ จะจีบเด็กซะหน่อย
มีไร
ก็แกดูไอ้หมอนั่นดิมันชื่ออู๋...ซ่ามักมากในห้องนี่น่ะ
มันจะแค่ไหนกันเชียว
ก็เอาเป็นว่าไม่มีใครกล้ายุ่งกะมันละกัน
ขนาดนั้นเชียว..เดี๋ยวแกคอยดูนะพวกอย่างนี้ล่ะฉันชอบนักล่ะ
ข้าว่าแกอย่ายุ่งเลยดีกว่าว่ะ
ไอ้เนตรมันไม่รู้รึไงว่าเรายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุน่ะ...............คอยดูนะคุณอู๋
7 พฤษภาคม 2548 23:42 น.
บุปผาไพร
ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งท่ามกลางโลกที่มันวุ่นวาย ความไม่จริงใจการใส่หน้ากากเข้าหากันของผู้คน ความไม่จริงใจ ความโกหก ความลามก เหล่านี้มันอยู่ในสายเลือดของผู้คนแล้วจริงๆ
เราไม่มีวันรู้ในสิ่งที่เราเป็นจนกว่าว่าเราจะได้พบเจอกับประสบการณ์นั้นจริงๆ เหตุการณ์ซึ่งมันอาจจะทำให้เราทั้งดีใจ เสียใจ หัวเราะหรือร้องให้ไปกับมัน ทั้งที่บางทีมันอาจไม่เกี่ยวกับตัวเราเลยก็ได้
ฉันเป็นผู้หญิงที่เพ้อฝัน ฝันเห็นความรักที่สวยงามจริงใจ ความเสียสละ เหล่านี้คือความฝันของฉัน แม้สักครั้งหากฉันจะต้องเสียใจเพื่อให้คนที่ฉันรักมีความสุขแล้วละก็ฉันก็จะไม่ลังเลและเสียใจที่จะทำมันเลย นี่คือความคิดของฉัน แต่ฉันจะไม่มีวันตายเพราะความรักที่ไม่สมหวังหรอกนะ ฉันไม่ทำอย่างนั้นแน่ เพราะชีวิตของเรามีค่ากว่าที่เรารู้ ฉันจะใช้ชีวิตของฉันให้คุ้มค่าที่สุด เท่าที่จะทำได้ หากแต่มันจะต้องมีความชอบธรรมมาประกอบอยู่ด้วยเสมอ
ฉันชื่อ ปลายฟ้า ฉันอายุจะ19 ปีนี้แล้วล่ะ แต่ฉันกลับรู้สึกอยู่เสมอว่าฉันเป็นผู้ใหญ่เกิน ฉันไม่ได้เป็นคนที่คิดขึ้นมาเองนะมีคนที่เขาพูดกับฉันอย่างนี้ตากหากล่ะ ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าได้ทำอะไรให้เขาคิดอย่างนั้น แต่ก็เอาเถอะ คิดซะว่าฉันเป็นอย่างนั้นก็แล้วกัน
ในชีวิตของคนมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายหลากหลายแตกต่างกันหากแต่ เรามองมันในสิ่งที่มันเป็นมันก็เป็นแค่สิ่งที่ธรรมดาเกินไป ฉันชอบที่จะมองสิ่งต่างๆให้มันแตกต่างอยู่เสมอ ฉันว่าบางทีหากเรามองสิ่งใดแตกต่างไปจากที่เราเห็นเราอาจจะพบกับ สิ่งที่มันน่าประหลาดใจก็เป็นได้
นั่นเหละมันคือสิ่งที่วิเศษที่มีเพียงเราเท่านั้นที่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร ใจชีวิตฉันก็เช่นกันฉันมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นมาในชีวิตอาจสมหวังหรือผิดหวังบ้างมันก็เป็นรสชาติของชีวิตไปอีกแบบ ฉันมีความสุขที่ฉันเคยเจ็บปวดเคยร้องให้ และมีความสุข นั่นแหละมันถึงคุ้มค่ากับการเป็นคน
ตอนนี้ฉันอาจจะแนะนำตัวเพียงเท่านี้ แต่ตอนต่อไปอาจจะพบกับฉากชีวิตของฉันหรือของใครที่ฉันจะได้บอกเล่าต่อไป ซึ่งมันอาจจะเป็นทั้งเรื่องจริง หรือเพียงจินตนาการ แต่เชื่อเหอะว่ามันจะต้องเคยคุ้นกับคุณ